‘พิธา’ จี้รัฐเร่งซื้อเครื่องช่วยหายใจ-เพิ่มบุคลากรการแพทย์ รับมือระบาดโควิดรอบใหม่

6 มี.ค.2565-นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง “ยอดโควิดสะสมทะลุ 3 ล้าน ยอดผู้ป่วยหนักอาจเพิ่มขึ้นสูงกว่าระลอกเดลตา รัฐต้องรีบเตรียมการระบบสาธารณสุขให้พร้อมรับมือสถานการณ์” ระบุว่า สวัสดีพี่น้องประชาชนทุกท่านครับ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ระดับการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนในประเทศไทยถือว่าสูงกว่าจุดสูงสุดของการระบาดในรอบเดลตาแล้ว และยอดผู้ป่วยโควิดสะสมในประเทศไทยก็แตะ 3 ล้านคนไปในวันที่ 5 ที่ผ่านมา ในโอกาสนี้ผมจึงขอให้บริบทกับสถานการณ์ที่เราเผชิญอยู่และฉากทัศน์ของการระบาดต่อไปข้างหน้า รวมถึงข้อเสนอของผมที่มีต่อรัฐบาล

สำหรับบริบทของสถานการณ์ในตอนนี้ จำนวนเคสการระบาดต่อวันสูงกว่าระลอกเดลตาแล้วก็จริง แต่ระดับความเลวร้ายของสถานการณ์จริงๆ มองที่ระดับความตึงเครียดต่อระบบสาธารณสุขครับ ในที่นี้คือจำนวนผู้ป่วยหนัก ในระลอกเดลตาวันที่มีผู้ป่วยหนักกำลังรักษามากที่สุดคือ 16 ส.ค. 2564 ที่มีผู้ป่วยหนัก 5,626 ราย มีผู้ใส่ท่อช่วยหายใจ 1,161 ราย เทียบกับในระลอกปัจจุบันที่ถึงแม้จะมีผู้ป่วยมากกว่า แต่มีผู้ป่วยหนัก 1,145 ราย ผู้ใส่ท่อช่วยหายใจ 366 ราย ถือว่าสถานการณ์ยังรุนแรงน้อยกว่าจุดสูงสุดของการระบาดช่วงเดลตาอยู่พอสมควร

ถัดมาคือบริบทของฉากทัศน์ที่รัฐบาลนำเสนอ สำหรับฉากทัศน์ตามแนวโน้มในปัจจุบัน จำนวนเคสยืนยันเพิ่มขึ้นต่อวันจะขึ้นไปสูงสุดที่ 40,000 – 50,000 เคส ในช่วงกลางเดือน เม.ย. สถานการณ์จำนวนผู้ป่วยหนักจะวิกฤติที่สุดประมาณ 2,000 คนที่ทำการรักษาอยู่ในช่วงต้นเดือน พ.ค. ซึ่งถือว่าความตึงเครียดต่อระบบสาธารณสุขยังน้อยกว่าระลอกเดลตาประมาณครึ่งหนึ่ง

ส่วนในฉากทัศน์ที่เป็น Worst Case จำนวนเคสยืนยันเพิ่มขึ้นต่อวันจะขึ้นไปสูงที่สุดเพิ่มขึ้น 100,000 เคส ในขณะที่จำนวนผู้ป่วยหนักที่อยู่ระหว่างการรักษาจากชาร์ทที่ ศบค. นำเสนอจะขึ้นไปสูงขึ้น 6,000 และใส่ท่อช่วยหายใจ 1,600 ราย ซึ่งสูงกว่าจุดสูงสุดของเดลตาที่มีผู้ป่วยหนัก 5,626 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 1,115 ราย เพราะฉะนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่การระบาดจะสร้างความตึงเครียดต่อระบบสาธารณสุขมากกว่าระลอกเดลตาที่คนไทยล้มตายเหมือนใบไม้ร่วง ในขณะนั้นงบประมาณเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขที่อนุมัติไปตั้งแต่ปลายปี 2563 เบิกจ่ายออกมาใช้รับมือโควิดช่วงที่รุนแรงที่สุดหรือมีผู้ป่วยหนักมากที่สุดได้เพียงแค่ 15% เท่านั้นเองในวันที่ 16 สิงหาคม 2564 หรือแปดเดือนหลังจากที่อนุมัติงบประมาณไปแล้ว จนแม้แต่โรงพยาบาลของกรมการแพทย์เองกลับต้องออกมาขอรับบริจาคเครื่องช่วยหายใจ

สำหรับการเตรียมรับมือการระบาดในระลอกนี้ เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา ครม. ได้อนุมัติงบประมาณเพื่อเตรียมซื้ออุปกรณ์การแพทย์รองรับผู้ป่วยโควิด เหลือง-แดง มูลค่า 5,731 ล้านบาท การอนุมัติในครั้งนี้ถือว่าเสียเวลาไป 2 เดือนหลังจากที่มติ ครม. ให้ทบทวนโครงการซื้ออุปกรณ์การแพทย์ 13,675 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 64 ให้การจัดซื้อตรงจุดกับผู้ป่วยอาการรุนแรงมากขึ้น นอกจากนี้ตามมติ ครม. 15 ก.พ. ยังได้ให้หน่วยงานจัดทำรายงานยืนยันว่าสามารถก่อหนี้ผูกพันได้ในกรอบเวลาของ พ.ร.ก. เงินกู้ 2564 (หรือ ก.ย. 2565) และขอให้หน่วยงาน “ปฏิบัติตามมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน” ซึ่งทำให้เป็นไปได้อย่างมากว่าโครงการที่อนุมัติไปในเดือนกุมภาพันธ์จะไม่สามารถจัดซื้อได้ทันสำหรับช่วงที่ฉากทัศน์การระบาดของรัฐบาลเองจะรุนแรงมากที่สุดในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม

การแก้ไขโครงการดังกล่าวอาจเป็นเรื่องที่เหมาะสมแต่เวลาก็ล่วงเลยมาพอสมควร และสิ่งที่ผมจะขอเรียกร้องต่อรัฐบาลในครั้งนี้คือความรวดเร็วของการบริหารการจัดซื้อจัดจ้างและการเบิกจ่าย อย่าให้ต้องมีใครเสียชีวิตจากความล่าช้าเพราะกฎระเบียบหยุมหยิมของราชการอีกเลยครับ จะมีประโยชน์อะไรที่แก้ไขโครงการให้ตรงจุดมากขึ้น แต่เครื่องช่วยหายใจที่ซื้อได้มาทีหลังจากการระบาดสิ้นสุดไปแล้ว อย่าความผิดพลาดซ้ำรอยเหมือนระลอกเดลตาอีกเลยครับ

ถึงบุคลากรด่านหน้าทุกท่าน ผมขอขอบคุณที่ทุกท่านต่อสู้มาเป็นเวลากว่า 2 ปี ผมเข้าใจว่าทุกท่านเหนื่อยมามากแล้ว รัฐบาลต้องเตรียมพร้อมเพื่อให้มีกำลังคนเพียงพอและมีขวัญกำลังใจที่เพียงพอ ในตอนนี้ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมีโครงการเพิ่มบุคลากรการแพทย์เพื่อรองรับโควิดระลอกใหม่ 2,402 ตำแหน่ง ใช้งบกลาง 1,080 ล้านบาท แต่ก็เป็นโครงการที่ถูกปรับแก้ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาจากเดิมที่ สธ. ขอเพิ่ม 5,000 ตำแหน่งใช้งบ 4,300 ล้านบาท ผมตระหนักดีครับว่าการปรับลดโครงการในเวลานั้นเป็นเพราะสถานการณ์ที่คลี่คลายลงในช่วงปลายปี แต่ในเวลานี้ที่แม้แต่ฉากทัศน์ของรัฐบาลเองการระบาดในระลอกนี้อาจร้ายแรงไม่แพ้การระบาดในระลอกเดลตา ดังนั้นรัฐบาลควรรีบทบทวนสถานการณ์และเตรียมพร้อมเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ให้เพียงพอกับสถานการณ์ใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เอ็ดดี้ อัษฎางค์' มีคำตอบให้! 'พิธา' ไม่เข้าใจทำไมกลายเป็นศัตรูเพื่อไทย

เอ็ดดี้-อัษฎางค์ ยมนาค อินฟลูเอ็นเซอร์การเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ไม่เข้าใจทำไมกลายเป็นศัตรูกับเพื่อไทย อัษฎางค์ ยมนาค มีคำตอบให้

‘ภูมิธรรม’ มั่นใจนายกฯกลับมาประชุมตั้ง ‘เจทีซี’ เสร็จ ชงเข้าครม.19 พ.ย.ทันที

‘ภูมิธรรม’ ระบุ หากนายกฯกลับมา เรียกถก ตั้ง เจทีซี วันนี้ก็ เข้าครม.ทันพรุ่งนี้ โยน กต.เคาะรายชื่อ ลั่น เกาะกูดไม่จบซํ้ารอยเขาพระวิหารแน่ ยัน ไม่มีเหตุผลต้องยกเลิกเอ็มโอยู 44

'พิธา' คุยพรรคประชาชนแข่งเลือกตั้งมีแต่ชนะกับพัฒนา ไม่มีคำว่าแพ้

ที่จ.อุดรธานี แกนนำ สส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ร่วมเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายก องค์การ​บริหาร​ส่วน​จังหวัด​ (อบจ.)​ อุดรธานี ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 พ.ย. 2567 ซึ่งพรรคประชาชนได้ส่ง คณิศร ขุริรัง เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก

'พิธา' เย้ยกลับทักษิณอย่าลืมผลเลือกตั้ง 66 ลั่นอุดรฯคือเมืองหลวงประชาธิปไตย

นายพิธา​ ลิ้ม​เจริญ​รัตน์​ ประธานที่ปรึกษาคณะก้าวหน้าและอดีตหัวหน้า​พรรค​ก้าวไกล​ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง​ นายคณิศร​ ขุริรัง​ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีจากพรรคประชาชน