‘วิโรจน์’ โชว์วิสัยทัศน์ ‘ผู้ว่าฯกทม.’ ลั่นใช้ดีเอ็นเอพรรคก้าวไกลชนทุกปัญหา

‘วิโรจน์’ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.พรรคก้าวไกล โชว์วิสัยทัศน์การทำงาน ประกาศพร้อมชน 3 ปัญหาหลัก ‘ส่วย-ระบบราชการซ้ำซ้อน-นายทุนเอาเปรียบปชช. ยันใช้ดีเอ็นเอของพรรคก้าวไกลเดินหน้าลุย

23 ม.ค.2565-นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะว่าที่ผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ได้ขึ้นเวทีปราศัยของพรรค ที่ซอยรามคำแหง 42 โชว์วิสัยทัศน์ตอนหนึ่งว่า พร้อมชนทุกปัญหา 3 เรื่อง คือ 1.เรื่องส่วย 2.เรื่องระบบราชการที่มีจำนวนมาก ทำงานซ้ำซ้อน 3.นายทุนที่เอาเปรียบประชาชนคนกทม.

“หมดเวลาที่กทม. จะซุกปัญหาไว้ใต้พรม ถึงเวลาที่จะเลือกผู้ว่าฯ ที่พร้อมชนเพื่อคนกทม. ถามว่าทำไมต้องชน ทำไมไม่ร่วมมือ ที่ต้องชนเพราะปัญหาเรื่องส่วยในกทม. จะให้ช่วยหรือประสานกันได้อย่างไร ต้องชนเพื่อกำจัดอย่างเดียว เรื่องส่วยเป็นปรสิตกัดเซาะเกาะกินทั้งพ่อค้า แม่ค้า ผู้ประกอบการ ทุกวันนี้การใช้ชีวิต ค่าครองชีพก็แพงอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องจ่ายค่าคุ้มครองชีพให้ผู้ใดอีก ถ้าได้เป็นผู้ว่าฯ ขอประกาศว่าในกทม. ต้องไม่มีการรีดไถอีกต่อไป ถ้าใครมีหลักฐานส่งมาก็พร้อมที่จะลงโทษ”

นายวิโรจน์กล่าวว่า ส่วนปัญหาเกี่ยวกับระบบราชการส่วนกลาง และหน่วยงานยั้วเยี้ยเต็มไปหมด เห็นได้จากช่วงโควิด-19 กทม. ไม่ได้ขาดแคลนหมอ พยาบาล และเครื่องมือแพทย์ แต่ขาดการจัดการระบบสาธารณสุขที่ดี ขณะเดียวกันยังมีคนถูกรถชนบนทางม้าลาย สิ่งที่ผู้ว่าฯ ทำได้ คือปรับปรุงทางม้าลาย 4,000 กว่าแห่งทั่วกทม.  ต้องติดตั้งไฟ ติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็ว ตีเส้นชะลอ ทำสัญลักษณ์ให้เห็นชัด ติดสัญญาณไฟคนข้าม และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำไม่ได้แต่ต้องไปทำ แล้วต้องทำให้ได้ จะปล่อยให้คนตายบนทางม้าลายไม่ได้ หากบอกไม่ใช่อำนาจ ไม่ทำอะไรจะไม่ใช่ผู้ว่าฯ ของพรรคก้าวไกล

“คำว่าชนของเรา คือการไปประสาน แต่หากประสานแล้วไม่มีความคืบหน้า เราจะปล่อยให้ความทุกข์ร้อนของคนกรุงเทพมหานครอยู่อย่างเดิมไม่ได้ เสี่ยงชีวิตแบบเดิมไม่ได้ เราต้องตาม หากไม่ได้ก็ต้องจี้ และทำได้ไม่ดีขึ้น ก็ต้องตามมาแก้ ทุกครั้งที่ผู้ว่าฯ ยอมคือการลอยแพคนกทม.  และบอกให้มองปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ หากใครรำคาญใจทนไม่ไหวให้ควักกระเป๋าสตางค์จ่ายเอง เราต้องการผู้ว่าฯ แบบนี้หรือไม่ ต่อให้นโยบายของผู้ว่าฯ กทม. ดีเลิศประเสริฐศรีแค่ไหน หากมีความเกรงใจในงานนั้นหน่วยงานนี้ แต่ไม่เกรงใจประชาชนคนกทม. จะขับเคลื่อนนโยบายไม่ได้ ปัญหาของคนกทม. จะไม่ถูกแก้อย่างตรงไปตรงมา แต่จะถูกแก้แบบอ้อมๆและเลี้ยงไข้แบบนี้ไปเรื่อยๆ”

นายวิโรจน์ ยืนยันผู้ว่าฯ กทม. ต้องเป็นคนชน เพื่อปกป้องประโยชน์ของคนกทม. ไม่ให้โดนเอารัดเอาเปรียบจากนายทุน เช่น ค่าโดยสารรถไฟฟ้าราคาแพง ก็เพราะมีสัญญาสัมปทานพัวพันมากกว่า 10 ฉบับ และเก็บค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน รวมทั้งสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว ยังดูลึกลับซับซ้อนดำมืด หากตนเป็นผู้ว่าฯ กทม. จะเปิดเผยสัญญานี้ทำที และผลักดันให้เกิดตั๋วร่วมให้ได้ ผู้ว่าฯกทม. ทำงานคนเดียวไม่ได้ ต้องมีส.ส. ที่กล้าหาญอย่างพรรคก้าวไกลในสภาฯ ต้องทำงานสอดประสานกัน ผู้ว่าฯ ไม่ จำเป็นที่เป็นคนมีเทคนิคพิเศษ เป็นคนธรรมดาก็ได้ แต่ต้องมองคนกทม. ให้เป็นเหมือนพี่น้อง เป็นเหมือนญาติ เป็นเหมือนคนในครอบครัว และต้องทุ่มเททำงานหนักมีเจตจำนงที่มุ่งมั่นที่จะทำงานบริหารลงรายละเอียดเก็บทุกเม็ด เพื่อปกป้องชีวิตของคนกทม. ถ้าผู้ว่าฯ ชื่อ วิโรจน์ กทม. ไม่จำเป็นต้องเป็นเมืองที่ติดระดับโลกเพื่อคนอื่น หรือคนต่างชาติต้องการมาใช้ชีวิตในบั้นปลายชีวิต แต่ต้องเป็นเมืองที่คนที่คนมีชีวิตอยู่ที่แห่งนี้มีลมหายใจที่นี่อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ต้องเป็นเมืองที่มีสวัสดิการขั้นพื้นฐานที่ดี ที่คนกทม. ทุกคนฝากผีฝากไข้พึ่งพาได้ ต้องพร้อมเป็นฟูกผืนนึง ที่ทำให้คนกทม. มั่นใจว่าหากวันหนึ่งเขาล้มจะไม่เจ็บหนัก และพร้อมที่จะยืนขึ้นใหม่ได้ หากเปรียบกทม. เป็นโรงเรียน จะไม่ใช่เฉพาะเอาแต่ห้องเด็กห้องคิง ไม่ใช่ประคบประหงมแต่เด็กแลกเปลี่ยน และทิ้งขว้างนักเรียนคนอื่นในโรงเรียน

“เราสามารถส่งผ่านอนาคตที่ดี ไปให้ลูกหลาน จะขอใช้ดีเอ็นเอ ของพรรคก้าวไกล ผมพร้อมชนทุกปัญหาเพื่อคนกทม. จะแก้ปัญหาอย่างตรงไปตรงมา เอาผลประโยชน์คนกทม. เป็นตัวตั้ง จะปักธงอนาคตที่แตกต่างหลากหลายให้เดินไปพร้อมกัน หมดเวลาที่จะซุกปัญหาไว้ใต้พรหม ถึงเวลาที่พร้อมชนเพื่อคนกทม. หากคนกทม. ต้องการพร้อมชนทุกปัญหาผมก็อาสาเป็นคนๆ นั้นที่จะสะบัดพรมให้คนกทม. ได้เวลาเก็บกวาดแล้ว”