'พิชาย'เรียกร้องทุกฝ่ายตอกย้ำให้ชัด'รัฐประหาร'ไม่เหมาะที่จะอยู่ในสังคมประชาธิปไตย เหตุ เป็น 'มายาคติ' ทำ คอร์รัปชันอื้อ ชี 'เครือขายคณะรัฐประหาร'จับมือ 'กลุ่มทุน' เกิด เศรษฐกิจผูกขาด-เหลื่อมล้ำ
18 ก.พ.2565-นายพิชาย รัตนาดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) อดีตประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.) กรรมการร่วมจัดงาน 30 ปีพฤษภาประชาธรรม กล่าวถึงการจัดงานรำลึก 30 ปีพฤษภาประชาธรรมในปีนี้ ว่า สิ่งที่ควรเน้นย้ำ คือ เรื่องของคุณค่าและความหมาย ของเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ว่ามีคุณค่าและความหมายต่อสังคมไทยอย่างไร ซึ่งคิดว่ามี 2 ประการที่สำคัญคือ 1.เหตุการณ์พฤษภาคมทำให้มีการหยุดยั้งการรัฐประหารร่วม 15 ปี หลังจากเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 แล้ว แทบจะไม่มีเหตุการณ์รัฐประหารเลย เป็นระยะเวลาค่อนข้างยาวนานมากที่สุดในประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทย ถือเป็นคุณูปการที่สำคัญ คือ 1.ต้องชี้เห็นว่า 17 พฤษภาคม 2535 เป็นวันที่ประชาชนร่วมมือกัน อย่างกว้างขวางจำนวนมากในการหยุดยั้งหรือยุติการรัฐประหารลงไปได้เป็นระยะเวลายาวนาน และ 2. ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างมีนัยยะสำคัญ และไม่เคยมีมาก่อน ประชาชนสามารถขับเคลื่อนให้เกิดการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ที่เป็นฉบับประชาชน ถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดฉบับหนึ่งในสังคมไทย
นายพิชาย กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ควรจะตอกย้ำให้เห็นชัดเจน คือ การรัฐประหารเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ที่จะดำรงอยู่ในสังคมประชาธิปไตยของประเทศไทยอีกต่อไป แต่ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ก็ยังมีการรัฐประหารอีก 2 ครั้ง คือ 2549 และปี 2557 เป็นการย้อนคืนหวนกลับมาของรัฐประหาร ซึ่งมีสาเหตุสำคัญเกิดขึ้นมาหลายสาเหตุ เช่น เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของนักการเมือง หลังจากที่ได้เข้าไปบริหารประเทศ โดยอาศัยผลพวงที่ประชาชน ดำเนินการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ ไปในทางที่ไม่เหมาะสมเกิดปัญหาการทุจริตต่างๆ นอกจากนี้ยังมีคนจำนวนหนึ่งในสังคมไทย ยังยอมรับและสนับสนุนการรัฐประหารอยู่ ซึ่งคนกลุ่มนี้อาจจะเป็นชนชั้นกลางกลุ่มหนึ่ง ทั้งนี้เมื่อคนไทยยังยอมรับการรัฐประหาร คนเหล่านั้นเขาคิดว่าการรัฐประหารจะทำให้ประเทศสงบ และยังช่วยขจัดคอร์รัปชัน แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่ทำให้ประเทศสงบลงชั่วคราวและเกิดความขัดแย้งที่ใหญ่มากกว่าเดิม เป็นความขัดแย้งที่ลงไปสู่ระดับรากฐานของสังคมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
“ความเชื่อที่ว่าการรัฐประหาร จะช่วยขจัดการคอร์รัปชันก็ไม่เป็นความจริง เพราะหลังจากที่มีการรัฐประหาร ดัชนีความโปร่งใสของประเทศไทยก็ตกลงทุกปี เดิมในปี 2558 อยู่ที่ลำดับ 74 แต่ปัจจุบันเข้าไปลำดับ 110 แล้ว ก็แสดงว่าการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทยเพิ่มขึ้น และความเป็นจริงที่เราเห็นอยู่ คือเครือข่ายของคณะรัฐประหาร ก็เข้าไปนั่งอยู่ในตำแหน่งทั้งในรัฐวิสาหกิจหรือรัฐจำนวนมาก ได้ทั้งตำแหน่งอำนาจและผลประโยชน์ ซึ่งนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งอาจจะมากพอกันกับรัฐบาลพลเรือนหรืออาจจะมากกว่า เพราะฉะนั้นความเชื่อที่ว่าการทำรัฐประหารจะช่วยขจัดคอรัปชั่นเป็นมายาคติ เป็นเรื่องที่ไม่จริง” นายพิชาย กล่าว
นายพิชาย กล่าวว่า ความเชื่อที่ว่ารัฐประหาร จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตเพราะรัฐบาลมีเสถียรภาพ ก็ไม่เป็นความจริง เพราะคนที่คณะรัฐประหารนำมาบริหารประเทศหรือเครือข่ายก็ดี ไม่มีฝีมือในการบริหารเศรษฐกิจ และนโยบายต่างๆก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ร้ายไปกว่านั้นคือบรรดาเครือขายของคณะรัฐประหาร เข้าไปจับมือกับกลุ่มทุนผูกขาด ทำให้เกิดเศรษฐกิจผูกขาดในสังคมไทยสร้างความเหลื่อมล้ำ จนกระทั่งประเทศไทยต้องมีความเหลื่อมล้ำ ในระดับต้นๆของโลก เพราะฉะนั้นเรียกได้ว่าคณะรัฐประหาร ก็เป็นหายนะภัยทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริง
นายพิชาย กล่าวว่า ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ที่เกิดขึ้นจากการรัฐประหาร ทั้งนี้เนื่องจากเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 เป็นเหตุการณ์ที่ประชาชน สามารถเอาชนะการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารได้ แสดงให้เห็นถึงพลังของประชาชนที่มีความแข็งแกร่งและทรงพลัง ดังนั้นในการครบรอบ 30 ปีนี้ คงจะเป็นจุดเริ่มต้นในการที่ประชาชนทุกฝ่าย จะต้องมาร่วมกันในการยุติการรัฐประหารให้ได้ เพื่อที่ทำให้ประชาธิปไตยมีความมั่นคงยั่งยืนต่อไป
ส่วนทางออกของประเทศไทย ที่จะไม่วนหลูบกลับไปสู่การรัฐประหารอีกนั้น นายพิชาย กล่าวว่า เราก็ต้องทำลายมายาคติ ให้รัฐประหารเป็นเป็นสิ่งต้องห้ามในสังคมไทย ทำให้คนที่ทำรัฐประหารรู้สึกละอาย จนไม่กล้าที่จะออกมาเดินในสังคม หมายความว่าสังคมต้องอาศัย กลไกทางโซเชียลแซงชั่น หรือการลงโทษทางสังคมต่อคณะรัฐบาลหาร และเครือข่ายของรัฐประหาร และแสดงความไม่ยอมรับคนเหล่านี้อย่างชัดเจน ไม่ว่าในทางการเมืองหรือทางสังคม จนทำให้คนที่ทำรัฐประหารก็ต้องคิดหนัก ว่าถ้าทำแล้วเขาก็ต้องเผชิญกับมาตรการทางสังคม ที่ประชาชนร่วมมือกันตอบโต้ไม่เช่นนั้นจะทำให้รัฐประหาร กลายเป็นสิ่งที่เราเรียกว่า Stigmata สำหรับคนทำ
"ตอนนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถ้าใครไปเรียกเขาว่าเป็นนักรัฐประหารข้อเขาก็จะโกรธ เพราะฉะนั้นก็แสดงให้เห็นว่า ความจริงแล้วเขาก็รู้สึกว่า การรัฐประหารเป็นการกระทำที่น่าละอาย ไม่ได้น่ายกย่อง ก็มีความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นในบางส่วน ของบรรดาคณะรัฐประหาร ซึ่งตรงนี้เราก็คงต้องขยายความคิดเหล่านี้ ไปสู่ประชาชนให้เป็นวงกว้างแล้วชี้ให้ประชาชนเห็นถึงผลเสีย และร่วมมือกันในการต่อต้านการรัฐประหาร เหตุการณ์เดือนพฤษภาคมเป็นเหตุการณ์เชิงสัญลักษณ์ ที่ประชาชนสามารถเอาชัยชนะเหนือคณะรัฐประหารได้ ครั้งหนึ่งในสังคมไทย"
นายพิชาย ยังกล่าวถึงกรณีที่หลายคนมองว่าประเทศไทย ควรจะปกครองโดยระบอบคณาธิปไตย ว่า มีคนกลุ่มนี้อยู่จำนวนหนึ่งโดยเฉพาะกลุ่มชนชั้นสูง ซึ่งเราปฏิเสธความจริงแบบนี้ไม่ได้ แม้เขาจะมีความคิดแบบนี้ แต่เราก็ต้องทำให้ความคิดแบบนี้ ไม่เหลือพื้นที่หรือมีพื้นที่ให้เหลือน้อยที่สุดในสังคมไทย ซึ่งประชาชนต้องร่วมกันใช้มาตรการทางสังคมในการจำกัดพื้นที่ของคนเหล่านี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อดีตรองอธิการบดี มธ. ห่วง ‘ภูมิธรรม’ คุมเหล่าทัพ ตัวเร่งรัฐประหารในอนาคตอันใกล้
การส่งคุณภูมิธรรมไปนั่งเป็นผู้บังคับบัญชาของกองทัพทั้ง 3 เหล่า เหมือนกับเป็นการบอกว่า อำนาจอยู่ที่ฉัน ฉันจะเลือกใครเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็ได้
จับตา 'สหายใหญ่' นั่งรมว.กห. คลื่นใต้ในกองทัพ รัฐประหารครั้งต่อไป จะรุนแรง!
'เสธ.นิด' จับตา 'สหายใหญ่'นั่ง รมว.กห. คลื่นใต้น้ำรุนแรง หวั่นพรบ.ต้านการรัฐประหารเป็นอันตราย การรัฐประหารครั้งต่อไปจะรุนแรงและเสียเลือดเนื้อ แนะทำงานตามรัฐธรรมนูญ อย่าล้ำเส้นหรืออย่าทำตัวเป็นตัวควบคุม Regulator ก็แล้วกัน
เตือน 'ระบอบพ่อลูก' ตั้งสหายเป็นรมว.กห. ระวังประชาชนจะขอพึ่งทหาร
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ระวังประชาชนจะขอพึ่งทหาร
'ทักษิณ' มั่นใจ 100% 'นายกฯอิ๊งค์' ไม่โดนรัฐประหาร ตั้งตัวเป็น 'สทร.' ลั่นสบายมากสู้คดี 112
'ทักษิณ' มั่นใจไม่เกิดรัฐประหาร 'นายกฯ อิ๊งค์' 100% พร้อมตั้งตำแหน่ง 'สทร.' ช่วยลูก เชื่อเลือกตั้งครั้งหน้า 'เพื่อไทย' กลับมาชนะ ให้สิทธิ์พรรคมิตรเก่าร่วมรัฐบาลก่อน ลั่นสบายมากสู้คดี 112
เมื่อ 'ระบอบทักษิณ' ได้ยกระดับเป็น 'ระบอบชินวัตร' ประเทศไทยจะมีอนาคตอย่างไร
รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
'เทพไท' ซัดการเมืองไทยวนลูปวงจรอุบาทว์!
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหา