'จตุพร' ท้าอำนาจเอาแต่ได้ ลั่นถ้ามั่นใจก็แบ่งประโยชน์ 50:50 เลย เอาตามลูกพี่สบายใจ แล้วจะได้วัดกัน ส่วน 'กิตติรัตน์' วืดเข้าครม. เชื่อรัฐบาลลังเล หวั่นเป็นปัญหาหัวเชื้อคนค้านขย่ม แม้กฤษฎีการะบุคุณสมบัติไม่เข้าข่ายข้าราชการการเมือง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้อ้างในศาล รธน.จะชนะทุกกรณีไป
4ธ.ค.2567- นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่ตั้งคณะกรรมการร่วมเจทีซี (JTC) เพื่อเจรจาปักปันเขตแดนในพื้นที่อ้างสิทธิ และ รมว.คลังไม่เสนอชื่อ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” ให้ ครม อนุมัติเห็นชอบเป็นประธานบอร์ดแบ่งชาติ แสดงถึงอาการลังเล คงหวั่นจะเกิดปัญหาแรงต้าน จึงยากจะทำตามในสิ่งที่ต้องการผลประโยชน์เอาแต่ได้
นายจตุพร กล่าวว่า ครม.ยังไม่อนุมัติเห็นชอบให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาตินั้น แม้ความเห็นของกฤษฎีการะบุคุณสมบัติไม่เข้าข่ายข้าราชการการเมือง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้อ้างในศาล รธน. และจะชนะทุกกรณีไป โดยสมัยยิ่งลักษณ์ ความเห็นกฤษฎีกายังแพ้ทุกคดี ดังนั้น ตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ เป็นข้าราชการการเมืองหรือไม่ ยังไม่เป็นที่ยุติชัดเจน
"ถ้าทุกอย่างง่ายดาย บัดนี้การแต่งตั้งกิตติรัตน์ ต้องเรียบร้อยมาตั้งแต่การประชุม ครม.สัญจรที่เชียงใหม่แล้ว และการประชุม ครม.ที่กรุงเทพ ยังไม่อนุมัติเห็นชอบอีก จึงสะท้อนว่า การแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติไม่ง่ายเลย เพราะฝ่ายคัดค้านเป็นระดับตัวเป้ง มีความพร้อมที่จะสอยให้พ้นตำแหน่งได้เหมือนกัน"
นายจตุพร กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการร่วมเจทีซี เพื่อเจรจาพื้นที่อ้างสิทธิระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า เรื่องนี้เป็นของร้อนและคนที่ประชาชนเชื่อมั่นก็ไม่อยากเป็น เพราะเหมือนกับการเอามือซุกหีบและสุ่มเสี่ยงถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา
ส่วน MOU 44 นั้น ฝ่ายคัดค้านให้ข้อเท็จจริงอย่างมีระบบ แต่ฝ่ายรัฐไม่เคยชี้แจงอย่างเป็นระบบเลย ดังนั้น ถ้าตั้งเจทีซี ขึ้นมาแล้วจะทำตามเป้าหมายอะไร จะเดินตามทางของทักษิณ ต้องการให้แบ่งผลประโยชน์ 50:50 หรือ จะเอาตามนายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร กำหนดว่า เธอกับฉันตกลงกันไม่ได้ ก็แบ่งผลประโยชน์กัน
"ถ้าเจทีซี ได้รับโจทย์อย่างนี้แล้ว สถานการณ์ข้างหน้าคืออะไร ดังนั้น ถ้าตราบใดไม่ยึดเจรจาดินแดนทั้งบนบกและทะเลก่อน แต่มุ่งไปตกลงเรื่องผลประโยชน์พลังงานเป็นจุดหมายหลัก ซึ่งพลังงานเป็นสัมปทานของเชฟรอน โดยประชาชนได้แต่ค่าภาคหลวง อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสงสัยว่า ทำไมรัฐบาลไม่พูดถึงสัมปทานเชฟรอนเลย"
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลเดินไปตามธงปักกำหนดเรื่องตกลงผลประโยชน์ก่อนก็ตาม แต่ปัญหาคือ สามารถทำได้จริงหรือไม่ เพราะจะสุ่มเสี่ยงกับกฎหมายปิดปากถูกนำมาอ้างสิทธิเขตแดน เมื่อกฎหมายแบ่งกันครึ่งๆ ได้ ดินแดนย่อมถูกแบ่งครึ่งๆ ด้วยเช่นกันหรือไม่
พร้อมย้ำว่า MOU 44 จะเป็นช่องทางให้เกิดความสุ่มเสี่ยงเสียดินแดนทั้งทางบกและทะเล เมื่อประชาชนต้องออกมาคัดค้าน แต่รัฐบาลขู่จะถูกทหารยึดอำนาจ ดังนั้น ใครควรหยุดก่อนกันเพื่อป้องกันทหารยึดอำนาจ สำหรับประชาชนคัดค้านเพราะกลัวเสียดินแดน ส่วนรัฐบาลอยากเดินหน้าเพื่อต้องการแบ่งประโยชน์ 50:50 อีกอย่างรัฐบาลหลายชุดที่ผ่านมา ทั้งยุคทักษิณและยิ่งลักษณ์ ยังไม่กล้าเจรจาในเรื่องนี้กับกัมพูชา แล้วทำไมความกล้าจึงมาอยู่ในยุคของนายกฯ อุ๊งอิ๊ง ดังนั้นรัฐบาลต้องหยุดการกระทำก่อนเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
