๑๔ ตุลาฯ ที่เกิดขึ้นก่อน ๑๔ ตุลาฯ (ตอนที่ ๕)
คณะกู้บ้านกู้เมือง (กบฏบวรเดช) ได้ยื่นข้อเรียกร้อง ๖ ข้อต่อรัฐบาลพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา หนึ่งในนั้นคือ ต้องการให้รัฐบาล “ต้องจัดการทุกอย่างที่จะอำนวยผลให้ประเทศสยามมีพระมหากษัตริย์ปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญชั่วกัลปวสาน”
๑๔ ตุลาฯ ที่เกิดขึ้นก่อน ๑๔ ตุลาฯ (ตอนที่ ๔)
ข้อเรียกร้องประการหนึ่งของการก่อการของคณะกู้บ้านกู้เมือง (กบฏบวรเดช) คือ การต้องการรักษาระบอบการปกครองพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมไว้
๑๔ ตุลาฯ ที่เกิดขึ้นก่อน ๑๔ ตุลาฯ (ตอนที่ ๓)
สาเหตุที่คณะกู้บ้านกู้เมือง (หลังพ่ายแพ้ จึงถูกเรียกว่า กบฏบวรเดช) เรียกร้องให้รัฐบาลพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา “ต้องจัดการทุกอย่างที่จะอำนวยผลให้ประเทศสยามมีพระมหากษัตริย์ปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญชั่วกัลปวสาน”
๑๔ ตุลาฯ ที่เกิดขึ้นก่อน ๑๔ ตุลาฯ (ตอนที่ ๒)
๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ เป็นวันที่เกิดการต่อสู้กันระหว่างรัฐบาลพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา กับคณะกู้บ้านกู้เมือง ที่ต่อมาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และถูกเรียกว่า “กบฏบวรเดช”
๑๔ ตุลาฯ ที่เกิดขึ้นก่อน ๑๔ ตุลาฯ (ตอนที่ ๑)
เวลาเอ่ยถึงเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาฯ คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ แต่ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย จะมีเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองที่เกิดขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคมเช่นกัน
ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (ตอนที่ ๑๔)
จากการสัมภาษณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว นายแฮโรลด์ เอน. เดนนี (Harold N. Denny) ได้เขียนบทความเรื่อง
เว้นวรรครัฐประหาร (ตอนที่ ๙): การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการยุบสภาเมื่อใกล้ครบวาระของอังกฤษ
อย่างที่ทราบกันว่า อังกฤษเป็นต้นแบบการปกครองแบบรัฐสภาของโลก ถึงขนาดเรียกการปกครองระบอบรัฐสภาของอังกฤษว่า ตัวแบบเวสต์มินสเตอร์ (Westminster model) ผู้เขียนได้เคยเล่าประวัติความเป็นของการเกิดสภา
ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (ตอนที่ ๑๓)
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริที่จะจัดตั้งองค์กรที่เป็นทำหน้าที่คล้ายสภาของอังกฤษ นั่นคือ
เว้นวรรครัฐประหาร (ตอนที่ ๘)
ก่อนที่จะเรียกร้องให้มีหรือไม่มีการยุบสภา ควรเข้าใจถึงเป้าหมาย หลักการและเหตุผลในการยุบสภา ซึ่งการยุบสภาเกิดขึ้นได้เฉพาะในระบอบการปกครองแบบรัฐสภาเท่านั้น ในระบอบประธานาธิบดีแบบสหรัฐอเมริกา ไม่มีการยุบสภา
ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (ตอนที่ ๑๒)
คราวที่แล้ว ผู้เขียนได้กล่าวไว้ว่า เป็นประเด็นที่น่าศึกษาอย่างยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯในฐานะพระมหากษัตริย์พระองค์ที่เจ็ดในราชวงศ์จักรี