30 พ.ย.2567 - นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เชื่อว่าเรื่อง MOU 44 คงต้องคุยกันอีกยาวถ้ามีการตั้งกรรมการเจรจา และเริ่มต้นพูดคุยระหว่าง 2 ประเทศ ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลก็จะนำไปวิพากษ์วิจารณ์ขยายผล ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องต้องชี้แจงกันต่อไป
ก่อนจะถึงขั้นตอนนั้น ผมมีตัวอย่างการดำเนินการระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ในประเด็นใกล้เคียงกับพื้นที่ทับซ้อนไทย - กัมพูชา มาเล่าให้ฟัง
ไทยกับมาเลเซียเคยมีข้อพิพาทเรื่องดินแดน เพราะทั้ง 2 ประเทศใช้หลักเกณฑ์ในการประกาศเขตแดนทางทะเลและกำหนดไหล่ทวีปแตกต่างกัน ไทยอาศัยเส้นขอบของเกาะโลซิน มาเลเซียไม่เห็นด้วย บอกว่าควรใช้ฝั่งเป็นเส้นมัธยฐาน เมื่อตกลงกันไม่ได้ จึงเกิดพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนกันประมาณ 7,250 ตร.กม. ห่างจากปัตตานี 180 กม. จากสงขลา 260 กม. และห่างจากโกตาบารูของมาเลเซีย 150 กม.
การเจรจาแบ่งอาณาเขตทางทะเลระหว่าง 2 ประเทศ เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2515 จนในที่สุดได้ทำความตกลงเพื่อให้สามารถแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลบริเวณที่เหลื่อมล้ำร่วมกัน และมีการลงนาม “บันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทยและมาเลเซีย เกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรร่วม เพื่อแสวงผลประโยชน์จากทรัพยาการในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของประเทศทั้งสองในอ่าวไทย” โดยเรียกพื้นที่ตรงนั้นว่า พื้นที่พัฒนาร่วม เมื่อปี 2522
ภายใต้เงื่อนไขของระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต สัดส่วน 50 : 50 เป็นเวลา 50 ปี ถือเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ด้านปิโตรเลียมร่วมกัน และแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ จนเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติในเวทีระหว่างประเทศ
การดำเนินการมีทั้งราบรื่นและติดขัด จนในที่สุดองค์กรร่วมนี้ก็ก่อตั้งขึ้นในปี 2537 จากนั้นมีการตั้งบริษัท ทรานส์ไทย - มาเลเซีย (ประเทศไทย) และทรานส์ไทย - มาเลเซีย (ประเทศมาเลเซีย) ในปี 2543 และสามารถนำก๊าซธรรมชาติขึ้นมาใช้ได้ในปี 2548 รวมเวลาตั้งแต่เกิดข้อพิพาท จนถึงการใช้ผลประโยชน์ร่วมกัน 33 ปี
จากข้อมูลปี 2562 พื้นที่ดังกล่าวผลิตก๊าซธรรมชาติได้ประมาณ 1,200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ผลิตคอนเดนเสท(ก๊าซเหลว)ได้ประมาณ 16,700 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมรายได้ระหว่าง 2 ประเทศ ณ ขณะนั้น 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สร้างงานมากกว่า 50,000 ตำแหน่ง สนับสนุนทุนวิจัยให้มหาวิทยาลัยทั้ง 2 ประเทศ 16 โครงการ มากกว่า 25 ล้านเหรียญสหรัฐ
นี่เป็นตัวแบบหนึ่งให้เห็นว่าปัญหาพื้นที่ทับซ้อน เป็นเรื่องปกติที่เกิดได้ในแนวตะเข็บของแต่ละประเทศ หลายแห่งใช้วิธีการว่าถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ปล่อยไว้ ค่อยๆคุยกันไปโดยห้ามแต่ละฝ่ายรุกล้ำ แต่หากมีทรัพยากรมูลค่ามหาศาล สิ่งที่ควรจะเป็นคือหาทางนำมาใช้ เหมือนไทยกับมาเลเซียทำสำเร็จมาแล้ว
กรณีพื้นที่ทับซ้อนไทย - กัมพูชาเกิดตั้งแต่ปี 2513 ผ่านไป 53 ปียังไม่จบ ทรัพยากรปิโตรเลียมมูลค่ากว่า 10 ล้านล้านบาท คิดเป็นหลายสิบเท่าตัวของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย - มาเลเซีย ยังนอนอยู่ก้นทะเล ไม่มีใครได้นำมาใช้
ผมไม่ได้บอกว่าเรื่องเขตแดนไม่สำคัญ แต่เรื่องแบบนี้เป็นปัญหาอมตะของหลายประเทศ มีแนวชายแดนมากมายทั่วโลกที่ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่อาจหาข้อยุติร่วมกัน ไม่จำเป็นต้องขัดแย้งแตกหักกันเสมอไป
รัฐบาลชุดนี้ก็เหมือนคนไทยทุกคน ไม่มีใครยอมเสียดินแดนไม่ว่าจะกับประเทศไหนก็ตาม แต่ความพยายามที่รัฐไทยทำมากว่าครึ่งศตวรรษ ถ้าจะหาทางออกร่วมกันอย่างสันติ รับผลประโยชน์ด้านพลังงานร่วมกันได้ โอกาสสำเร็จมีสูงมากจากสัมพันธภาพอันดีของ 2 ประเทศเวลานี้
ถ้าจะมีการไล่รัฐบาล ก็ควรไล่ให้รีบไปทำเรื่องนี้อย่างชัดเจน โปร่งใส รายงานความคืบหน้าต่อประชาชนทุกระยะ เอาความสำเร็จมาให้ประเทศไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'สีหศักดิ์' ถึงยูนนาน ถกจนท.-ทหารไทย พร้อมหารือไตรภาคี
'สีหศักดิ์' ถึง 'ยูนนาน' ประชุมร่วมเจ้าหน้าที่-ทหารฝ่ายไทย เตรียมพร้อมก่อนหารือไตรภาคี หลังข้อตกลงหยุดยิง
'จีน-ไทย-เขมร' เปิดฉากไตรภาคี นานาชาติร่วมยินดีหยุดยิง
'จีน-ไทย- กัมพูชา' หารือไตรภาคี หลังหยุดยิง นานาชาติร่วมยินดีไทย กต. ยืนยันยังคงรวบรวมหลักฐานทุ่นระเบิด เสนอตามกรอบออตตาวา ในฐานะรัฐภาคีที่รับผิดชอบต่ออนุสัญญา
กองทัพยังไม่พบเหตุละเมิดหยุดยิง ยันห้ามเขมรกลับเข้า 'บ้านหนองจาน'
กองทัพยันยังไม่พบเหตุการณ์ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง 72 ชม. ไทยยึดเคร่งครัด แจงชาวกัมพูชากลับเข้า 'บ้านหนองจาน' ในเขตฝ่ายไทยไม่ได้
'ทอ.' เช็กแล้ว! เที่ยวบิน 'เบลาลุส-พนมเปญ' อย่ากังวลพร้อม 24 ชม.
'ทอ.' เช็กเที่ยวบิน 'เบลาลุส-พนมเปญ' ยันถ้าเติมของและใช้กระทำฝ่ายไทย มีมาตรการตอบโต้-รับมือ ย้ำอย่าวิตกกังวล ชี้ช่วงนี้มีการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ
ชาวบ้านกรวดเริ่มเปิดร้าน หาเงินเลี้ยงชีพ แม้ไม่มั่นใจเขมรหยุดยิงจริง
ชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้าตามแนวชายแดน ในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เริ่มกลับไปทำมาหากิน และเปิดร้านขายของชำในหมู่บ้าน เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัวและชำระหนี้สินกันแล้ว
เฝ้าระวัง72ชม. จับตา‘กัมพูชา’ เบี้่ยวเจอสวน!
ผอ.ศูนย์แถลงข่าวร่วมฯ แจงเฝ้าระวังหยุดยิง 72 ชั่วโมง ชี้ตัวเลขที่เหมาะสม-ระดับมาตรฐานสากลใช้กันทั่วโลก ชี้บทเรียนฉีกข้อตกลงไทยพร้อมตอบโต้ป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติข้อ

