12 ธ.ค.2567 - นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม ทีมสงขลาพลังใหม่ ผู้เสนอตัวลงสมัครชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจงหวัดสงขลา (อบจ.สงขลา) ได้เปิดใจถึงความเป็นมาและการตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ.สงขลาว่า ตนเกิดที่บ้านปะโอ ต.ม่วงงาม อ.สิงหนคร จ.สงขลา ตอนเด็กต้องเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดปะโอ ด้วยความลำบากพอสมควร หลังจบป.4 ก็ไปเข้าเรียนที่โรงเรียนวัดหนองหอย ระยะทางจากบ้าน กว่า 2 ก.ม. วันไหนแม่ไม่ให้ตังค์ไปกินข้าวเที่ยงก็เดินเท้ากลับไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านเดินเท้าวันละ 6-7 ก.ม.ตั้งใจจะเรียนระดับมัธยม ที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ แต่ในคืนวันก่อนสอบ ได้ดูหนังกางแปลงตลอดทั้งคืน ตื่นไปสอบไม่ทัน พ่อต้องพาเรียนที่โรงเรียนวัดแจ้งวิทยาเพราะไม่มีคนรู้จักที่จะฝากเรียนโรงเรียนไหนเลย
เรียนจบ ม.3 แม่ส่งไปเรียนที่วิทยาลัยเทคนิคปัตตานี แผนกช่างยนต์เพราะตอนนั้น ที่สงขลา หาดใหญ่ พวกเหล้าแห้ง พวกยาเสพติด เฮโรอีน ระบาดมาก แม่กลัวหลงเข้าไปสู่วงการยาเสพติด หลังเรียนจบชั้นปวช. แม่ให้หยุดเรียน ไม่มีตังค์ส่งให้เรียน ให้น้องได้เรียนบ้าง ผมมีพี่น้อง 6 คน ก็ลำบากพอสมควร
เขาเล่าต่อว่า หลังพักการเรียนไป 1 ปี ปีถัดมาได้สมัครสอบเข้าเรียนที่เทคโนฯสงขลา และสมัครสอบ ก.พ. ได้ ได้บรรจุเข้ารับราชการที่กรมชลประทาน ระดับ ซี 1 เป็นช่างเครื่องกล 1
"ผมบรรจุเข้าทำงานฝ่ายเครื่องจักรกล การทำงานในระดับล่างสุด ต้องทำงานไม่ต่างจากคนงาน นายสั่งอะไรก็ต้องทำ ตั้งแต่ขันน็อต แบกหาม ทำสารพัดตามที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี เมื่อเติบโตขึ้นมาทำให้เข้าใจงานทุกอย่าง เป็นสิ่งที่ดีกับตัวเอง แก้ปัญหาทุกอย่าง พอขึ้นเป็นผู้บริหาร จึงได้รู้องคาพยพของการทำงานทุกอย่าง สั่งสมทักษะทุกอย่าง"นายสุพิศ กล่าว
เขากล่าวว่า ระหว่างทำงานเป็นข้าราชการ ก็ได้พัฒนาตัวเอง ก็ลงเรียนจนจบในระดับปวส. ในระดับปริญญาตรี 2 ใบ เป็นปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกลที่มหาวิทยาลัยราชมงคลศรีวิชัยสงขลา (เทคโนโลยีสงขลาในอดีต)มหาวิทยาลัยราชภัฏฯ และเรียนปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยสงขลานครนิทร์ มอ.หาดใหญ่’ นายสุพิศ กล่าวถึงเส้นทางการทำงาน และการมุ่งมั่นในการเรียนอย่างภาคภูมิใจ
