เรืองไกร ร้อง กกต. วินิจฉัย 'แพทองธาร' กับ 'มาริษ' สิ้นสุดความเป็น รมต. หรือไม่?

เรืองไกร ใช้ข้อมูลอิศรา ร้อง กกต. ส่งศาล รธน. วินิจฉัยแพทองธารกับมาริษ สิ้นสุดความเป็น รมต. หรือไม่

19 พ.ย. 2567 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า เช้านี้ตนได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ กกต. ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หรือไม่ หรือมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หรือไม่ กรณี จะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) (5) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) (8) หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า คำร้องนี้ได้ข้อมูลมาจากเว็บไซต์ของสำนักข่าวอิศราซึ่งมีการนำสำเนากรมพัฒนาธุรกอิจการค้ามาเป็นหลักฐานประกอบข่าวด้วย กรณีจึงมีความน่าเชื่อถือเพียงพอที่จะขอให้ กกต. ดำเนินการต่อไป เป็นข้อ ๆ ดังนี้

ข้อ 1. ตามหนังสือที่ลต 0020/16384 ลงวันที่ 7 พ.ย. 2567 ซึ่งข้าฯ ได้ใปถ้อยคำเมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 14.30 ที่ห้องประชุม 801 ชั้น 8 สำนักงาน กกต. ดังความควรแจ้งแล้วนั้น

ข้อ 2. ในการให้ถ้อยคำวันดังกล่าวมีกรณีการตรวจสอบความเป็นรัฐมนตรีของนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังคงเป็นกรรมการ บริษัท สยาม เมดเทค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ภายหลังจากที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เข้าข่ายอันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 187 วรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงหรือไม่เฉพาะตัว ตามมาตรา 170 (5) หรือไม่ รวมอยู่ด้วย

ข้อ 3. หลังจากให้ถ้อยคำต่อกรณีดังกล่าวแล้ว ต่อมาวันที่ 14 พ.ย. 2567 เว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา ลงข่าวหัวข้อ ขมวดปม ‘มาริษ’ แจ้งลาออก กก. 2 บ. 29 เม.ย. ไฉน!เพิ่งยื่นจดทะเบียน-ห่างกัน 3 เดือน ? โดยมีรายละเอียดเนื้อข่าวปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2. ซึ่ง กกต. ควรถือเป็นความปรากฏที่เพียงพอเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนวินิจฉัยได้

ข้อ 4. ต่อมาวันที่ 16 พ.ย. 2567 เว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา ลงข่าวหัวข้อ INFO: ไทม์ไลน์-เงื่อนปม!‘มาริษ เสงี่ยมพงษ์’รมว.ต่างประเทศ ลาออก กก. – โอนหุ้น 2 บริษัท โดยมีรายละเอียดเนื้อข่าวปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2. ซึ่ง กกต. ควรถือเป็นความปรากฏที่เพียงพอเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนวินิจฉัยได้

ข้อ 5. จากข่าวทั้งสองซึ่งมีรายละเอียดเป็นสำเนาเอกสารที่ได้คัดมาจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้ารวมอยู่ด้วย รวมทั้งข่าวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องก่อนหน้านี้ กรณี จึงควรถือเป็นพยานหลักฐานพียงพอที่ปรากฏต่อ กกต. แล้ว และเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่แต่งตั้งนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งที่มีหลักฐานปรากฏชัดอยู่ในกรมพัฒนาธุรกิจการค้าซึ่งทางสำนักข่าวอิศราได้นำมาเผยแพร่ไว้แล้วดังรายละเอียดที่ปรากฏในสิ่งที่ส่งมาด้วย 1. และ 2. อันอาจแสดงให้เห็นได้ว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าการแต่งตั้งนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4 (5) (8)

ข้อ 6. กรณีจึงมีเหตุอันควรขอให้ กกต. รีบส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวิเพื่อไต่สวนนิจฉัยว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หรือไม่ หรือมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หรือไม่ กรณี จะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) (5) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) (8) หรือไม่

ข้อ 7. อนึ่ง กรณีนี้ควรถือว่ามีพยานหลักฐานจากสำนักข่าวอิศราที่เพียงพอเพื่อนำไปสู่การเรียกพยานหลักฐานจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามาประกอบการพิจารณาได้ว่า โดยไม่ต้องเชิญข้าฯไปให้ถ้อยคำอีก ทั้งนี้เพื่อที่ กกต. จะได้ลงมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญทำการไต่สวนได้โดยเร็ว และหวังว่า กกต. จะดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและไม่ชักช้า

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เรืองไกร ร้อง กกต. สอบ 'อุ๊งอิ๊ง' ฝ่าฝืน พรป. พรรคการเมือง ม.28?

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ขอให้ กกต. ตรวจสอบว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมิใช่สมาชิกพรรคเพื่อไทย กระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