4 มี.ค.2565 - นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ ส.ส.อุบลราชธานี และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าภาวะเศรษฐกิจไทยที่ตกต่ำมาตลอด 7 ปี ตั้งแต่มีการปฏิวัติและมาเจอวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด 2 ปี ซ้ำเติมด้วยภาวะสงครามรัสเซียยูเครนได้สร้างความลำบากอย่างแสนสาหัสให้กับชาวนา เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน และคนหาเช้ากินค่ำ และผู้มีรายได้น้อยกันอย่างมาก จากรายได้ที่แทบไม่ได้เพิ่มเลยตลอด 7 ปี อีกทั้งคนจำนวนมากยังรายได้ลดลงและยังตกงานเป็นจำนวนหลายล้านคน แล้วยังต้องมาเผชิญกับภาวะข้าวของแพง แรงงานถูก และเงินเฟ้อสูง จากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ทะลุเกิน 114$ ต่อบาเรลแล้ว และยังทำท่าจะสูงขึ้นอีกเรื่อยๆ ซึ่งจะเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และ เพิ่มต้นทุนของภาคธุรกิจ โดยเงินเฟ้อของไทยทำท่าจะพุ่งสูงมากในปีนี้
โดยทั้งแบงค์ชาติและสภาพัฒน์ฯได้ออกมาแสดงความกังวลแล้ว ซึ่งจะทำให้ชาวนา เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน และคนหาเช้ากินค่ำ รวมถึงผู้มีรายได้น้อย ต้องเดือดร้อนและลำบากกันอย่างมาก ตนได้อภิปรายไม่ไว้วางใจตาม ม.152 ถึงปัญหาที่พลเอกประยุทธ์ ไม่ได้ช่วยเหลือและไม่ได้พัฒนาให้ ชาวนาและเกษตรกรไทยให้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเลย อีกทั้งระบบชลประทานการจัดการน้ำของไทยก็พัฒนาได้น้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเวียดนามที่มีประสิทธิภาพการผลิตดีกว่าไทยมากและการเข้าถึงระบบชลประทานก็ยังดีกว่าชาวนาไทย แต่พลเอกประยุทธ์ ไม่ได้ตอบคำถามในเรื่องนี้เลย และไม่ทราบเลยว่าจะมีแผนงานในการพัฒนาและช่วยเหลือชาวนาและเกษตรกรในเรื่องนี้อย่างไร
นายเอกชัยกล่าวว่า ปัจจุบันนี้ นอกจากชาวนาและเกษตรกร รวมถึงผู้มีรายได้น้อยทั้งหมด จะต้องเผชิญกับรายได้ที่ตกต่ำมาตลอด หนี้สินค้างจ่ายจำนวนมากแล้ว ยังต้องเผชิญกับภาวะข้าวของแพง น้ำมันแพง ก๊าซแพง เงินเฟ้อสูง กันจนอ่วม แล้วยังต้องมาเจอกันราคาปุ๋ยที่แพง และ อาหารสัตว์ที่แพงตามภาวะสงครามรัสเซียยูเครนซ้ำเติมอีก ซึ่งน่าจะอยู่กันไม่ได้แล้ว
ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ ได้เร่งออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือ และพยุงค่าครองชีพให้กับ ชาวนา เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน คนหาเช้ากินค่ำและผู้มีรายได้น้อยโดยด่วน เพื่อบรรเทาภาระที่หนักอึ้งในปัจจุบัน เพื่อช่วยประคองให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ลำบากนี้ไปได้ ซึ่งถ้าพลเอกประยุทธ์ คิดไม่ได้และไม่ทำ พรรคเพื่อไทยหากได้รับโอกาสเป็นรัฐบาล การช่วยเหลือ ลดค่าใช้จ่าย ลดภาระค่าครองชีพของ ชาวนา เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน คนหาเช้ากินค่ำ และ ผู้มีรายได้น้อย จะเป็นแนวทางการบริหารเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย รวมถึงการหาพัฒนาแนวทางเพิ่มรายได้ และ การขยายโอกาสให้กับประชาชนในการทำมาหากินด้วย ขอให้มั่นใจในพรรคเพื่อไทยที่เคยทำสำเร็จมาตลอด เพราะพรรคเพื่อไทย หัวใจคือประชาชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กมธ.คุ้มครองผู้บริโภครับลูกเร่งผลักดัน 3 กม.ของภาคประชาชน
'กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค' รับหนังสือแก้ไขกฎหมาย 3 ฉบับ เร่งสภาผลักดัน แก้ปัญหาสินค้าไม่ตรงปก - ติดฉลาก -ให้ข้อมูลโภชนาการไม่สมบูรณ์
แฉอีโม่ง วิ่งเต้นล้มปมชั้น 14 เตือนหยุดทำเถอะ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2568 ให้จับตาดูวันที่ 15 ม.ค.ที่แพทยสภาขีดเส้นตายให้แพทย์รักษาทักษิณ ชินวัตร ชั้น 14 ส่งรายงานการรักษามาตรวจสอบการเอื้อหนีติดคุก แล้วยังต้องติดตามผลตรวจสอบของ ป.ป.ช.กรณีชั้น
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ดร.เสรี ฟาดพรรคขี้โม้-พรรควาทกรรม
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า “พรรคหนึ่งมีแต่วาทกรรม ไม่เคยทำงาน
'อิ๊งค์' เปิดตัว 9 ผู้สมัครนายก อบจ. ดีเอ็นเอเพื่อไทยชัด นามสกุลเดียวกับ สส.เพียบ
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรค และ สส.สระแก้ว , นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
พ่อนายกฯ ลั่นพรรคร่วมรัฐบาลต้องอยู่ด้วยกันจนครบเทอม
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประเมินสถานการณ์การเมืองในปี 2568 ว่า การเมืองคงไม่มีอะไร ยังเหมือนเดิม พรรคร่วมรัฐบาลก็เหมือนเดิม การที่ไม่เห็นด้วยกับอะไรกันบ้าง ก็เป็น