เส้นทางการทำงานในกรมชลประทาน นายสุพิศ บอกว่า ไต่เต้าตั้งแต่ระดับ ซี 1 จนถึงระดับซี 9 ในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักเครื่องจักรกล จากนั้นได้ย้ายไปเป็นรองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จนได้เป็น อธิบดีกรมฝนหลวงฯ ทำหน้าที่อยู่ 2 ปี ก็เห็นว่า จังหวัดสงขลาควรจะได้รับการเปลี่ยนแปลง จึงตัดสินใจลาออกมา เพื่อลงสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา
"สิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจลงสมัคร นายกอบจ.สงขลา เพราะมีความคิดความอ่านว่า ชีวิตที่ผ่านมาจ.สงขลา มีนายกอบจ.หลายคน แต่ด้วยวิธีคิดของผม และด้วยประสบการณ์การทำงาน และด้วยอะไรหลายอย่าง ที่สร้างสมมาตั้งแต่เป็น ซี 1 สั่งสมทักษะมาจนเป็นผู้บริหาร ถ้าผมไม่มุ่งมั่นตั้งใจ ตำแหน่งอธิบดีไม่ได้เป็นกันง่ายๆ ต้องผ่านอะไรมาเยอะแยะมากมาย แต่ได้เป็น ผมตัดสินใจลาออก เพื่อมาเปลี่ยนแปลงบ้านตัวเอง เพื่อต้องการสร้างบ้านตัวเองให้เป็นบ้านหลังใหม่ ซึ่งผมเชื่อมั่นว่า ทำได้ และจะทำสำเร็จ"นายสุพิศ กล่าว
นายสุพิศ กล่าวอีกว่า ได้เขียนนโยบายเพื่อพัฒนาสงขลาไว้ 5 หมวดใหญ่ ประกอบด้วย 1.เมืองสะอาด 2.เมืองสุขภาพ 3.เมืองปลอดภัย 4.เมืองทัยสมัย และ5.เมืองศูนย์กลางของภาคใต้ ใน 5 หมวดใหญ่ ก็จะมีรายละเอียดที่จะไปตอบสนองนโยบายใหญ่ คิดไว้ในทุกกระบวนการ อาทิ สงขลาเมืองสะอาด ก็จัดการเรื่องขยะ จัดการปัญหาน้ำท่วม น้ำหลาก ความชุ่มชื่นของพื้นทีา เรื่องต้นไม้ เรื่องพื้นที่สีเขียว ในปีแรก คำว่า เมืองสะอาด ต้องเกิดขึ้นให้เห็นก่อน ในเมืองสงขลาและหาดใหญ่ หากสงขลาหาดใหญ่ เป็นเมืองสะอาด ก็น่าเที่ยว น่าอยู่
"รายละเอียดนโยบาย หลังสมัครรับเลือกตั้งเสร็จ ก็จะนำเสนอรายละเอียดทั้งหมดว่า จะทำอย่างไรให้สงขลา เป็นเมืองตาม นโยบายใหญ่ 5 ข้อ แจกแจงให้เห็นว่า นโยบายทำได้จริง ไม่ได้ออำมาโม้ โออวด แต่อยู่บนพื้นฐานความจริง ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในสมองว่า จะทำได้สำเร็จ"นายสุพิศ กล่าว
นายสุพิศ กล่าวต่อว่า การพัฒนาเมืองสงขลา จะเน้นทั้งจังหวัด ไม่เพียงหาดใหญ่ หรือเมืองสงขลา แต่ทุกอำเภอจะต้องได้รับการพัฒนา อย่าง ถนนอบจ.จะต้องไม่เป็นหลุมเป็นบ่อ ให้การเดินทางของพี่น้องประชาชนมีความสะดวก
"ในต่างอำเภอมีพื้นที่นาร้าง จำนวน 50,000 ไร่ จะพัฒนาให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ โดยจะส่งเสริมการปลูกพันธุ์ปาล์ม ให้เกษตรกรมีรายได้ ซึ่งได้ศึกษารายละเอียดไว้หมดแล้ว ตั้งแต่พันธุ์ปาล์ม การขุดร่อง ยกร่อง ชาวบ้านเอาใจใส่ดูแล 4 ปีก็ได้ผลผลิต มีรายได้เลี้ยงครอบครัว เป็นความยั่งยื่นไปอีก 25 ปี
