สส.พรรคส้ม ดาหน้าอัดรัฐบาลใช้สื่อเป็นพีอาร์ แต่สื่อทำข่าวเกาะติดอุยกูร์ไม่ได้ไปจีน

"รองโฆษกพรรคประชาชน" จวกรัฐบาลเลือกปฏิบัติ เชิญสื่อบินไปทำข่าวอุยกูร์ที่จีนไม่ทั่วถึง สื่อทำข่าวเรียกร้องสิทธิชาวอุยกูร์กลับไม่มีโอกาสได้ไป เตือนอย่าให้สื่อมวลชนเป็นพีอาร์รัฐบาล  ทัศนคติแบบนี้ไม่ต่างจากเผด็จการ

13 มีนาคม 2568 -ที่รัฐสภา นางสาวภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมพาสื่อมวลชนไปติดตามดูสภาพความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ ทั้ง 40 คน ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า จังหวะนี้รัฐบาลเรียกความเชื่อมั่นได้ เนื่องจากที่ผ่านมาสังคมวิพากษ์วิจารณ์ถึงจุดยืนการส่งชาวอุยกูร์กลับจีน รอบนี้รัฐบาลมีความพยายามยืนยันเรื่องความโปร่งใส โดยให้สื่อมวลชนไปทำข่าว

แต่กลายเป็นว่า ไม่สามารถนำสื่อมวลชนไปได้ถ้วนหน้าหรือทั่วถึง จึงต้องถามกลับไปยังรัฐบาลว่า ใช้สื่อมวลชนเป็นพีอาร์ของรัฐบาลหรือไม่ เพราะหากคำนึงถึงการทำงานของสื่อมวลชน ก็ต้องเปิดกว้างถึงสื่อทุกสื่อที่แสดงความจำนงว่าสามารถไปได้ ไม่ใช่การคัดเลือกไปเฉพาะบางสื่อ ส่วนตัวไม่ได้มีปัญหากับสื่อที่เดินทางไปซินเจียง แต่ยังมีสื่อมวลชนที่ทำข่าวเจาะเรื่องนี้โดยเฉพาะ ที่ไม่มีโอกาสได้ไป จุดประสงค์ของการที่ขนคณะสื่อไปนั้น ต้องการแค่ข่าวพีอาร์ของรัฐบาล หรือต้องการแสดงความชอบธรรมต่อสาธารณะ

ส่วนกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุถึงสื่อที่เลือกฝ่ายนั้น นางสาวภคมน กล่าวว่า อย่าพยายามโยนไพ่ให้สื่อต้องผิดใจกันเอง เรื่องนี้จบได้ที่คุณ ในการยืนยันจุดประสงค์ของการขนสื่อไป เพื่อพีอาร์รัฐบาล หรือให้สื่อได้ข้อเท็จจริง สื่อมวลชนมีความมุ่งมั่นตั้งใจทำงานกันอยู่แล้ว ในเมื่อต้องการยืนยันความโปร่งใสของสาธารณะ ก็ควรให้โอกาสทุกคนที่อยากไปสืบหาข้อเท็จจริง

สำหรับกรณีที่กระทรวงกลาโหมมีการสัมภาษณ์สื่อบางคน เกี่ยวกับทัศนะคติในการแก้ไขปัญหาชาวอุยกูร์ ไม่ควรเกิดขึ้นกับรัฐบาลที่ยืนยันมาตลอด ว่าเป็นประชาธิปไตย เพราะการตั้งกฎเกณฑ์แบบนี้ ไม่ต่างกับรัฐบาลเผด็จการ ดูทัศนคติเป็นการเซ็นเซอร์กลั่นกรอง ว่าคนที่ไปด้วยสามารถควบคุมได้หรือไม่ บ่งบอกว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มีนายภูมิธรรมดำเนินการเรื่องนี้เป็นการดูถูกสื่อมวลชน ลดทอนประชาธิปไตย และการทำงานของสื่อมวลชน

ส่วนความเป็นไปได้ในการสอบถามทัศนคติ ก่อนเดินทางไปลงพื้นที่ซินเจียง เพราะการนำเสนอข่าวเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนระหว่างไทยกับจีนนั้น หมายความว่า ต้องการให้ข้อเท็จจริงไปในทิศทางเดียวกันใช่หรือไม่ เพราะหากมีสื่อที่มีทัศนคติที่ไม่ตรงกัน หรือควบคุมไม่ได้ ข้อเท็จจริงที่ออกมาอาจจะไม่ได้ออกมาแบบเดียวกัน อย่างที่ต้องการ

"คุณวางสถานะของสื่อมวลชนประเทศไทยไว้แบบไหน เป็นพีอาร์รัฐบาล หรือต้องการให้อิสรภาพในการทำงานมีช่องว่างระหว่างรัฐกับสื่อ เป็นเรื่องที่ต้องตระหนักมากๆ เมื่อพูดถึงเสรีภาพสื่อ คนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เรื่องนี้เห็นชัดที่สุด รัฐบาลไม่ได้มองเห็นความสำคัญของสื่อมวลชนทั้งหมด แต่มองเป็นเครื่องมือพีอาร์ของรัฐบาล"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เท้ง' ลั่นเลือกตั้งครั้งนี้ แข่งกันจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคประชาชนกับภูมิใจไทย

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยว่า ในเมื่อคุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศชัดว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาชน

’อนุทิน‘ ชัด ไม่ร่วมรัฐบาลพรรคประชาชน ปมยังเดินหน้าแก้ ม.112

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุจุดยืนชัด ไม่จับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่ยังมีนโยบายแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 หลังดีเบตไทยรัฐทีวี ย้ำต่างอุดมการณ์ แต่ยังทำงานร่วมกันได้ หากเป็นเรื่องแก้ปัญหาประชาชน

พรรคส้ม โชว์นโยบายยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร เกทับ 'ภูมิใจไทย' เปิดรับทหารอาสา

เฟซบุ๊ก พรรคประชาชน เปรียบเทียบนโยบายความมั่นคงกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจะเปลี่ยนจากทหารเกณฑ์ เป็นการเปิดรับทหารอาสา 100,000 อัตรา ประจำการ 4 ปี เงินเดือน 12,000 บาท

'ชูวิทย์' งง 'พรรคส้ม' ย้อนแย้ง กับความฝันเรื่องการเมืองใหม่ แต่กลับไปได้ของเก่ากว่าเดิม

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตส.ส.และอดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ความย้อนแย้งของการเมืองใหม่