'อี้ แทนคุณ' บุก บก.ปอท. ล่าขบวนการเชื่อมจิต จี้เอาผิดขยายผลถึงดาราดัง

แทนคุณ จิตต์อิสระ นำหลักฐานร้อง บก.ปอท. เอาผิดลัทธิเชื่อมจิต หลังพบยังละเมิดคำสั่งศาล ใช้เด็กชายวัย 9 ปีทำพิธีในลักษณะบูชาเด็ก พร้อมจี้ขยายผลเอาผิดศิลปินดาราอักษรย่อ “ป.” ที่อ้างว่าตัวเองเชื่อมจิตได้และสนับสนุนแนวคิดดังกล่า

17 มีนาคม 2568 - ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม หรือ “อี้ แทนคุณ” นำเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) กรณีลัทธิเชื่อมจิตยังคงละเมิดคำสั่งศาล ด้วยการเผยแพร่ภาพเด็กชายวัย 9 ปี ทำพิธีกรรมที่ถูกมองว่าเป็นการบูชาเด็ก และอาจขัดต่อหลักพุทธศาสนา

นายแทนคุณเปิดเผยว่า ตนได้รับคำร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากเกี่ยวกับกลุ่มลัทธิเชื่อมจิตที่ยังคงดำเนินกิจกรรม แม้ศาลจะมีคำสั่งห้ามตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2567 ซึ่งมีผลบังคับ 6 เดือน อย่างไรก็ตาม กลุ่มดังกล่าวเชื่อว่าคำสั่งจะหมดอายุลงเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 จึงกลับมาทำพิธีอีกครั้ง พร้อมนำภาพเด็กชายในพิธีกรรมดังกล่าวเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยบางโพสต์ถึงขั้นอ้างว่าเด็กชายคนนี้เป็นตัวแทนของพระศากยมุนี ซึ่งถือเป็นการบิดเบือนหลักธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก

“การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ขัดต่อหลักพุทธศาสนา แต่ยังอาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิเด็ก และมีลักษณะคล้ายลัทธิบูชาเด็ก ซึ่งเป็นอันตรายต่อความเข้าใจในหลักธรรมที่ถูกต้อง ผมจึงนำหลักฐานทั้งหมดมอบให้ บก.ปอท. พร้อมส่งต่อไปยังกรมกิจการเด็กและเยาวชน (พม.) และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และยังเตรียมทำเรื่องขอให้ศาลขยายเวลาคำสั่งห้าม เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กถูกนำไปใช้ในลักษณะดังกล่าวอีก” นายแทนคุณกล่าว

นอกจากนี้ นายแทนคุณยังเปิดเผยว่า พบความเคลื่อนไหวของศิลปินดาราชื่อดังอักษรย่อ “ป.” ซึ่งโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าได้ “เชื่อมจิต” และพูดถึงเด็กชายวัย 9 ปีในลักษณะที่อาจเป็นการสนับสนุนลัทธินี้ ซึ่งเป็นการกระทำที่อาจส่งผลเสียต่อเด็กและขัดต่อกฎหมาย

“บุคคลสาธารณะย่อมต้องเข้าใจกฎหมายและผลกระทบจากการนำเด็กมาเกี่ยวข้องในลักษณะเช่นนี้ ศิลปินดารารายนี้มีการโพสต์ข้อความถึง 4 ครั้ง ซึ่งอาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิเด็ก และถือเป็นภัยคุกคามทางสังคมอย่างหนึ่ง ผมจึงขอให้ บก.ปอท. ตรวจสอบและขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่ามีใครสนับสนุนหรือมีส่วนร่วมกับลัทธินี้บ้าง”

ทั้งนี้ นายแทนคุณได้อ้างอิงมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งระบุว่า “ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น” ซึ่งอาจนำมาพิจารณาเอาผิดกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง

ขณะนี้ บก.ปอท. อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป