'จตุพร' ทุบพวกอวดดี โวมีของแน่ ชอบแกว่งปากดูแคลนคนลงถนน ดูถูกปลุกไม่ติด ระวังคนทนไม่ได้ ดีเอ็นเอชินฯจะเอาไม่อยู่ จบไม่สวย คาดเสนอ 'กิตติรัตน์' นั่ง ปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ เข้า ครม.สัญจร เชื่อเป็นหัวเชื้อให้เสียงค้านเคลื่อนไหว ลามต้านเจรจา MOU 44 ย้ำปักปันเขตแดน รื้อสัญญาเชฟรอน ก่อนแบ่งประโยชน์ 50:50
29 พ.ย.2567- นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า ความอวดดี ชอบดูถูก ดูแคลนประชาชนจะทำให้จบไม่สวย และสุ่มเสี่ยงสิ้นอำนาจไม่แตกต่างจากรัฐบาลพรรคเครือชินวัตรในอดีต
“การอวดดีจะทำอะไรก็ได้ เพราะเชื่อมีไฟเขียว มีของแน่นั้น จะไม่จีรังยั่งยืน เพราะถ้ารัฐบาลทำในสิ่งที่คนในชาติรับกันไม่ไหว ย่อมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้ ดังนั้น รัฐบาลต้องไม่สร้างปัญหาที่เป็นเงื่อนไขให้คนทนไม่ได้ จนต้องลงถนนคัดค้าน”
อีกทั้งคาดว่า ประชุม ครม.สัญจรที่เชียงใหม่ในวันที่ 29 พ.ย. นี้ รมว.คลังคงเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้ที่ประชุมอนุมัติแต่งตั้งเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ แต่จะกล้าลงมติหรือชะลอไว้ก่อนต้องติดตาม
อย่างไรก็ตาม กรณีตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ จะเป็นการท้าทายประชาชนและเป็นหัวเชื้อให้เคลื่อนไหวคัดค้านได้ ซึ่งไม่แตกต่างจากกรณีย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี พ้นเลขา สมช.เมื่อสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้วสุดท้าย รมต.ที่ลงมติก็ถูกสั่งให้พ้นตำแหน่งทั้งหมดเพราะฝ่าฝืน รธน.เข้าข่ายข้อหามีผลประโยชน์ทับซ้อน
"นายกิตติรัตน์ ยังมีคุณสมบัติต้องห้ามกับตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ และถ้ารัฐบาลตั้งจริงจะถูกร้องเรียนในเรื่องอื่นๆ เป็นคดีอาญาอีกด้วย ที่สำคัญ รมต.ที่ประชุมลงมติแต่งตั้งจะเสี่ยงถูกพ้นตำแหน่ง เช่นเดียวกับกรณีย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เพื่อเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง"
ส่วนการรีบเร่งตกลงแบ่งผลประโยชน์ในแหล่งพลังงานทางทะเลในพื้นที่ทับซ้อนกับกัมพูชา นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าเจรจาเอาผลประโยชน์จากแหล่งพลังงานนำหน้าก่อนการตกลงปักปันเขตแดนแล้ว จะทำให้การคัดค้าน ซึ่งหวาดหวั่นจะสูญเสียดินแดนจุดติดขึ้นมาได้ ดังนั้น รัฐบาลที่โหมดูแคลน ดูถูกว่าม็อบปลุกไม่ติด ไม่มีคนลงถนนจะกลับลำไม่ทัน