ลองหลับตาดู ถ้าเกษตรกรมีสวนปาล์ม อบจ.ทำลานเทให้ ถึงเวลาก็มีรายได้ จะมีความสุขขนาดไหน" นายสุพิศ กล่าวและว่า การส่งเสริมอาชีพของชาวบ้านต้องทำในหลายพื้นที่ โดยอบจ.ต้องเข้าไปส่งเสริมการตลาด สร้างตลาด จัดหาตลาดให้ชาวบ้าน จนสู่ตลาดดิจิตอล ซึ่งจะต้องทำอย่างจริงจัง โดยอบจ. ต้องเป็นแกนนำกลางในการดำเนินการสร้างจุดศูนย์รวมการตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
"ต้องทำอย่างจริงจัง ไม่ใช่พูดแล้วหาย ที่มาก็เป็นแบบนั้น ผมจะทำให้เป็นจริง"นายสุพิศ กล่าว
"สิ่งที่ต้องการบอกกับคนสงขลา มี 3 เรื่อง 1.ผมได้ลงทุนลาออกจากอธิบดีกรมฝนหลวงฯ เพื่อต้องการทำสงขลาให้เป็นไปตามอุดมการณ์ที่คาดหวัง ในทุกมิติ 2. อยากบอกพี่น้องสงขลาว่า ผมรักทุกคน ผมดีทุกคน ไม่มีศัตรู ผมไม่มีความบาดหมางกับใคร ส.ส.ทั้งหมด 9 คน สนิทกับผม กินข้าวกับผมทุกคน และทุกพรรคผมรู้จักหมด ทั้งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค อย่านำเรื่องเล็กๆมาขยายใหญ่ ทำให้เกิดความขัดแย้ง แยกพวก เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เป็นสิ่งที่ไม่ดีงามสำหรับคนที่มาสร้างบ้านสร้างเมือง หรือเข้ามาเปลี่ยนแปลงสงขลาให้ดี
3.ให้เชื่อในตัวผมว่า ผมตั้งใจจริง ว่าผมทำได้ ผมทำเป็น ไม่เช่นนั้น ผมไม่ลงทุนลาออกจาอธิบดีกรมฝนหลวงฯมาเตรียมลงสมัครนายกอบจสงขลาแน่นอนครับ’ นายสุพิศ กล่าว
นายสุพิศ กล่าวว่า ทุกวันนี้ส่วนตัว ครอบครองไม่ได้ลำบาก ชีวิตที่เหลือขอทำเพื่อสงขลา แนวคิดส่วนตัว ถ้าทำ 4 ปีข้างหน้าสำเร็จ ความสำเร็จนี้ผมขอแค่ว่า เมื่อตายไปแล้ว คนยั่งชื่นชมลูกตน นี่ลูกสุพิศ พ่อมันเก่ง พ่อเป็นคนดี นี่หลานสุพิศ ตามันเก่ง ปู่มันเก่ง เป็นคนดี นี่แหละเหลนสุพิศ ขอแค่นี้พอชีวิต
"เหมือนที่ผมบอกว่า ทุกวันนี้คนยังชื่นชมพล.อ.เปรม (ติณสูลานนท์) ท่านเป็นคนดี ท่านเป็นคนซื่อสัตย์ ผมก็อยากได้แบบนั้น แต่ต้องทำเอาเอง แต่ผมขอเป็นแบบอย่างที่เดินตาม แต่ไม่ใช่เทียบเคียงพล.อ.เปรม เราอาจจะทำไม่เหมือนท่าน ท่านต้นทุนสูง ที่บ่มเพาะมาตั้งแต่เป็นทหาร เราก็แค่คนสงขลา เห็นลูก เห็นหลานเราชื่นชม เอาแค่นี้ มีความสุขแล้ว ชีวิตจะเอาอะไรมาก"นายสุพิศ กล่าวในที่สุด
หลังนายสุพิศ เปิดตัว นายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือนายกชาย เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ก็ออกมาแถลงยืนยันว่า นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกฯอบจ.คนปัจจุบัน จะไม่ลงสมัครต่อแล้ว ทำให้ทีม ส.อบจ.สายของไพเจน และสุพิศไม่เอา ก็ต้องหาหัวใหม่แทนไพเจน
หลังจากนั้นก็มีข่าวสะพัดว่า นายถาวร เสนเนียม อาจจะมาเป็นหัวให้กับทีมส.อบจ.สายไพเจน ซึ่งนายถาวรก็ยอมรับว่าสนใจ แต่ติดคดีการชุมนุมของ กปปส.จึงขอเวลาประเมินคดีก่อน วันที่ 14 ธันวาคมนี้จะมีคำตอบ
