'ทยา' เผยทริปสุดตื่นเต้น ซานฟรานฯมีความไม่ปลอดภัยสูง homeless เยอะขึ้น เดินถนนก็ผวาโดน attack

ทยา ทีปสุวรรณ'ทยา'เผยทริปไป อเมริกา ซานฟรานฯเปลี่ยนไปเยอะ มีความไม่ปลอดภัยสูง homeless เยอะขึ้นมาก เดินถนนมีแต่กลิ่นปัสสาวะ ต้องวิ่งเร็วมาก ไม่งั้นอาจโดน attack ค่าครองชีพแพงมาก ศก.ก็แย่ สรุปคิดถึงเมืองไทยมาก

4 มี.ค.2565 - นางทยา ทีปสุวรรณ ภรรยานายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก หัวข้อ 'ทริปครอบครัวทีปสุวรรณ ตื่นเต้นเสมอ' มีเนื้อหาดังนี้

มาซานฟรานรอบนี้ หลากหลายประสบการณ์มาก แทบไม่ได้เที่ยวไหนไกลๆ เริ่มจากคุณสาตกเครื่องเพราะหา vaccine passport ไม่เจอ มาเจอตอนเครื่องออกไปแล้ว ต้องบินอ้อมไป L.A. จ้า อยู่ซานฟราน 3 อาทิตย์ นอกจากไป park ไปวิ่ง ไปปั่นจักรยาน แล้วมาจัดการ apartment ให้ Faye ทำงานบ้าน ถูพื้นซักผ้า ล้างห้องน้ำ ติดม่าน ต่อตู้ มาถึงอาทิตย์แรกโดนทุบรถจ้า!! ขนาดจอดอยู่หน้าร้านอาหาร บนถนนใหญ่ ลงไปทานข้าวเที่ยง ฟีฟ่าขึ้นรถ “คุณพ่อ ทำไมลมเย็นจัง ข้างหลัง!” หันไป กระจกหลังแตกทั้งบาน และดันเป็นวันที่เราเอาเสื้อผ้าซักจากโรงแรมใส่กระเป๋าเดินทางมา 2 ใบ เพื่อเอาไปซักบ้าน Faye หายหมดจ้าาา! (เป็นเหตุผลให้ซื้อเสื้อผ้าใหม่เลย) โชคดีทำประกันรถไว้ เป็นอุทาหรณ์เลยว่า ห้ามทิ้งกระเป๋าอะไรในรถ และต้องจอดที่ car park เท่านั้น ไม่ควรจอดบนถนน!

หลังจากนั้นเลย ไม่กล้าถือกระเป๋า มีคนเตือนว่าจะโดนกระชากง่ายๆ เวลาไปดงอันตราย เลย ไปซื้อ air wallet มา ติดไว้กับโทรศัพท์ เสียบแต่ credit card กับ ID ใช้ได้ 2 วัน กำลังจะเดินเข้าร้านอาหาร หยิบ iphone จากกระเป๋าหลังเพื่อเตรียมจะโชว์ vaccine passport กับ ID จังหวะ air wallet หลุดออกมา แล้วตกท่อจ้า! วุ่นวายทั้งร้านอาหาร ออกมาช่วยหา เพราะ app find my wallet ในเครื่องบอกอยู่ตรงนี้ สรุปลงไปลึกมาก เปิดท่อไม่ได้ จบกัน บัตรหาย ID หาย กลับถึงโรงแรม Faye นึกขึ้นได้ ลืม laptop ไว้ที่เก้าอี้ที่สนามบินตอนไปส่งพ่อ เอาซิ งานทุกอย่างอยู่ในนั้น email ไป lost & found มันบอกให้ไป police station วันรุ่งขึ้น บึ่งไปสนามบินแต่เช้า ไปสถานนีตำรวจที่นั่น โชคดี

เจอ สอบสวนหลักฐานกันอยู่นานเลย

มาซานฟรานรอบนี้ เปลี่ยนไปเยอะ มีความไม่ปลอดภัยสูงในหลายพื้นที่ homeless เยอะขึ้นมาก แทบทุกถนนมีการตั้งเต๊น นำกล่องกระดาษมาทำเป็นบ้าน ผ้าห่ม เสื้อผ้าเกลื่อนกลาดไปหมด เดินถนนมีแต่กลิ่นปัสสาวะ แล้วพวก homeless ที่นี่ส่วนใหญ่ มี mental problem หนักมาก คือ พูดคนเดียวตลอดเวลา crime rate สูงขึ้นเรื่อยๆ เวลาออกไปวิ่งผ่านดง homeless ต้องกลั้นหายใจ เพราะฉี่เต็มถนน และต้องวิ่งเร็วมาก ไม่งั้นอาจโดน attack ได้
ค่าครองชีพที่นี่ คือ อย่างแพง ทานอาหารง่ายๆต่อมื้อ ไม่ต่ำกว่า 600-800 บาทต่อหัว แค่แบบข้าวกะเพรา อะไรอย่างนี้ แถม service charge ขั้นต่ำ 15% ต้องให้ จะไปไหนทีถ้าไม่มีรถ เรียก Uber ใกล้ๆ 5 กม ก้อไม่ต่ำกว่า 700 บาท

ศก.ที่นี่ก็แย่มากๆ ปิดกิจการกันมากมาย หลายแห่งเหมือนพื้นที่ร้าง เจ๊งจริงบ้าง ตั้งใจไม่ทำกิจการต่อ เพราะผู้ประกอบรอรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างเดียว คุ้มกว่า!

ตรวจโควิดที่นี่ สำหรับ fit to fly ก้อประมาณว่า ตรวจแบบขอไปที เอา cotton bud มาวนๆปลายจมูก 2 วิ (แคะขี้มูกเองยังลึกกว่า!) ประมาณว่า เธอจะออกจากปทชั้นแล้ว ตรวจพอผ่านๆไป โดนเข้าไป $250

กลับถึงไทย ระบบ Test & Go ที่สนามบินดีมาก รวดเร็ว เป็นขั้นเป็นตอน พนักงานยิ้มแย้ม ต้อนรับอย่างดี นั่งรถไปตรวจ PCR ก็ตรวจอย่างละเอียด ได้ผลภายใน 1 วัน

สรุปที่เขียนมาทั้งหมด จะบอกว่า คิดถึงเมืองไทยมาก ยิ่งพอมาอยู่นานๆ เรายิ่ง appreciate บ้านเราสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน ความปลอดภัย การเดินทาง ค่าครองชีพ การบริการ…ไม่มีที่ไหน ดีกว่าบ้านเกิดเมืองนอนเราจริงๆ #รักเธอประเทศไทย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง