กสม.รับเรื่องร้องชาวบ้าน ถ.ประชาราษฎร์สาย 2 เจอเสียงยิงปืนกองพันทหารม้าที่ 4 กองพลที่ 1 รบกวน แต่ตรวจแล้วไม่พบ แต่ชงกองทัพจัดทำสนามยิงปืนแบบปิดป้องกันไปเลย
20 ม.ค.2565 - นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และนายชนินทร์ เกตุปราชญ์ รองเลขาธิการ กสม.แถลงผลการตรวจสอบกรณีสนามฝึกยิงปืนของกองทัพบก แนะกำหนดแนวทางในการป้องกันไม่ให้กระทบสิทธิของประชาชนระบุว่า กสม. ในการประชุมด้านการคุ้มครองและมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ได้พิจารณาคำร้องเรื่องสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว กรณีกล่าวอ้างว่าเสียงยิงปืนจากสนามฝึกยิงปืนของกองพันทหารม้าที่ 4 กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ รบกวนการอยู่อาศัย โดยกรณีนี้ ผู้ร้องได้ร้องเรียนมายัง กสม. เมื่อเดือนกันยายน 2564 ระบุว่าพักอาศัยอยู่บริเวณถนนประชาราษฎร์สาย 2 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ห่างจากสนามยิงปืนของผู้ถูกร้อง ประมาณ 2.8 กิโลเมตร โดยในระยะหลังมักได้ยินเสียงซ้อมยิงปืนในช่วงค่ำนอกเวลาราชการ ซึ่งเป็นช่วงเวลาพักผ่อน ผู้ร้องประสงค์ให้หน่วยงานผู้ถูกร้องฝึกซ้อมยิงปืนเฉพาะในเวลาราชการเช่นเดิมหรือปรับปรุงให้สนามยิงปืนมีเสียงเบาลงที่ไม่กระทบต่อความเป็นอยู่ส่วนตัว จึงขอให้ตรวจสอบ
กสม. พิจารณาแล้วเห็นว่า สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวของประชาชน ได้รับการรับรองและคุ้มครองไว้ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 32 อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง หน่วยงานผู้ถูกร้องชี้แจงว่าไม่ได้ฝึกซ้อมยิงปืนในช่วงเวลาที่มีการร้องเรียนแต่อย่างใด และเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ จึงได้ประชาสัมพันธ์แจ้งให้ประชาชนรับทราบล่วงหน้าหากมีการฝึกซ้อมยิงปืน นอกจากนั้นในช่วงนี้ยังได้ขอใช้สนามยิงปืนของหน่วยอื่นเพื่อฝึกซ้อมแทนชั่วคราว และอยู่ระหว่างของบประมาณเพื่อปรับปรุงสนามยิงปืนให้เป็นแบบสนามปิดเพื่อป้องกันเสียงดังรบกวนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณโดยรอบ ขณะที่ผู้แทนของสำนักงานนิติบุคคลอาคารชุดที่ผู้ร้องอาศัยอยู่ให้ข้อมูลว่าเบื้องต้นยังไม่ได้ยินเสียงในช่วงเวลาตามที่มีการร้องเรียนและยังไม่เคยมีลูกบ้านร้องเรียนในกรณีดังกล่าว ในชั้นนี้ จึงยังไม่ปรากฏว่าสนามยิงปืนของหน่วยงานผู้ถูกร้องมีเสียงดังหรือมีการฝึกซ้อมยิงปืนนอกเวลาราชการ ซึ่งยังไม่ปรากฏว่ามีการกระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันชุมชนเมืองมีการขยายตัวซึ่งอาจทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวของประชาชน กสม.จึงมีข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ไปยังกองทัพบกให้แจ้งกำชับหน่วยงานในสังกัดที่มีสนามฝึกซ้อมยิงปืนใกล้กับแหล่งชุมชนฝึกซ้อมยิงปืนเฉพาะในช่วงเวลาราชการ นอกจากมีเหตุจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องฝึกซ้อมนอกเวลาราชการควรประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนโดยรอบทราบทั่วกันเป็นการล่วงหน้า พร้อมกันนี้ให้ตรวจสอบมาตรฐานสนามยิงปืนของหน่วยงานในสังกัดที่อยู่ใกล้กับแหล่งชุมชนว่าเสียงยิงปืนกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนเกินมาตรฐานเรื่องเสียงรบกวนหรือไม่ เพื่อหาแนวทางปรับปรุงหรือแก้ไขปัญหาในลักษณะเดียวกัน หรือในกรณีที่เหมาะสมอาจปรับปรุงสนามยิงปืนให้มีลักษณะเป็นสนามยิงปืนแบบปิดต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กสม.แนะแก้ไขปัญหาสิทธิในที่ดินปชช. ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการขยายเหมืองแม่เมาะ
กสม. แนะกระทรวงพลังงานเร่งเสนอ ครม. แก้ไขปัญหาสิทธิในที่ดินให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการขยายเหมืองแม่เมาะ จังหวัดลำปาง
กสม.ชงนายกฯทบทวนโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรภายในเขตอุทยานฯหวั่นกระทบสิทธิปชช.
กสม. เสนอแนะนายกรัฐมนตรี ขอให้ทบทวนและชะลอพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวกับโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตอุทยานแห่งชาติ หวั่นกระทบสิทธิของประชาชนในวงกว้าง
กสม.แนะตร.แก้ปัญหาความล่าช้าในกระบวนการยุติธรรม กรณีผู้ต้องขังถูกอายัดตัวกว่า 10 ปี
กสม. แนะ ตร. แก้ปัญหาความล่าช้าในกระบวนการยุติธรรม กรณีพนักงานสอบสวนไม่ดำเนินคดีอาญาผู้ต้องขังที่ถูกอายัดตัวนานกว่า 10 ปี เสนอเรือนจำงดเว้นการร้องทุกข์ในคดีลหุโทษ
'บิ๊กอ้วน' ยันชายแดนภาคเหนือไร้สู้รบ กลุ่มว้าแดงไม่ได้รุกล้ำ อย่าพูดเรื่องเสียดินแดน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯรัฐมนตรี และรมว. กลาโหมกล่าวถึงสถานการณ์ การเผชิญหน้าระหว่างทหารว้าและทหารไทย ในพื้นที่ชายแดนทางภาคเหนือ ว่า ก็ไม่มีอะไรสถานการณ์สงบปกติ โดยตนเองได้สอบถามไปยังพล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์
ทภ.3 สยบข่าวทหารไทยเผชิญหน้าว้าแดง ยันประชาชนใช้ชีวิตปกติ สัมพันธ์ชายแดนยังดี
พ.อ.รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3 กล่าวถึงกรณีที่ได้ปรากฏข่าวสารข้อมูล ในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน กองทัพภาคที่ 3 ขอชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ดังนี้