ซูเปอร์โพล ชี้การเมืองและเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อความหวั่นไหวของประชาชน โดยเฉพาะเงินในกระเป๋ามาอันดับหนึ่ง
10 พ.ย.2567 – สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง ความหวั่นไหวของประชาชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้น จำนวนทั้งสิ้น 1,032 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 5 – 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2567 ที่ผ่านมา
ผลสำรวจจากสำนักวิจัยซูเปอร์โพลแสดงถึงความหวั่นไหวของประชาชนต่อสถานการณ์ในประเทศไทย ในมิติต่าง ๆ ของสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจสังคมปัจจุบัน ในประเด็นต่าง ๆ ที่ค้นพบ ดังนี้
1. ความหวั่นไหวต่อการเมืองไทย ส่วนใหญ่ของประชาชน 68.1% รู้สึกหวั่นไหวมากถึงมากที่สุดต่อการเมืองไทย ในขณะที่ร้อยละ 31.9 รู้สึกหวั่นไหวน้อยหรือไม่หวั่นไหวเลย
2. ประเด็นที่ประชาชนหวั่นไหว ประเด็นหลักที่สร้างความหวั่นไหวให้กับประชาชน ได้แก่ เศรษฐกิจและปัญหาเงินในกระเป๋า (62.3%), ความขัดแย้งทางการเมือง (61.7%), ปัญหายาเสพติด (60.8%), ขบวนการมิจฉาชีพออนไลน์ (56.8%), และเสถียรภาพของรัฐบาล (54.2%)
3. ความต้องการให้ทุกฝ่ายร่วมมือแก้ไขปัญหา มีร้อยละ 74.5 ของประชาชนที่ต้องการให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ไขปัญหาชาติและปัญหาของประชาชนมากถึงมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 19.6 ไม่มีความเห็น และร้อยละ 5.9 ต้องการน้อยถึงไม่เลย
4. ความกล้าจะสู้ต่อไป มีร้อยละ 75.2 ของประชาชนที่มีความกล้าจะสู้ต่อไปเมื่อพบกับปัญหาของตนเอง ขณะที่ร้อยละ 24.8 รู้สึกกลัวที่จะเดินต่อ
รายงานของซูเปอร์โพล ยังได้ระบุข้อเสนอแนะต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องแบ่งออกเป็น 4 ด้านที่สำคัญคือ
1. การเสริมสร้างเศรษฐกิจ ควรมีมาตรการเฉพาะหน้าและระยะยาวเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้แก่ประชาชน เพื่อลดความหวั่นไหวเรื่องเศรษฐกิจ
2. การลดความขัดแย้งทางการเมือง อาจจำเป็นต้องมีการส่งเสริมการสนทนาและการเจรจาเพื่อหาทางออกในสถานการณ์ทางการเมืองที่ทำให้ประชาชนหวั่นไหว
3. การปราบปรามยาเสพติดและมิจฉาชีพออนไลน์ ควรมีการเสริมสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัยและการปราบปรามอย่างจริงจัง พร้อมทั้งการสร้างความตระหนักรู้ในหมู่ประชาชน
4. การรักษาเสถียรภาพของรัฐบาล ควรมีการแสดงให้เห็นถึงการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใสของรัฐบาล เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
การสำรวจนี้แสดงถึงความจำเป็นในการแก้ไขและปรับปรุงสถานการณ์ต่างๆ เพื่อลดความหวั่นไหวและเพิ่มความมั่นคงให้กับประชาชน
ที่น่าพิจารณาคือ ผลสำรวจของสำนักวิจัยซูเปอร์โพลเปิดเผยภาพรวมของความหวั่นไหวและความต้องการของประชาชนและที่สำคัญไปกว่านั้นคือการสะท้อนถึงจิตวิญญาณที่ไม่ย่อท้อของคนไทยซึ่งพร้อมที่จะสู้ต่อไปแม้จะมีความท้าทายมากมาย เราได้เห็นจุดแข็งของประชาชนที่ยังคงยืนหยัดและต้องการให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสังคมที่มั่นคงและเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
ที่น่าสนใจคือ การสำรวจนี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการชี้นำนโยบายและการตัดสินใจสำหรับผู้นำและนักวิชาการเท่านั้น แต่ยังเป็นเสียงสะท้อนจากพลเมืองทั่วไปที่มีความหวังและความต้องการในการเห็นประเทศชาติพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซูเปอร์โพลจึงไม่เพียงแต่นำเสนอข้อมูล แต่ยังนำเสนอแนวทางและหนทางในการเข้าใจและแก้ไขปัญหาสำคัญๆ ที่สังคมไทยกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน
โดยสรุป ผลสำรวจนี้คือกระจกสะท้อนความจริงที่ทั้งชัดเจนและซับซ้อนของสังคมไทย ซึ่งไม่เพียงแค่นำเสนอสถานการณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงและยั่งยืนในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ระทึกสุดขีด! 22 พ.ย. ศาลรธน.ลงมติ 'รับ-ไม่รับ' คำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง
คอนเฟิร์ม ศุกร์นี้ 22 พ.ย. 9 ตุลาการศาลรธน.นัดประชุมวาระพิเศษ หลังงดมาสองรอบ เตรียมนำหนังสือ-ความเห็นอัยการสูงสุด กางบนโต๊ะประชุม ก่อนลุ้นโหวตลงมติ”รับ-ไม่รับคำร้อง”คดีทักษิณ-เพื่อไทย โดนร้องล้มล้างการปกครองฯ
'แพทองธาร' โชว์วิชั่น การเมืองมีเสถียรภาพ ประเทศไทยจะดีขึ้น!
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ไทยสงบ สันติ หวังรัฐบาลเปลี่ยน นายกฯเปลี่ยน แต่นโยบายเพื่อปชช.เดินหน้า บอกต่างชาติเจอคำถามแรกถามพ่อ-อาเป็นอย่างไร ย้ำการเมืองมั่นคง มีเสถียรภาพแน่นอน
ไทยในสายตาต่างชาติ (ตอนที่ 48: พระราชกฤษฎีกา 1 เมษายน 2476 คือ การทำรัฐประหารเงียบหรือ ?)
ในตอนที่แล้ว ผู้เขียนได้สรุปเหตุการณ์สำคัญต่างๆที่เป็นเงื่อนไขที่นำมาสู่การประกาศพระราชกฤษฎีกาวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476