ผงะ สังคมไทย! สตรีเหยื่อความรุนแรง แจ้งความพุ่งปีละ 3 หมื่นคน

กสม.ร่อนสาร  เนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล ปี  2567 เรียกร้องรัฐบาลขับเคลื่อนป้องกัน ความรุนแรงในครอบครัวเป็นวาระแห่งชาติ หนุนสังคมต้องช่วยกันดูแลไม่ปล่อยนิ่งเฉย

24 พ.ย.2567 – สารคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เนื่องใน “วันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล” ประจำปี 2567 ความรุนแรงต่อสตรีถือเป็นปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต รวมทั้งส่งผลกระทบต่อผลิตผลทางสังคมและเศรษฐกิจโดยรวม จากข้อมูลของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่าผู้หญิงถูกละเมิด ถูกกระทำรุนแรงทางร่างกายหรือจิตใจ เข้ารับการรักษาและแจ้งความร้องทุกข์ประมาณปีละ 30,000 คน

 รูปแบบของความรุนแรงที่ผู้หญิงถูกกระทำมีทั้งความรุนแรงทางกาย ทางเพศ และจิตใจ โดยความรุนแรงในครอบครัวยังเป็นปัญหาใหญ่ที่ผู้หญิงต้องเผชิญในพื้นที่ส่วนตัวจากการกระทำของคนใกล้ตัวคือคู่รักและบุคคลในครอบครัว อันมีรากเหง้าของปัญหาจากค่านิยมความเชื่อแบบชายเป็นใหญ่

ในพื้นที่สาธารณะ พบว่าความรุนแรงที่ผู้หญิงต้องเผชิญนอกจากการทำร้ายร่างกาย และการคุกคามทางเพศในการทำงานแล้ว ผู้หญิงยังถูกคุกคามทางเพศในพื้นที่ออนไลน์ ผู้หญิงซึ่งเป็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชนถูกข่มขู่ คุกคาม หรือติดตามตัว จากความพยายามเข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการของรัฐหรือกิจการของเอกชนที่ส่งผลกระทบต่อชุมชน ขณะที่ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมยังมีอุปสรรคในการเข้าถึงบริการสาธารณสุขด้านการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย ทำให้มีความเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายต่อร่างกายและชีวิต นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้หญิงยากจนจำนวนไม่น้อยที่ถูกล่อลวงให้เข้าสู่ขบวนการรับจ้างอุ้มบุญข้ามชาติโดยไม่รู้กฎหมาย รู้เท่าไม่ถึงการณ์ และต้องกลายเป็นผู้กระทำความผิดฐานมีส่วนร่วมในกิจกรรมขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติจากการตั้งครรภ์แทน

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ยืนยันว่า ต้องไม่มีผู้หญิงคนใดถูกกระทำความรุนแรงทั้งทางร่างกาย ทางเพศ ทางจิตใจ ไม่ถูกคุกคามความปลอดภัยในร่างกาย ชีวิต และไม่ถูกล่อลวงให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมใด ๆ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

เนื่องในโอกาส “วันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล” (International Day for the Elimination of Violence against Women) 25 พฤศจิกายน ประจำปี 2567 นี้ และเนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของปฏิญญาปักกิ่งและแผนปฏิบัติการเพื่อความก้าวหน้าของสตรี (Beijing Declaration and Platform for Action – BDPA) ซึ่งไทยได้ให้คำมั่นในการที่จะขจัดความรุนแรงต่อสตรีในทุกรูปแบบและส่งเสริมสิทธิสตรีในทุกมิติ นั้น

 กสม. ขอให้รัฐบาลมุ่งมั่นดำเนินการในการยุติความรุนแรงต่อสตรีในทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (Convention on Elimination of All Forms of Discrimination against Women – CEDAW) โดยขับเคลื่อนให้การยุติความรุนแรงต่อสตรี โดยเฉพาะความรุนแรงในครอบครัวเป็นวาระแห่งชาติ ร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อคุ้มครองผู้ที่ถูกกระทำความรุนแรง และความรุนแรงในครอบครัวอย่างมีประสิทธิภาพ เสริมศักยภาพและพัฒนากลไกการทำงานของบุคลากรที่ทำหน้าที่ให้การคุ้มครอง/ช่วยเหลือเยียวยาผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในทุกระดับ เสริมสร้างความตระหนักรู้และปรับเปลี่ยนทัศนคติของผู้คนในสังคม รวมถึงพัฒนาระบบฐานข้อมูลกลางในการจัดเก็บข้อมูลปัญหาความรุนแรงต่อสตรีเพื่อนำไปสู่การกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ ต้องตระหนักถึงประเด็นความทับซ้อนทางอัตลักษณ์ของบุคคล เช่น ผู้หญิงพิการ ผู้หญิงกลุ่มชาติพันธุ์ ผู้หญิงแรงงานข้ามชาติ ซึ่งเป็นผู้ที่ตกอยู่ในสถานะเสี่ยงต่อการถูกกระทำความรุนแรง และประสบปัญหาในการเข้าถึงบริการและความช่วยเหลือต่างๆ จากรัฐ เร่งออกกฎหมายคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และพัฒนาระบบบริการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยให้สามารถเข้าถึงได้อย่างทั่วถึงเท่าเทียม

สุดท้ายนี้ กสม. ขอเน้นย้ำว่าปัญหาความรุนแรงต่อสตรีไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นปัญหาสาธารณะที่ทุกคนมีส่วนสำคัญในการป้องกันแก้ไข เพื่อร่วมสร้างให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ไม่ยอมรับและไม่นิ่งเฉยต่อการกระทำความรุนแรงต่อสตรีในทุกรูปแบบ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พบระเบิด 3 ลูกในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา จ.นราธิวาส จนท.เร่งเก็บกู้

กรณีเหตุเมื่อคืนที่ผ่านมา(21 ก.ย.67)ได้มีคนร้ายประมาณ 20-30 คน อำพรางใบหน้าพร้อมอาวุธครบมือ ลอบวางเพลิงอาคารบ้านพักสำนักงานป่าไม้ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา บ้านบาลา

'หมอยง' ชี้ 'โควิด' ระบาดหนัก แต่รุนแรงลดลง เข้าใกล้ไข้หวัดใหญ่

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า โควิด 19

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหาก 'โดนัลด์ ทรัมป์' ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี

ด้วยวาทกรรม ‘นองเลือด’ ของเขา เวลานี้โดนัลด์ ทรัมป์กำลังยุยงให้เกิดความรุนแรงมากขึ้นต่อผู้อพยพ รวมถึงโจ ไบเดนคู่แข่

บึ้มปัตตานี! ดักสังหารเจ้าหน้าที่ชุดคัดเลือกทหารเกณฑ์

เมื่อเวลา 05.30 น. ร.ต.อ.พงศกร ฤทธิศักดิ์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเหตุเกิดบนถนนสายทุ่งยางแดง-กะพ้อ