แต่ในห้วงเวลาใกล้เคียงกันกลับมีข่าว ส.อบจ.สายนายกชาย ไม่ค่อยพอใจต่อท่าทีของสุพิศ ที่พยายามถีบตัวเองออกห่างจากประชาธิปัตย์ และนายกฯชาย อาจจะกลับลำไปเชียร์ให้ไพเจนกลับใจมาลงสมัครอีกครั้ง แต่ไพเจนเน้นย่ำว่า ในเวลานี้ยังยึดมั่นใจเจตนารมณ์เดิม แม้จะมีคนเชียร์ให้กลับใจก็ตาม สถานการณ์การเมืองในสงขลาเวลานี้จึงเต็มไปด้วยข่าวปล่อยจริงบ้าง เท็จบ้าง ยุทธวิธี “สร้างกระแส เปิดแผลคู่แข่ง” เริ่มถูกนำมาใช้แล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ถาวร' ลังเล ลงสนามชิงเก้าอี้นายก อบจ.สงขลา รอปรึกษาทนายก่อนให้คำตอบ
ว่าที่ผู้สมัคร ส.อบจ.ทีมสงขลารวมพลังร่วมสร้างสุข นำโดย นายอริย์ธัช ทองเพชร ประธานสภา อบจ.สงขลาหัวหน้าทีมและว่าที่ผู้สมัครอยู่เดินทางไปยังสำนักงานนายถาวร เสนเนียม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและมหาดไทย
'พิพัฒน์' ปัด ภท.-รทสช. ฮั้วกันหนุน 'ถาวร' ชิงนายก อบจ.สงขลา
'พิพัฒน์' ปัดข่าว ภท.-รทสช. จับมือส่ง 'ถาวร' ชิง นายก อบจ.สงขลา ยันไม่เคยคุย 'พิมพ์ภัทรา' หลังลือจ่อย้ายซบพรรคนํ้าเงิน รับภูมิใจไทยอยากครองภาคใต้เพิ่ม แต่ไม่ใช้วิธีฮั้วรวมกันตี
ชิงนายกอบจ.สงขลา เดือดแน่ สะพัด! รทสช.จับมือ ภท.ส่ง 'ถาวร เสนเนียม' ลงสู้ศึก
มีการขยับตัวของพรรคภูมิใจไทยกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เตรียมส่งตัวผู้สมัครนายกอบจ.สงขลา โดยนักการเมืองรุ่นใหญ่ในจ.สงขลา คือนายถาวร เสนเนียม อดีตส.ส.สงขลา แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรมช.คมนาคม ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ จับมือกับแกนนำพรรคภูมิใจไทย คือ นายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ดูแลภาคใต้
'ถาวร' มาแล้ว! ออกโรงเตือนนายกหุ่นเชิดของ 'เตี่ย'
นายถาวร เสนเนียม สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ นายกหุ่นเชิดของ"เตี่ย" มีเนื้อหาดังนี้
สะดุ้ง! อดีตสว.โพสต์หนังสือ คดีประวัติศาสตร์ ๙๙ วันอันตราย ทำไมกกต.ติดคุก
นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.)โพสต์เฟซบุ๊กภาพปกหนังสือ คดีประวัติศาสตร์ ๙๙ วันอันตราย ทำไมกกต.ติดคุก เขียนโดย นายถาวร เสนเนียม พร้อมระบุว่า
'ถาวร-อดีตอัยการ' เตือน อสส. อย่า 2 มาตรฐานคดี 112 ของทักษิณ
“ทักษิณ”ลุ้น รอด-ไม่รอด-เลื่อน คดี 112 พุธนี้ “ถาวร-อดีตอัยการ”เตือน อย่าเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า หลังอดีตอสส.เคยสั่งเอาผิดมาแล้ว ชี้หากเลื่อนอีกจะถูกมองมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม