“จตุพร” เชื่อทุกโครงการของรัฐกระจอกจับผู้ต้องหาหนีคดี แอบซุกผลประโยชน์ส่วนตัว จ้องปล้นประเทศทุกอย่างที่ปล้นได้ เตือน ปชช.อย่าประมาท ถ้าเผลอเสร็จกลุ่มอำนาจยัดไส้กฎหมายหาประโยชน์ทันที ลั่นเงินเยียวยาตากใบไม่แตกต่างเยียวยาเสื้อแดง ถ้าเพื่อไทยหาเสียงให้เสื้อแดงยื่น กม.เอาผิดได้เอง ตากใบต้องทำได้เช่นกัน
27 ต.ค. 2567 – นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ เตือนประชาชนให้เฝ้าจับตาพรรคเพื่อไทยจะเล่นรวบหัวรวบหางหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง โดยกรณีร่าง พรบ.ขนส่งทางรางของพรรคเพื่อไทยยังแหกมติวิปรัฐบาลชิงยื่นเสนอเข้าสภาเพียงฉบับเดียว เพื่อหวังเสนอให้กลุ่มทุนฮุบผลประโยชน์ ให้เอกชนได้กรรมสิทธิที่ดินสองข้างทางและสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าไปครอบครอง
นอกจากนี้โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายกลับซ่อนผลประโยชน์ให้เอกชนที่ได้สัมปทาน และกำลังหมดอายุอีกไม่นาน โดยรัฐจะเอางบประมาณไปซื้อสัมปทานคืนแล้วให้สิทธิบริหาร แล้วรัฐยังมาเก็บเงินผู้ใช้รถเพื่อตั้งกองทุนอุดหนุนการบริหารจัดการของเอกชนอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้นยังจะเร่งรีบเสนอกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีบ่อนคาสิโนเข้าสภาภายในสมัยประชุมแรกของปี 2568 (ที่จะเริ่มในปลาย ธ.ค. 67) และตั้งเป้าให้ออกเป็นกฎหมายไม่เกิน เม.ย. 2568
กฎหมายบ่อนคาสิโนที่พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าผลักดันนั้น จะเพิ่มการตั้งบ่อนทั่วประเทศจาก 8 แห่ง เป็น 10 แห่ง โดยแต่ละแห่งมีสัญญาสัมปทานนาน 30 ปี รัฐได้ผลประโยชน์รวม 2.8 แสนล้านของ 8 แห่ง ถ้าเทียบกับรายได้ท่องเที่ยวเข้าปีประเทศปีเดียวก็ 3.3 ล้านล้านแล้ว จึงชัดเจนว่าการเปิดบ่อนคาสิโนไม่คุ้มค่า และประเทศอื่นๆ ก็อยู่ไม่ได้ด้วยบ่อนพนัน ดังนั้น การเสนอเปิดบ่อนจึงเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวโดยอ้างผลประโยชน์ประเทศมาบังหน้า
อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เคยระบุว่า หลังครบสัญญาสัมปทาน 30 ปีแล้วสามารถต่อได้อีก 10 ปี จึงอยากถามพรรคร่วมรัฐบาลว่า ต้องการให้ไทยเป็นเมืองอบายมุข เป็นดินแดนสีเทาหรือไม่? เราจะพาประเทศไปสุ่มเสี่ยงกับการพนัน แล้วเกิดพนันออนไลน์มากมายมอมเมาเยาวชนไทยหรือไม่ อยากให้บ้านเมืองเต็มไปด้วยปัญหายาเสพติด ปล้นชิงทรัพย์ หรือการขายตัวแลกเงินไปเข้าบ่อนหรือไม่
“ถ้ารัฐบาลเอาบ่อนการพนันนำหน้าแล้ว ในทางการเมืองย่อมรู้ว่า มีปัญหาแน่นอน อย่างไรก็ตาม เราอย่าได้ประมาท ประเทศนี้อะไรก็เกิดขึ้นมาได้ อย่าประมาทเงินตรา อย่าประมาทอำนาจอื่นใด เพราะเรื่องบ่อนเป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวที่อ้างเป็นผลประโยชน์ประเทศจึงน่ากลัวที่สุดที่กำลังจะเกิดขึ้น”
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อฝ่ายอำนาจต้องการผลประโยชน์แล้ว จะเกิดสถานการณ์ผุดเร่งทยอยออกกฎหมายขึ้นมาเรื่อยๆ เช่น พยายามเสนอกฎหมายขนส่งทางรางเข้าสภา เพื่อสร้างความเสียหายให้บ้านเมือง ดังนั้น ประชาชน กลไกต่างๆ ของรัฐถ้ามีข้อมูลใดเป็นผลกระทบต่อชาติบ้านเมืองต้องส่งข่าวให้สังคมได้รับรู้
สำหรับแหล่งพลังงานในพื้นที่ทะเลทับซ้อนกับกัมพูชานั้น นายจตุพร กล่าวว่า หากไทยเจรจาตกลงกันได้ ไทยก็ไม่ได้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานทับซ้อนนี้ เพราะได้ยกสัมปทานให้กลุ่มทุนพลังงานเชฟรอน จากต่างประเทศไปเรียบร้อยมากว่า 50 ปีแล้ว ดังนั้นจึงไม่ควรรีบดำเนินการให้กระทบกับการเสียดินแดนเกาะกูดเอาไปแลก
“ถ้าเจรจาตกลงกันได้ขึ้นมา แล้วใครการันตีว่าน้ำมันจะราคาลดลง แม้จะขุดน้ำมันได้จากอ่าวไทย แต่เรายังซื้อน้ำมันราคาพอๆกับที่ส่งมาจากซาอุดิอารเบีย อีกอย่างก๊าซจากอ่าวไทยและที่มาจากพม่าเราก็ซื้อราคาเดียวกัน แล้วเราได้อะไรบ้าง นี่เป็นโลกแห่งความเป็นจริงว่า เราไม่ได้อะไร”
อีกทั้งกล่าวว่า ราคาไฟฟ้าจากเขื่อนในไทยกับซื้อไฟฟ้าจากลาวก็ยังราคาเดียวกัน ซึ่งไฟฟ้าจากเขื่อนเป็นงบประมาณจากรัฐยังราคาเดียวกันกับไฟฟ้าจากถ่านหิน หรือที่มาจากแหล่งอื่นๆ ประเทศไทยเป็นเช่นนี้กับผลประโยชน์ที่มุ่งจะเอาให้ได้ ล้วนมีต้นทุนเท่ากัน แต่ไทยไม่ได้อะไรเลย
“ใครคิดว่า ผลประโยชน์พลังงานกับกัมพูชา ไทยต้องรีบดำเนินการ แต่เป็นการรีบให้กลุ่มทุนเชฟรอน ไม่ใช่ให้ไทยได้ประโยชน์เลย เพราะเราได้ยกสัมปทานให้เชฟรอนไปแล้ว ดังนั้นการเจรจาผลประโยชน์ จึงไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของชาติ แต่จะมีความสำเร็จของผลประโยชน์อื่นใดที่ต้องตกลงกันใหม่กับต่างชาติ โดยไม่เกี่ยวกับรัฐแล้ว”
นายจตุพร กล่าวว่า รัฐบาลพยายามเร่งทำโครงการทั้งบ่อน ขนส่งทางราง และแหล่งพลังงาน รวมทั้งการทำโครงการดิจิทัล การขายที่ดินแลนด์บริดจ์ซุกที่ดิน 3 แสนไร่ 99 ปีให้ต่างชาติ พร้อมขยายเวลาให้อยู่คอนโดได้ 99 ปี ล้วนเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าผลประโยชน์ชาติ ดังนั้น เราจึงต้องออกมาเตือนภัย ตอกย้ำถึงการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวเพราะไว้ใจกลุ่มอำนาจในรัฐบาลไม่ได้เลย
“ถ้าเขาไม่ไป ประเทศก็ต้องไป ถ้าไม่มีใครออกถนน ผมสองคนก็พร้อมออกถนน ไม่มีปัญหา ดังนั้น ผมจึงบอกพี่น้องให้ติดตามสถานการณ์ทุกเรื่องอย่างใกล้ชิด เพราะเขาจะปล้นทุกอย่าง และทุกอย่างที่ปล้นได้ เขาก็จะถูกปล้น โดยอ้างผลประโยชน์ชาติบังหน้า”
ส่วนการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองและ ม.112 นั้น นายจตุพร กล่าวว่า ในประเด็นแก้ไข ม.112 พรรคเพื่อไทยโดยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ และอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เคยประกาศสัญญาช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่า จะแก้ไขและประกันผู้ต้องหา ม.112 ออกจากเรือนจำคุมขังด้วย
อีกทั้งการชุมนุมของเยาวชนที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้กางเต็นท์บริการและให้ท้ายผู้ชุมนุม แต่ช่วงหลังมาเปลี่ยนไป โดยกล่าวหา ใส่ร้ายเยาวชน ราวกับพรรคได้เล่นกลเกมสลับร่างปีศาจให้ไปอยู่ในพรรคก้าวไกลแทนที่ จึงเชื่อถือไม่ได้
เมื่อมาถึงการนิรโทษกรรมแล้ว พรรคเพื่อไทยยังแสดงออกช่วงหาเสียงเลือกตั้งจะเสนอกฎหมาย แต่การแสดงออกกับข้อสังเกตรายงานศึกษาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมในสภากลับเป็นการแสดงละครในสภา ไม่มีความจริงใจ เชื่อถือไม่ได้ โดยโหวตไม่รับรายงานศึกษานิรโทษกรรมกลางสภา ซึ่งคาดว่า เป็นกลไกวิปรัฐบาลไม่ต้องการให้ผ่าน
ดังนั้น ร่างกฎหมายนิรโทษกรรม 4 ฉบับที่รอเข้าสภาสมัยหน้าจึงไม่ใชเรื่องง่ายที่จะผ่านได้ เพราะคนที่ไม่ต้องการความขัดแย้งเป็นผลประโยชน์ทางการเมืองยังมีวิธีการจัดการได้อีกหลายกรณี
ส่วนกรณีคดีตากใบหมดอายุความเมื่อ 25 ต.ค.นั้น นายจตุพร กล่าวว่า เหตุการณ์ขัดแย้งที่ชายแดนภาคใต้ที่ผ่านมามีการใช้งบประมาณกว่า 4 แสนล้าน สูญเสียชีวิตกว่า 7,600 ศพ บาดเจ็บกว่า 14,000 คน เกิดเหตุการณ์ไม่สงบกว่า 2 หมื่นครั้ง แต่หาจุดยุติความขัดแย้งไม่เจอ โดยโศกนาฎกรรมนี้มาจากการตัดสินใจผิดพลาดของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร
อย่างไรก็ตาม กองเชียร์พรรคเพื่อไทยกลับพยายามอธิบายความขัดแย้งให้จบลงด้วยเงินเยียวยามาทดแทนการแสวงหาความยุติธรรมของประชาชนที่ถูกกระทำจากรัฐ แต่การอธิบายเช่นนั้นไม่สอดรับพฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยที่ให้เงินเยียวยากับกลุ่มคนเสื้อแดง
นายจตุพร ย้ำว่า บรรดากองเชียร์เพื่อไทยอย่านำการอธิบายด้วยเงินเยียวยา เพราะคดีตากใบไม่แตกต่างจากการได้เงินเยียวยาของคนเสื้อแดง และในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยประกาศเสนอกฎหมายให้เสื้อแดงหาความยุติธรรมจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองได้ โดยสามารถนำคดีฟ้องต่อศาลอาญาได้เองใน 100 วันแรกที่เป็นรัฐบาล ซึ่งถึงขณะนี้ยังไม่ทำตามสัญญาที่หาเสียงไว้
“คดีตากใบประชาชนได้ฟ้องถึงศาลอาญาเพื่อเอาคนผิดมาลงโทษแต่กองเชียร์เพื่อไทยกลับด้อยค่าด้วยเงินเยียวยา ซึ่งเป็นเงินของรัฐ ขณะที่คนเสื้อแดงพรรคเพื่อไทยกลับหาเสียงให้แก้กฎหมายให้ยื่นคดีเองได้ ซึ่งแตกต่างจากคดีตากใบตรงไหน ถ้าคิดว่าเยียยวยาแล้วจบ ทำไมพรรคเพื่อไทยไปหาเสียงกับคนเสื้อแดงอย่างนั้น ดังนั้นอย่ามาอ้างเรื่องเงินเยียวยา”
พร้อมทั้งกล่าวว่า เงินเยียยวยาเป็นเงินรัฐ การฆ่าก็ใช้เงินรัฐ ซึ่งเป็นเงินประชาชน ดังนั้น เงินเยียยวยาก็ส่วนเยียยวยา คดีอาญาก็ส่วนคดีอาญา ผู้สูญเสียในคดีตากใบจึงไปทวงหาความยุติธรรม แต่คดีหมดอายุความแล้ว
พร้อมๆ กับเสียงอำนาจของนายภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหม บอกว่า “อย่าฟืนฝอยเรื่องตากใบ อย่าต่อความยาวสาวความยืด คดีตากใบจบแล้ว”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'แก้วสรร' แนะ 'ธีรยุทธ' ปรับยุทธวิธี เสริมความแกร่งของสำนวนมุ่งไปที่ กกต.-ปปช.
หลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย กรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ
แก้วสรร : ประเมินคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
แก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "ประเมินคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ" โดยมีเนื้อหาดังนี้
ศาลรธน.ยกคำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง เอกฉันท์ 5 ประเด็นเว้นประเด็น 2
จากกรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย
รองเลขาฯเพื่อไทย ฟาดกลับ 'ไอซ์ รักชนก' แซะแจกเงินหมื่นช่วงเลือกตั้งนายก อบจ.
น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า ใจเย็นๆ นิดนะคะ รัฐบาลตั้งใจส่งเงินหมื่นกระตุ้นเศรษฐกิจ ถึงมือกลุ่มเป้าหมายให้เร็วที่สุด
ระทึกสุดขีด! 22 พ.ย. ศาลรธน.ลงมติ 'รับ-ไม่รับ' คำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง
คอนเฟิร์ม ศุกร์นี้ 22 พ.ย. 9 ตุลาการศาลรธน.นัดประชุมวาระพิเศษ หลังงดมาสองรอบ เตรียมนำหนังสือ-ความเห็นอัยการสูงสุด กางบนโต๊ะประชุม ก่อนลุ้นโหวตลงมติ”รับ-ไม่รับคำร้อง”คดีทักษิณ-เพื่อไทย โดนร้องล้มล้างการปกครองฯ
'อนุทิน' เช็กสัญญาณ ครม.อิ๊งค์ ปมศาลรธน.นัดถกรับ-ไม่รับคำร้อง คดีทักษิณ-เพื่อไทย ล้มล้างการปกครอง
ที่ด่านพรมแดนบ้านผักกาด ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี นายอนุชิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี ที่ในวันพรุ่งนี้(22 พ.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับคำร้อง