นายจตุพร เสนอว่า ให้ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลเพื่อไทยตรวจสอบสัญญาเมื่อ 52 ปีที่แล้วกับการยกสัมปทานพลังงานให้บริษัทเชฟรอน เพื่อหาช่องว่างยกเลิกหรือพิจารณาประโยชน์ที่ไทยจะได้รับเป็นอย่างไร และต้องเสียผลประโยชน์อะไรบ้าง โดยทำควบคู่กับการเจรจาปักปันเขตแดน ซึ่งสิ่งที่เสนอมีเพียงเท่านี้ แต่รัฐบาลกลับจะเป็นจะตายกันทั้งพรรคเพื่อไทย
นายจตุพร กล่าวว่า การเจรจาผลประโยชน์แบ่ง 50:50 ไม่มีหลักประกันใดที่จะทำให้ราคาน้ำมันและก๊าซถูกลง จนทำให้ไฟฟ้าราคาถูกตามมาด้วย สิ่งนี้ยังไม่เคยขึ้นกับไทย แม้รัฐบาลได้สร้างความรู้สึกว่าไทยมีแหล่งพลังงาน แต่ต่างชาติได้ผลประโยชน์ ส่วนไทยได้เพียงค่าภาคหลวงเท่านั้น
"MOU 44 มีปัญหาแน่นอน แต่การแสดงอาการของนายกฯ อุ๊งอิ๊ง และทักษิณ ชินวัตร สร้างความไม่สบายใจกับประเทศ ดังนั้น ถ้าตกลงปักปันเขตแดนก่อน และรื้อหรือยกเลิกสัญญาสัมปทานเชฟรอนเพื่อให้ประเทศได้ประโยชน์แท้จริง เพียงแค่นี้รัฐบาลเสียหน้าอะไรกัน สิ่งที่น่าหวาดหวั่น คือ หากแบ่งประโยชน์ 50:50 ก่อนจะทำให้ปักปันเขตแดนบนดินในอนาคตต้องแบ่ง 50:50 ด้วยหรือไม่"
อีกทั้งกล่าวว่า รัฐบาลอย่าได้ประมาทความเป็นชาตินิยมของคนไทย เมื่อคนมีอำนาจคิดในเชิงผลประโยชน์ แต่ประชาชนไม่เกี่ยวด้วย หากเกิดสุ่มเสี่ยงเสียดินแดน อาจทำให้คนลงถนน ถึงที่สุดแล้วยังไม่รู้เลยว่า ใครจะลงถนนกันบ้าง ส่วนพรรคประชาชนแสดงเจตนาชัดเจนจะต่อสู้ในสภา
"การออกมาดูแคลน จุดไม่ติด เป็นแต่พวกปากเก่ง เมื่อเกิดเรื่องขึ้นจริง พวกดูถูกคนไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนกัน บทเรียนนิรโทษกรรมสุดซอยส่วนสำคัญมาจากการดูถูกคนลงถนน แต่เมื่อคนออกมาคัดค้านมากมาย พวกดูแคลนกลับหายหน้า ข้าราชการก็คุมไม่ได้ แล้วเกิดการยึดอำนาจขึ้น”
นายจตุพร กล่าวว่า การลงถนนคัดค้านรัฐบาลนั้น เงื่อนไขสำคัญมาจากรัฐบาลก่อปัญหาขึ้นมาเอง แกนนำไม่สามารถจุดม็อบลงถนนได้แน่ แต่รัฐบาลเพื่อไทยกลับท้าทาย ทั้งการสร้างบ่อนและจะมีการจัดประชุมสุดยอดคาสิโนในไทยวันที่ 2-4 ธ.ค.นี้ ซึ่งไม่ใส่ใจหรือไม่รู้ว่า ตรงกับวันสำคัญอะไรของเดือนด้วย หวังว่าจะเข้าใจ
"จะเอาให้ได้ใช่หรือไม่เรื่องบ่อน แล้วเรื่อง 99 ปีจะเอาอีกหรือไม่ รวมทั้งรถไฟขนส่งทางรางที่ยอมเสียที่ดินให้เอกชนทั้งสองข้างทางยังจะทำอีกหรือไม่ อย่างไรก็ตาม อำนาจที่ฉ้อฉลย่อมทำให้การเมืองเปลี่ยนแปลง และคนรักชาติก็เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ด้วย ดังนั้นไม่มีใครผูกขาดให้ใครอีกแล้ว"
สิ่งสำคัญเมื่อรัฐบาลเอาผลประโยชน์เฉพาะหน้ามาก่อนความรักชาติ ย่อมเป็นเงื่อนไขให้ประชาชนออกมาลงถนน แต่รัฐบาลกลับโทษประชาชนและขู่จะถูกทหารยึดอำนาจ แต่ไม่พูดถึงต้นเหตุคือ รัฐบาลสร้างเงื่อนไขขึ้นมาเอง ถ้าไม่สร้างปัญหาทหารย่อมไม่ยึดอำนาจเช่นกัน ดังนั้น อย่าโทษแต่ประชาชนที่รักชาติ ต้องโทษตัวเองได้สร้างปัญหาและตระบัดสัตย์กับประชาชนไว้อย่างไรในช่วงหาเสียง
"ถ้าแน่จริงก็ทำทุกอย่างที่อยากทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนไปเลย เพราะจะได้ดูหน้าประชาชนจะทนได้หรือไม่ ส่วนการท้าทายและดูแคลนประชาชนนั้น จะซ้ำรอยอำนาจพรรคเพื่อไทยที่ชอบดูถูกการลงถนนไว้ แต่สุดท้ายก็ถูกยึดอำนาจเหมือนเดิมอีก เพราะไม่ยอมฟังความเห็นแตกต่างของประชาชน คิดแต่จะเอาให้ได้อย่างเดียว ดังนั้นก็เอาเลย ทำเลย"นายจตุพร กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอาแน่‘กาสิโน’ขึ้นบนดิน
“ทักษิณ” สวมบทนายกฯ ตัวจริง ลุยหาเสียง อบจ.เชียงราย 3 แห่งรวด
ไม่กล้าเขี่ยพีระพันธ์ แม้วเกทับไฟฟ้าเหลือ3.70 จะทุบทุนผูกขาดทุกชนิด!
"พ่อนายกฯ" โชว์เหนือ จะทุบค่าไฟฟ้าเหลือ 3.70 ต่อหน่วย เ
การเมืองไทยปี 68 เข้มข้น-ขับเคี่ยว-ร้อนแรง ซักฟอกมี.ค.-ปรับครม.กลางปี
การเมืองไทยไม่ว่าปีไหนๆ ก็มีประเด็นร้อนเกิดขึ้นได้ตลอด บางเรื่องเกิดขึ้นตามปฏิทินการเมือง แต่บางประเด็นเป็นความร้อนแรงที่แทรกขึ้นมาแบบไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
แม้วเดินสายโชว์บารมี อิ๊งค์ปราศรัยนครพนม
"ทักษิณ" ลุยหาเสียงผู้สมัครนายก อบจ. จ่อขึ้นเวทีเชียงราย 3 เวที "เทิง-เชียงของ-แม่จัน" ปราศรัยช่วย "สลักจฤฎดิ์-เมียยงยุทธ" ก่อนเดินสายลำปาง-นครพนม-บึงกาฬ-หนองคาย-มหาสารคาม-ศรีสะเกษ
'จักรภพ' จูงมือคู่ชีวิต พบ 'ทักษิณ' เชิญเป็นสักขีพยานจดทะเบียน 'สมรสเท่าเทียม'
นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายก และ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วานนี้ (3 มกราคม) ตนพร้อมด้วย นายสุไพรพล ช่วยชู หรือ ป๊อบ คู่ชีวิต เดินทางเข้าพบ ดร.ทักษิณ ชินวัต
‘พ่อ-ลูก’ แห่ช่วยหาเสียง หลายพื้นที่สอย ‘ผู้สมัคร’
“แพทองธาร” ลุยช่วยหาเสียง อบจ.นครพนม 12 ม.ค.นี้ ส่วนพ่อนายกฯ ลงซ้ำ 18 ม.ค.นี้ “อนุทิน” ไม่หวั่น ขอแค่ส่งใจช่วยเครือข่ายสีน้ำเงินรักษาเก้าอี้ภาคอีสาน