เรืองไกร ร้อง ป.ป.ช. สอบนายกฯ กรณีซินแส 2 ราย ว่ามีการฝ่าฝืน พรป.ปปช. มาตรา 128 หรือไม่
17 ต.ค. 2567 - นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (อีเอ็มเอส) ขอให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำการตรวจสอบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้จากซินแสทั้ง 2 คน อันอาจเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 128 หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า ในหนังสือมีเนื้อหาระบุว่า ข้อ 1. พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4 (บางส่วน) และมาตรา 128 วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้ว่า “มาตรา 4 ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ “เจ้าพนักงานของรัฐ” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ และคณะกรรมการ ป.ป.ช.
“ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” หมายความว่า (1) นายกรัฐมนตรี ...
“มาตรา 128 ห้ามมิให้เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณ เป็นเงินได้จากผู้ใด นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด โดยธรรมจรรยาตามหลักเกณฑ์และจำนวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด”
ข้อ 2. เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2567 เว็บไซต์ไทยรัฐ หัวข้อ “ทักษิณ” แนะนำซินแสดูห้องทำงานในทำเนียบฯ ปรับให้เหมาะกับ “นายกฯ อิ๊งค์” ลงข่าวไว้ (บางส่วน) ดังนี้ “วันที่ 15 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ก่อนที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้าของวันที่ 12 และ 13 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ได้ปรึกษา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นบิดา โดยนายทักษิณ ได้แนะนำซินแส 2 คน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทชาวต่างชาติให้เข้ามาดูสถานที่ทำเนียบรัฐบาล และห้องทำงานนายกรัฐมนตรีบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำให้มีการปรับเปลี่ยนจากเดิมในยุคของ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้ทำงาน”
ข้อ 3. การที่ซินแส 2 คน เข้ามาดูสถานที่ทำเนียบรัฐบาล และห้องทำงานนายกรัฐมนตรีบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำให้มีการปรับเปลี่ยนจากเดิม เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้ทำงาน นั้น เมื่อพิจารณาจากข้อหารือของกรมสรรพากร (ตามสำเนาที่แนบมาด้วย) ซินแส 2 คน นั้น น่าจะมีเงินได้พึงประเมินตามความในประมวลรัษฎากร มาตรา 40 และถือเป็นเงินได้เนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในประเทศ ตามความในมาตรา 41 แต่หากไม่มีการจ่ายเงินได้ ผู้รับบริการคือนายกรัฐมนตรี ก็อาจมีการรับประโยชน์อันอาจเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ป.ป.ช. ตามมาได้
ข้อ 4. จากข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงมีเหตุอันควรตรวจสอบตามลำดับ ดังนี้
ตรวจสอบตามประมวลรัษฎากรก่อนว่า ซินแส 2 คน นั้น มีเงินได้พึงประเมินตามความในประมวลรัษฎากร มาตรา 40 เป็นจำนวนเงินเท่าใด และถือเป็นเงินได้เนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในประเทศ ตามความในมาตรา 41 หรือไม่
ตรวจสอบว่า นางสาวแพทองธารเป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินให้ซินแสทั้ง 2 คน หรือไม่ จ่ายโดยวิธีใด
ตรวจสอบว่า หาก นางสาวแพทองธารไม่ได้จ่ายเงินได้ให้ซินแสทั้ง 2 คน จะถือว่านางสาวแพทองธารได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้จากซินแสทั้ง 2 คน อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 128 ในส่วนที่บัญญัติว่า “ห้ามมิให้เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณ เป็นเงินได้จากผู้ใด ...” หรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิด 5 ปัจจัย ทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอม
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ 5 ปัจจัย ทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอม มีเนื้อหาดังนี้
ปปช.เปิดทรัพย์สิน 'ก่อแก้ว' สุดอู้ฟู่รวย 263 ล้านบาท
เปิดเซฟ 'ชัยธวัช ตุลาธน' อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล 19.3 ล้านบาท 'อภิชาติ' อดีตเลขาธิการพรรค 13.2 ล้านบาท 'ก่อแก้ว' อู้ฟู่ 263 ล้าน
'เทพไท' วิเคราะห์ชัดๆ 'ทักษิณ-อุ๊งอิ๊งค์' ใครคือนายกฯตัวจริง
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช
'มาริษ' บอกยิ่งลักษณ์ยังไม่ประสานกลับไทยไม่รู้พ่อนายกฯ มีกี่สัญชาติ!
'มาริษ' เผยคืบตั้ง คกก.เจทีซี รอพิจารณาเพิ่มบุคคล ยันชง ครม. เร็วที่สุด ปัด 'ยิ่งลักษณ์' ยังไม่ประสานกลับไทย
เทพไทชวนจับตา 'นักโทษนางฟ้า' เดินตามรอย 'นักโทษเทวดา'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช
'ภูมิธรรม' มั่นใจ 'ทักษิณ' ลงอุดรฯ ปลุกกำลังใจสมาชิกพรรค เชื่อชาวอีสานยังรักพท.
'ภูมิธรรม' มั่นใจ 'ทักษิณ' ลงอุดรธานี ปลุกกำลังใจสมาชิกพรรค เชื่อชาวอีสานยังรักพรรคเพื่อไทย โบ้ยถาม 'นายกฯ' ขึ้นค่าแรง 400 บาททันเป็นของขวัญปีใหม่ หลังประชุม คกก.ไตรภาคี ล่มซ้ำซาก