อาจารย์อุ๋ย เตือนรัฐบาลรับมือสินค้าจีนทะลักรอบใหม่ หลังทรัมป์ชนะเลือกตั้ง ชี้งวดนี้หนักกว่าเดิม จี้เร่งคลอดมาตรการปกป้อง SME ไทย
7 พ.ย. 2567 - นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษามาตรการในการปกป้องและส่งเสริมอุตสาหกรรม e-commerce ในประเทศไทย โพสเฟสบุ๊คแสดงความเห็นว่า “ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าโดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับมาเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐ ซึ่งนโยบายแรก ๆ ที่ทรัมป์ประกาศคือการปกป้องเศรษฐกิจของสหรัฐ ฯ โดยการตั้งกำแพงภาษีกับสินค้าที่นำเข้าจากจีนสูงถึงร้อยละ 60 เพราะสินค้าจีนมีราคาถูกจนเข้ามาทำลายเศรษฐกิจของคนท้องถิ่น และขณะนี้จีนเองก็ประสบปัญหากำลังการผลิตที่เกินกำลังบริโภค เพราะกำลังซื้อถดถอย จีนจึงต้องหาทางระบายสินค้าออกไปนอกประเทศโดยเร็ว ซึ่งที่หมายก็คือประเทศที่ยังไม่ได้ตั้งกำแพงภาษีกับสินค้าจีนซึ่งก็คือประเทศไทยนั่นเอง
โดยที่ผ่านมาสินค้าจีนก็ทะลักเข้าไทยมาระยะหนึ่งแล้ว แต่งวดนี้จะหนักกว่าเดิมเพราะการตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐ ฯ รัฐบาลจึงต้องเร่งจัดการกับสินค้าจีนที่ทะลักเข้ามา โดยใช้กลไกทางกฎหมายที่รัฐมีอยู่ในมือแล้ว เช่น กฎหมายเกี่ยวกับศุลกากร มาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรม อาหารและยา สินค้าที่ไม่ปลอดภัย หรือการคุ้มครองผู้บริโภค และใช้ระบบกำแพงภาษีกับสินค้าที่เราต้องการปกป้องผู้ประกอบการไทย
ผลกระทบอีกอย่างที่น่าจะเกิดขึ้นคือไม่ใช่เฉพาะจีนที่จะโดนตั้งกำแพงภาษีใส่ แต่สินค้าไทยที่ส่งออกไปอเมริกาก็จะโดนตั้งกำแพงภาษีเช่นกัน แม้จะไม่มากเท่าที่จีนโดน เพราะนโยบาย American First จะกลับมา คือดึงทุกอย่างกลับสู่อเมริกา (อเมริกาทำ อเมริกาใช้ อเมริกาเจริญ !) และอเมริกาเองก็เป็นตลาดส่งออกอันดับต้น ๆ ของไทย ดังนั้น รัฐบาลควรสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการเปิดตลาดใหม่ ๆ เช่น อเมริกาใต้ เอเชียกลาง หรือแอฟริกา และโดยต้องสนับสนุนผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าซึ่งเน้นคุณภาพและมีเอกลักษณ์หรือมีนวัตกรรม เพื่อสร้างความแตกต่างกับสินค้าจีนซึ่งเน้นปริมาณและราคาถูกที่จะทะลักไปทั่วโลก รวมทั้งสนับสนุนแพลตฟอร์ม e-commerce สัญชาติไทย ที่คิดค่าธรรมเนียมการขายที่เป็นธรรม เพื่อเป็นสื่อกลางให้ผู้ประกอบการไทยขายสินค้าภายในประเทศให้กับคนไทย และส่งสินค้าไปขายยังต่างประเทศ และเพื่อให้สามารถนำ big data ที่เกิดขึ้นจากธุรกรรมมาต่อยอดทางธุรกิจให้กับคนไทยด้วยกันเองได้
นอกจากนี้มีความเป็นไปได้สูงที่โรงงานจากจีนบางส่วนจะย้ายมาประเทศไทยเพื่อหลบกำแพงภาษี ซึ่งถ้าเป็นโรงงานจากจีน รัฐบาลก็ต้องมีมาตรการที่จะทำให้คนไทยได้ประโยชน์สูงสุด เช่น การกำหนดให้ต้องเปิดเผยเทคโนโลยีการผลิตหรือ know-how ให้กับคนท้องถิ่น การกำหนดให้ต้องใช้แรงงานท้องถิ่นในสัดส่วนที่เหมาะสม หรือการกำหนดให้ต้องใช้วัตถุดิบ วัสดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ผลิตในประเทศไทย เป็นต้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาธุรกิจ 0 เหรียญ ที่คนไทยไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการเข้ามาลงทุน ด้วยความปรารถนาดี”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นายกฯอิ๊งค์' ยกไอแพดคุย 'ทรัมป์' แสดงความยินดีชนะเลือกตั้ง ยันไทยพร้อมทำงานกับสหรัฐฯ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ นายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิ