ข่าวดี! ดร.อนันต์เผยงานวิจัยฝรั่งค้นพบกลไกสำคัญของโยโย่เอฟเฟกต์

20 พ.ย.2567 - ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า งานวิจัยล่าสุดที่เพิ่งออกมาใน Nature ทีมวิจัยจาก ETH Zurich และ พันธมิตรหลายที่ ได้ค้นพบกลไกสำคัญที่อธิบายปรากฏการณ์ "Yo-Yo Effect" หรือการที่น้ำหนักกลับมาเพิ่มขึ้นหลังจากการลดน้ำหนักสำเร็จ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้ที่พยายามควบคุมน้ำหนัก โดยทั่วไปคนมักเชื่อว่าการที่น้ำหนักกลับมาเพิ่มขึ้นเกิดจากการกลับไปมีพฤติกรรมการกินแบบเดิม หรือร่างกายปรับตัวให้เผาผลาญพลังงานน้อยลง แต่การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่ามีกลไกในระดับเซลล์ที่ซับซ้อนกว่านั้น ทีมวิจัยพบว่าแม้น้ำหนักจะลดลงและสุขภาพโดยรวมจะดีขึ้น แต่เซลล์ไขมันยังคง "จดจำ" สภาวะอ้วนเอาไว้ผ่านการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่เรียกว่า "อีพิเจเนติกส์" ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนการทำงานของยีนโดยไม่ได้เปลี่ยนรหัสพันธุกรรม

ในงานวิจัยนี้ ทีมวิจัยได้ทำการทดลองอย่างละเอียดทั้งในมนุษย์และสัตว์ทดลอง โดยในส่วนของการศึกษาในมนุษย์ ได้เก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อไขมันจากผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดน้ำหนัก ทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด 2 ปี รวมถึงเก็บตัวอย่างจากคนที่มีน้ำหนักปกติเพื่อเปรียบเทียบ โดยเลือกศึกษาเฉพาะผู้ป่วยที่สามารถลดน้ำหนักได้อย่างน้อย 25% ของค่าดัชนีมวลกาย การศึกษานี้ครอบคลุมทั้งไขมันใต้ผิวหนังและไขมันในช่องท้อง ในส่วนของการศึกษาในหนูทดลอง ทีมวิจัยได้แบ่งหนูออกเป็นกลุ่มต่างๆ โดยให้หนูกลุ่มหนึ่งกินอาหารไขมันสูงเป็นเวลา 12 สัปดาห์ และอีกกลุ่มกินเป็นเวลา 25 สัปดาห์ จากนั้นจึงเปลี่ยนให้กินอาหารปกติเพื่อลดน้ำหนัก ทีมวิจัยพบว่าหนูสามารถลดน้ำหนักลงมาใกล้เคียงกับหนูกลุ่มควบคุมภายใน 4-8 สัปดาห์ และสุขภาพโดยรวมก็ดีขึ้น ทั้งในแง่ของระดับน้ำตาลในเลือด การตอบสนองต่ออินซูลิน และการสะสมไขมันในตับ

ทีมวิจัยได้วิเคราะห์การทำงานของยีนในระดับเซลล์เดี่ยว (single-nucleus RNA sequencing) ซึ่งทำให้สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงในเซลล์ไขมันแต่ละประเภทได้อย่างละเอียด ผลการศึกษาพบว่าแม้น้ำหนักและสุขภาพพโดยรวมจะกลับมาเป็นปกติ แต่เซลล์ไขมันยังคงมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงที่อ้วนหลงเหลืออยู่ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงในระดับอีพิเจเนติกส์ ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนการทำงานของยีนโดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงที่พบนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เซลล์ไขมันเท่านั้น แต่ยังพบในเซลล์อื่นๆ ในเนื้อเยื่อไขมันด้วย เช่น เซลล์ต้นกำเนิดไขมัน เซลล์เยื่อบุหลอดเลือด และเซลล์ภูมิคุ้มกัน โดยเซลล์เหล่านี้แสดงการเปลี่ยนแปลงในการทำงานของยีนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการอักเสบ การสร้างเนื้อเยื่อพังผืด และการตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลิน

เมื่อทีมวิจัยทดสอบต่อไปโดยให้หนูที่เคยอ้วนแล้วผอมลงกลับไปกินอาหารไขมันสูงอีกครั้ง พวกเขาพบว่าหนูกลุ่มนี้มีการตอบสนองที่รุนแรงกว่าปกติ โดยน้ำหนักเพิ่มขึ้นเร็วกว่า และมีการสะสมไขมันมากกว่าหนูที่ไม่เคยอ้วนมาก่อน นอกจากนี้ยังพบการเปลี่ยนแปลงในการทำงานของยีนที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบและการสะสมไขมันที่ชัดเจนกว่า สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าประสบการณ์ของการเคยอ้วนได้ทิ้งร่องรอยไว้ในระดับเซลล์ ทำให้ร่างกายมีแนวโน้มที่จะกลับไปอ้วนได้ง่ายขึ้นเมื่อได้รับอาหารที่มีไขมันสูง

การค้นพบนี้มีความสำคัญมากต่อการรักษาโรคอ้วน เพราะแสดงให้เห็นว่าการป้องกันไม่ให้อ้วนตั้งแต่แรกสำคัญกว่าการรักษาหลังจากอ้วนแล้ว เนื่องจากเมื่อเซลล์ไขมันได้ "จดจำ" สภาวะอ้วนไปแล้ว การกลับมาอ้วนซ้ำจะเกิดขึ้นได้ง่ายกว่า อย่างไรก็ตาม ทีมวิจัยเชื่อว่าในอนาคตอาจสามารถพัฒนาวิธีการรักษาที่มุ่งเป้าไปที่การลบ "ความทรงจำ" ของเซลล์ไขมันนี้ได้ สำหรับคนทั่วไป การศึกษานี้ช่วยอธิบายว่าทำไมการรักษาน้ำหนักหลังลดสำเร็จจึงเป็นเรื่องยาก และย้ำเตือนว่าการป้องกันไม่ให้น้ำหนักขึ้นตั้งแต่แรกมีความสำคัญมาก นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นว่าการที่น้ำหนักกลับมาเพิ่มขึ้นไม่ได้เป็นเพราะคนๆ นั้นขาดวินัยเพียงอย่างเดียว แต่มีกลไกทางชีวภาพที่ซับซ้อนเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นผู้ที่พยายามควบคุมน้ำหนักควรให้กำลังใจตัวเองและไม่ท้อแท้หากน้ำหนักกลับมา แต่ควรพยายามรักษาพฤติกรรมการกินที่ดีอย่างต่อเนื่องและระยะยาว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นักไวรัสวิทยา' สรุป 3 สายพันธุ์ 'โรคฝีดาษลิง' ความรุนแรงอาจขึ้นอยู่กับช่องทางการติดเชื้อ

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า