อีกทั้งเชื่อว่า กรณี MOU 44 จะเป็นชนวนเบื้องต้นให้เสียงคัดค้านรวมตัวกัน จากนั้นยังมีเรื่องตั้งบ่อน ขนส่งทางรางที่ให้ที่ดินสองข้างทางเป็นของสัมปทานเอกชน รวมทั้งดิจิทัลวอลเล็ต และแลนด์บริดจ์ จะเป็นปัญหาใหญ่ประเดประดังเข้าใส่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่หยุดหย่อน
ถึงที่สุดเชื่อว่า การแบ่งผลประโยชน์กับกัมพูชานั้น รัฐบาลเพื่อไทยจะพยายามทำให้ได้เพราะเป็นผลประโยชน์ก้อนโตที่มองเห็นอยู่ข้างหน้า ดังนั้น ถ้ารัฐมีความมั่นใจก็ทำเลย หรือจะทดสอบความรักชาติของประชาชนก็ได้ เอาเลย รีบทำเลย อย่าลังเล
"เมื่อแบ่งประโยชน์เหนืออื่นใดกันแล้ว ราคาน้ำมัน ก๊าซ ค่าไฟฟ้าล้วนยังแพงอยู่เหมือนเดิม ประชาชนไม่ได้รู้สึกมีผลประโยชน์ร่วมด้วยเลย แต่เชฟรอนกลับครอบครองผลประโยชน์ฝ่ายเดียว ดังนั้น ถ้ารัฐบาลเพื่อไทยยังมีความเชื่อมั่นมากๆ ก็ทำเลย หากเชื่อว่าประชาชนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ม็อบจุดไม่ติดแล้ว ถ้ากล้าก็เอาเลย แล้วก็วัดกัน เอาตามสบายเลย ลูกพี่ว่ามาเลย”
นายจตุพร ย้ำว่า รัฐบาลต้องเจรจาปักปันเขตแดนให้เรียบร้อยและจนสองประเทศพึงพอใจ ส่วนไทยขณะเจรจาก็รื้อสัญญา 52 ปีที่มอบสัมปทานให้เชฟรอนมาตรวจสอบและพิจารณาใหม่ เพื่อให้ประเทศได้ประโยชน์มากว่าบริษัทต่างชาติกอบโกยเอาไป สิ่งสำคัญรัฐบาลไม่พูดถึงกรณีสัมปทานเชฟรอนเลย น่าเป็นพิรุธอย่างมาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปูด! ส่อเขี่ย 'พีระพันธุ์' ดึงปชน.มาเสริม ปลด 'ภูมิธรรม' นายทหารยศไม่สูงเสียบแทน
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์เฟซบุ๊คว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน จากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีแววจะถูกปรับออกจาก ครม.
'จตุพร' มองการเมือง 2568 สัมพันธ์อำนาจระแวงบีบกด ฉุดบ้านเมืองเข้ามุมอับ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ส่งท้ายปี 2567 ว่า ในปี 2568 บ้านเมือง
'อดีตบิ๊กศรภ.' ฟันธง! หลัง ม.ค.68 'ทักษิณ' จะคึกคะนองไม่ออก
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ ทักษิณ VS. สนธิกับสหายร่วมรบ หลังมกราคม 68 มีเนื้อหาดังนี้
เปิดภารกิจ 'กิตติรัตน์' ในตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ ทำหลุดเก้าอี้ 'ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ'
กรณีที่ประชุมคณะกรรมการกฤษฎีการ่วม 3 คณะ มีมติด้วยเสียงข้างมากเห็นว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ผู้ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาให้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ
'จตุพร' ซัด 'ทักษิณ' สติแตก โต้ 'ผมเป็นหนี้อะไรนักหนาสู้ให้จนติดคุก 5 ครั้ง' คงทดแทนพอแล้ว
'จตุพร' ซัด 'ทักษิณ' สติแตก อารมณ์อึดอัดพลุกพล่าน พูดกราดเกรี้ยวดุดัน โชว์ถ่อยเป็นพ่อไม่ไว้หน้านายกฯ ลูกสาว จวกปราศรัยเหวี่ยงแห ดุด่าสองแง่สามง่าม ยัดเยียดสารพัดเนรคุณ ย้อนแสบทดแทนบุญคุณนักสู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บหรือยัง ลั่น 'ผมเป็นหนี้อะไรนักหนา' สู้ให้จนติดคุก 5 ครั้ง ชีวิตผจญชะตากรรมไม่รู้จบ บ้านรอถูกยึด คงทดแทนกันพอแล้วมั้ง
จี้ 'พิชัย' พ้นเก้าอี้ รมว.คลัง ความผิดสำเร็จ เสนอชื่อ 'กิตติรัตน์' ขาดคุณสมบัติเป็นปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์ระบุว่า ไม่รอด กิตติรัตน์ ณ ระนอง ขาดคุณสมบัติ เป็นประธานบอร์ดแบงค์ชาติ เพราะนั่งที่ปรึกษาของนายกฯ