“ไทกร” จี้ใจดำ มากินมาม่า ออกจากจิตใต้สำนึกทักษิณ เพราะรู้ตัวดีคดีชั้น 14 จุดวัดใจ ติดคุก หรือ หนีต่างประเทศ
10 พ.ย.2567 – ไทกร พลสุวรรณ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความ (ซ้อม) กินมาม่า อาหารยอดฮิตในเรือนจำ
มากินมาม่า คำนี้อาจออกจากจิตใต้สำนึกของทักษิณ เหตุเพราะตัวเองรู้ดีว่าคดีชั้น 14 กำลังเดินหน้าไปสู่จุดที่ต้องวัดใจ
อยู่ติดคุก หรือหนีไปต่างประเทศ
เมื่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กสม. ได้ยื่นคำร้องให้ ป.ป.ช. ดำเนินคดีกับข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ ที่กระทำผิดฐานละเมิดสิทธิมนุษยชนผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานช่วยเหลือผู้ต้องขังทักษิณให้ได้รับสิทธิ์พิเศษเหนือผู้ต้องขังทั่วไป
ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐจะกระทำผิดตามคำร้องของ กสม. หรือไม่อยู่ที่สองการกระทำหลักๆ
1. การเอาตัวผู้ต้องขังออกจากเรือนจำ(คุก) ถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่
2. การให้นักโทษผู้ต้องขังอยู่นอกเรือนจำ(คุก) เป็นเวลาต่อเนื่องยาวนานถึง 181 วันถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่
เมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และข้อปฏิบัติในกรณีนักโทษทักษิณ ยืนยันได้ว่าการเอาตัวนักโทษผู้ต้องขังทักษิณออกนอกเรือนจำไม่ชอบด้วยกฏหมายแน่นอน โดยพิจารณาจาก
1. ข้อปฏิบัติของเรือนจำทุกเรือนจำ การนำตัวนักโทษผู้ต้องขังออกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลนอกเรือนจำร้อยละ 99.99% เป็นการนำตัวออกไปตอนเช้าและนำตัวกลับมาที่เรือนจำตอนเย็น เหมือนกรณีเบิกตั๋วนักโทษผู้ต้องขังไปศาล
2. หากนักโทษผู้ต้องขังป่วยเรื้อรังก็จะให้นอนในเรือนพยาบาลซึ่งทุกเรือนจำมีเรือนพยาบาลหรืออาคารพยาบาลอยู่ในเรือนจำแห่งนั้น และก็มีผู้ป่วยเรื้อรังนอนรักษาตัวในเรือนพยาบาลเป็นประจำ ส่วนเรือนจำกลางคลองเปรม เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ทัณฑสถานหญิงกลาง และเรือนจำบำบัดยาเสพติด ที่อยู่ติดกันบริเวณคุกลาดยาว ทุกเรือนจำมีอาคารพยาบาลในเรือนจำ ผู้ป่วยเรื้อรังในเรือนจำก็จะนอนพักรักษาตัวอยู่ในอาคารพยาบาล เว้นแต่ป่วยวิกฤติจึงนำตัวออกจากเรือนจำทั้งสี่แห่งมาไว้ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน
3. ข้อปฏิบัตินี้กรมราชทัณฑ์ปฏิบัติเป็นมาตรฐานเนื่องจากการเอาตัวนักโทษผู้ต้องขังออกจากเรือนจำไปค้างคืนนอกเรือนจำ(คุก) หรือสถานที่อื่นซึ่งไม่มีกฎหมายหรือคำสั่งศาลให้มีสภาพเสมือนเป็นเรือนจำหรือคุก ต้องยื่นคำร้องแจ้งให้ศาลที่พิพากษาออกหมายขังให้ศาลได้รับทราบเพื่อให้ศาลมีคำสั่งเพื่อรองรับการกระทำของราชทัณฑ์ให้ชอบด้วยกฎหมายและคำพิพากษา และหมายบังคับจำคุกของศาล เช่น กรณีของผู้ต้องหากระทำผิดกฎหมายอาญามาตรา 112 ได้อดอาหารประท้วงจนสภาพร่างกายวิกฤติ ต้องนำตัวออกจากเรือนจำไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ราชทัณฑ์ต้องยื่นคำร้องแจ้งให้ศาลทราบเพราะผู้ต้องหาไปติดคุกในระหว่างพิจารณาคดีด้วยคำสั่งศาล หากต้องเอาตัวออกจากคุกก็ต้องใช้คำสั่งศาล
4. ส่วนกรณีต้องเอาตัวนักโทษผู้ต้องขังออกจากเรือนจำไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพราะป่วยหนักขั้นวิกฤตและยังต้องรักษาต่อเนื่อง จะมีกฎหมายควบคุมเรื่องนี้ไว้อย่างรัดกุมและรอบคอบ นั่นคือประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 246 ซึ่งบัญญัติไว้ดังนี้
มาตรา 246
เมื่อจำเลย สามี ภริยา ญาติของจำเลย พนักงานอัยการ ผู้บัญชาการเรือนจำ หรือเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการตามหมายจำคุกร้องขอ หรือเมื่อศาลเห็นสมควร ศาลมีอำนาจสั่งให้ทุเลาการบังคับให้จำคุกก่อน จนกว่าเหตุอันควรทุเลาหมดไป ในกรณีต่อไปนี้
(1) เมื่อจำเลยวิกลจริต
(2) เมื่อเกรงว่าจำเลยจะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุก
(3) ถ้าจำเลยมีครรภ์
4() ถ้าจำเลยคลอดบุตรแล้วยังไม่ถึงสามปี และจำเลยต้องเลี้ยงดูบุตรนั้น
ในระหว่างทุเลาการบังคับอยู่นั้นศาลจะมีคำสั่งให้บุคคลดังกล่าวอยู่ในความควบคุมในสถานที่อันควรนอกจากเรือนจำ หรือสถานที่ที่กำหนดไว้ในหมายจำคุกก็ได้และให้ศาลกำหนดให้จากพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการตามหมายนั้นเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินการตามคำสั่ง ฯ
ข้อเท็จจริง ในช่วงเวลาดังกล่าวมีนักโทษผู้ต้องขังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลนอกเรือนจำอย่างต่อเนื่องเกิน 120 วันเพียงสามคน สองคนแรก เป็นผู้ป่วยจิตเวช อีกหนึ่งคนคือทักษิณ
นักโทษผู้ต้องขังสองคนที่ป่วยจิตเวช เรือนจำได้ปฏิบัติตาม ป.วิอาญา มาตรา 246 ยื่นคำร้องให้ศาลทราบเพื่อให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการจำคุก
ส่วนนักโทษผู้ต้องขังทักษิณ เรือนจำไม่ปฏิบัติตาม ป.วิอาญา มาตรา 246
ดังนั้น การเอาตัวนักโทษทักษิณออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพในคืนวันที่ 22 สิงหาคม 2566 จึงเป็นการเอาตัวออกจากเรือนจำ(คุก) โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นไปตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 246
ส่วนการพักรักษาตัวอย่างต่อเนื่องถึง 181 วัน ก็เป็นการกระทำผิดกฎหมาย ผิดประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 246 เนื่องจากกรมราชทัณฑ์ไม่ยื่นคำร้องให้ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งทุเลาการจำคุก เพราะการอยู่โรงพยาบาลตำรวจชั้นที่ 14 ไม่ถือถือว่าเป็นการจำคุกตามคำสั่งศาล เพราะศาลไม่เคยมีคำสั่งให้โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 มีสภาพทางกฎหมายเสมือนเรือนจำและราชทัณฑ์ก็ไม่ได้ยื่นคำร้องให้ศาลมีคำสั่งให้โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 มีสภาพทางกฎหมายเป็นเรือนจำ
สรุป เอาตัวนักโทษทักษิณออกจากเรือนจำก็ผิดกฎหมาย ให้นักโทษทักษิณอยู่โรงพยาบาลตำรวจชั้นที่ 14 ถึง 181 วันก็ผิดกฎหมาย เมื่อผิดกฎหมายก็ต้องทำให้ถูกกฎหมาย ก็ต้องเอาตัวทักษิณกลับไปติดคุกจริงๆ อีกครั้ง เพราะครั้งที่แล้วเป็นการติดคุกปลอมๆ
ส่วนต้มมาม่า ก็เป็นอาหารยอดฮิตชนิดหนึ่งของคนในคุก การซ้อมกินมาม่าที่ออกจากปากทักษิณก็มาจากจิตใต้สำนึกที่วิตกกังวลว่าอีกไม่นานตนเองต้องเข้าไปติดคุกจริงๆ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นิพิฏฐ์ ' เผยข่าวไม่ดีชั้น 14 เอาตัวให้รอดดีกว่า
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง โพสต์ข้อความหัวข้อ "เอาตัวให้รอด" มีรายละเอียดดังนี้
'นิพิฏฐ์' ชี้ข้อกังขาเจรจาแบ่งทรัพยากรฯใต้ทะเลไทย-กัมพูชา
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นักกฎหมาย อดีตสส.จังหวัดพัทลุง โพสต์เฟซบุ๊ก"เรื่องเกาะกูด กับ MOU 44" ระบุว่า 1.อย่าหลงประเด็นว่า
‘เทพไท’ ตอกหน้าลิ่วล้อทักษิณ เมื่อทำเลวเหมือนเดิม ไม่แปลกคนค้านเป็นพวกเดิม
เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ จำเป็นอยู่ดี คนที่ออกมาคัดค้านจะเป็นคนหน้าเดิมเป็นส่วนใหญ่ เมื่อคนพวกเดิมในระบอบทักษิณเข้ามาบริหารประเทศ
‘จตุพร’ ชี้ ‘ทักษิณ’ ตบหน้าคนไทยฉาดใหญ่ ไม่แยแสสังคม โชว์พูดตลกทำให้โง่ไปกินมาม่า
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ระบุว่า ขณะนี้ประเทศถูกนักโทษคดีทุจริตท้าทายกระบวนการยุติธรรม สั่งการ แทรก
สื่อดังชี้ สิ่งหนึ่งที่ ‘ทักษิณ’ ไม่เคยเปลี่ยน พูดจาดูถูกสติปัญญาคนไทย
จากกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตนักโทษชายคดีคอร์รัปชัน ให้สัมภาษณ์กรณีชั้น 14 จะส่งผลกระทบกับรัฐ
พฤศจิกายน ศาลรธน. รับคำร้องคดี ทักษิณ-พท. ล้มล้างการปกครองฯ
ความคืบหน้าคำร้องคดีสำคัญทางการเมือง กรณีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยสั่งการให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่ 1