ตามตัวบทกฎหมาย บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พ้นมลทิน หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6:3 ไม่สิ้นสภาพความเป็นนายกรัฐมนตรี ตามที่ถูกยื่นร้องให้ตีความการเป็นนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี อันเป็นข้อห้ามทางกฎหมายหรือไม่

พรรคภูมิใจไทย (ภท.)ที่เติบโตอย่างมีเอกภาพ พร้อมด้วยคนการเมืองไหลเข้ามา กระทั่งถูกคาดหมายว่า มีโอกาสจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลครั้งหน้า หนึ่งในผู้ปิดทองหลังพระคนสำคัญก็คือ “ครูใหญ่” หรือ ลุงเนวิน ชิดชอบ ในฐานะประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด

ช่วงนี้ยังลุยงานและลงพื้นที่ไม่ขาดสาย สำหรับรองโฆษกรัฐบาลสายฟาด อย่าง “อ้น” ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ตั้งแต่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ต้องไปปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี

ทุกสายตาจับจ้องไปยังวันที่ 30 ก.ย. วันพิพากษา บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรื่องวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี จะออกมาอย่างไร ไม่มีใครรู้ ผลจะออกมาอย่างไร กองเชียร์ กองหนุน ลุ้นให้ พล.อ.ประยุทธ์กลับมาทำหน้าที่ สานภารกิจบ้านเมืองต่อไปจนครบวาระรัฐบาล

การย้ายพรรคของ “วทันยา บุนนาค” จากพรรคพลังประชารัฐ ไปสังกัด “พรรคประชาธิปัตย์” มีข่าวกระเส็นกระสายออกมาเป็นระยะ

สำหรับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) จากพรรคอันดับ 5 หลังการเลือกตั้งปี 2562 ด้วยจำนวน ส.ส.51 เก้าอี้ แต่บัดนี้เวลาผ่านไป 3 ปีครึ่ง และเหลือเวลาไม่ถึง 180 วันก่อนครบวาระรัฐสภา 23 มี.ค.2566

ถ้าว่ากันด้วยผลงาน ไม่เอาอคติทางการเมืองมาปน หนึ่งในเสนาบดีที่มีผลงานลำดับต้นๆ ในรัฐบาลลุงตู่ “ลูกท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา ต้องติดท็อปไฟว์

ยุคแห่งความยุ่งเหยิง วุ่นวาย ผ่านพ้นไปแล้ว พรรคเพื่อชาติ เมื่อ 10 ก.ย. จัดประชุมวิสามัญเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรค ได้คณะทำงานชุดใหม่ 15 คน มีทั้งผู้มีประสบการณ์การเมือง แวดวงต่างๆ กลุ่มคนรุ่นใหม่ก้าวเข้ามาร่วมทีมบริหาร

สนามการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคการเมืองน้อยใหญ่ทั้งที่อยู่มานานหรือเกิดใหม่ ต่างเบนเข็มหันหัวไปพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งรอบหน้าจะมีทั้งหมด 58 ที่นั่ง