มีสะดุ้ง!หมอเหวงบอก 'ณัฐวุฒิ' แก่นของมนุษย์คือความจริงใจต่อตัวเองถ้าไม่มีจบ

10 ต.ค.2567 - เพจยูดีดีนิวส์ - UDD news ซึ่งเป็นเพจรายงานข่าวและความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงถอดเทปรายการ สภาภาษาคน EP48 ตอน “เต้นกลับลำ” ทางช่อง Friends talk เมื่อวันที่ 8 ต.ค.2567 ของ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.ในหัวข้อ “หมอเหวง” บอก “ณัฐวุฒิ” แก่นของมนุษย์มีเรื่องเดียว คือความจริงใจต่อตัวเอง ถ้ามนุษย์ไม่มีความจริงใจต่อตัวเอง จบ!!!

ความรู้สึกที่ได้ชม “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ออกรายการ กรรมกรข่าวคุยนอกจอ ของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา เมื่อเช้า (8 ต.ค. 67)

เมื่อเช้านี้ต้องเรียนตรง ๆ ว่าผมตรวจคนไข้อยู่ เพราะฉะนั้นผมมีโอกาสดูนิดหน่อย แวบเดียว แต่แวบเดียวนั้นมันแทงหัวใจผมอย่างรุนแรงเลย หลังจากนั้นเป็นต้นมาผมก็พยายามหาเวลาว่างอ่านที่สื่อเขาลงเกี่ยวกับคำให้สัมภาษณ์ของคุณณัฐวุฒิผ่านรายการของสรยุทธ ผมจับเนื้อหาใหญ่ ๆ ได้แค่ 3 เนื้อหาเท่านั้นเอง ซึ่งอาจจะมีเนื้อหามากกว่านั้นเยอะ

เรื่องแรกที่แทงใจดำผมเลยก็คือว่า สรยุทธเขาถามว่า แล้วคุณจะมองคนอื่นยังไง? คุณณัฐวุฒิเขาตอบ ซึ่งเป็นการตอบของนักโต้วาที นักวาทะศิลป์ เขาต้องพยายามที่จะตอบในลักษณะที่โน้มน้าวจูงใจผู้คนให้เห็นวาเขาเด่น เก่ง ยอดเยี่ยม มีอุดมการณ์ เขาบอกว่าตอนตื่นเช้าเลยเขาต้องจ้องกระจกก่อน ถ้าหากว่าเขาสามารถจ้องตาในกระจกได้ เขาก็สามารถที่จะไปจ้องตาคนอื่นได้ ใช่ครับ คุณเต้นครับ คุณลืมแล้วหรือว่าแก่นของมนุษย์มีเรื่องเดียวนะ ก็คือความจริงใจต่อตัวเอง ถ้ามนุษย์ไม่มีความจริงใจต่อตัวเอง จบ!!!

ผมถามว่าแล้ววันนั้นคุณไปปราศรัย “ไล่หนูตีงูเห่า” หมายความว่าไงครับ? แปลว่าสิ่งที่คุณพูดเป็นละครเหรอ? เป็นสิ่งที่โกหกพกลมเหรอ? ผมว่าเรื่องนี้สำหรับผมนะ คุณเต้นจะคิดยังไงผมไม่รู้? สำหรับผม ประชาชนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวทีเลือกตั้งเป็นเวทีที่คุณจะต้องให้สัญญาประชาคมกับประชาชนว่า ภายหลังจากการเลือกตั้งทำไมจะต้องเลือกคุณ เพราะว่าคุณมีสัญญาประชาคมนี้ เลือกคุณแล้วจากนั้นคุณต้องเอาสัญญาประชาคมมาทำ “ไล่หนูตีงูเห่า” อยู่ที่ไหนครับคุณเต้นครับ เวลาคุณจ้องนัยน์ตาของคุณในกระจก คุณเห็นมั้ย คำพูดของคุณ “ไล่หนูตีงูเห่า”

และไม่เพียงแต่ “ไล่หนูตีงูเห่า” นะ คำอภิปรายที่เขาสับโขลก ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผมไม่ได้ชอบสองคนนี้นะ แต่ผมก็ตามการปราศรัยของเขามาหลาย ๆ ครั้งเหมือนกัน ในคำปราศรัยของเขาต้องยอมรับว่าคุณณัฐวุฒิเป็นคนที่มีการปราศรัยเก่งมาก ในการปราศรัยหลาย ๆ ครั้งมีคนชมเป็นล้าน อย่างน้อยที่สุดที่ผมติดตามดูน่าจะระดับ 10 ครั้ง เขาเอาประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาล้อเลียน เยาะเย้ย เสียดสี ถากถาง ราวกับว่าไม่ใช่คนเลย กลับไปดูซิครับ แล้วคุณณัฐวุฒิครับ คุณลืมแล้วหรือสิ่งที่คุณปราศรัยหลาย 10 เวทีที่คุณพูดถึงประยุทธ์-ประวิตร คุณลืมแล้วหรือ คุณมีความจริงใจต่อตัวคุณเองหรือเปล่า อย่าไปพูดถึงความจริงใจต่อประชาชนเลย

ข้อแรกผมไม่เข้าใจว่าคุณจริงใจต่อตัวคุณเองหรือเปล่า ถ้าให้ผมตอบนะ ถ้าผมเป็นครูหรือเป็นคนที่ตอบนะ ผมว่าคุณไม่จริงใจต่อตัวคุณเองหรอก เพราะคุณบอกว่า “ไล่หนูตีงูเห่า” แล้ววันนี้คุณยังไปจับมือนั่งใกล้ชิดกับคุณอนุทิน แล้วไปทำงานร่วมกับพวกนี้ ถึงจะไม่มีคุณประยุทธ์อยู่ ไม่มีคุณประวิตรอยู่ แต่พวกนี้เป็นเงาทาบอยู่ตลอดเวลา พลังประชารัฐหรือรวมไทยสร้างชาติก็ดี มันทอดเงามีเงาทับของประยุทธ์ จันทร์โอชา กับมีเงาทับของประวิตร วงษ์สุวรรณ แล้วอยู่ตรงไหนครับที่คุณปราศรัยในลักษณะที่ด้อยค่าเขาแทบจะไม่ใช่เป็นมนุษย์เลย แล้วคุณจริงใจกับคำปราศรัยคุณหรือเปล่า? วันที่คุณพูดกับประชาชน ถ้าคุณไม่จริงใจกับคำปราศรัยของคุณ แปลว่าคุณไม่จริงใจต่อตัวคุณเอง คุณทำทีเป็นพูดหรูเลยนะ คือเขามีความสามารถในการใช้ภาษาหรู เพราะว่าเขาผ่านจากการเคี่ยวกรำในเวทีโต้วาทีมัธยมมา เขาสามารถที่จะคิด ทำยังไงพูดให้หล่อ พูดให้หรู

“ผมจ้องตาผมในกระจกได้ ผมก็จ้องตาคนทั่วทั้งประเทศได้” คุณจำได้หรือเปล่าว่าคุณไป “ไล่หนูตีงูเห่า” แล้ววันนี้คุณไล่หนูมั้ย? คุณตีงูเห่ามั้ย? วันนี้คุณจริงใจกับตัวคุณเองหรือเปล่า ผมว่ามันไม่ถูกครับ ผมไม่เห็นด้วยครับ ผมว่ามนุษย์นะสิ่งแรกสุดคุณต้องจริงใจต่อตัวเอง นี่คือข้อที่ 1

ประเด็นที่ 2 คุณบอกว่าคุณยอมกลืนน้ำลาย ยอมกลืนเลือด ฟังดูแล้วมันหรูหรามากเลย เป็นคนเสียสละมหาศาลมากเลยนะ ความขมขื่นทั้งมวลในโลกพร้อมที่จะกลืนไปในร่างกายของฉันเพื่อทำประโยชน์ให้กับสังคม ดูราวกับตัวคุณณัฐวุฒิเป็นพระเยซู ยอมตรึงกางเขนเพื่อล้างบาปคนทั้งโลก

ไม่ใช่เลยครับ มันไม่ใช่กลืนน้ำลาย คือคุณหาช่องทางที่จะกลับมาเป็นนักการเมืองเท่านั้นเอง หาช่องทางที่จะกลับมาทำงานในพรรคเพื่อไทยเท่านั้นเอง ที่คุณบอกว่าคุณกลืนน้ำลาย กลืนเลือด เพื่อให้เป็นประโยชน์ คือสิ่งที่คุณณัฐวุฒิพูดกับคุณสรยุทธในวันนี้นะ ผมไม่เห็นประชาชนอยู่ในคำพูดของเขา ไม่มีวิญญาณของประชาชนอยู่ในการสนทนานั้นเลย คุณกลืนน้ำลายกลืนเลือด กลืนอะไรครับ คือกลืนน้ำลายเหม็น ๆ ของคุณใช่มั้ยที่คุณพูดออกไป กลืนเลือด คือความขมขื่น ความขมขื่นอยู่ตรงไหนครับ ผมไม่เห็นความขมขื่นอะไรเลย วันนี้พรรคเพื่อไทยก็ไม่มีความขมขื่นอะไร พรรคเพื่อไทยสมปรารถนาแล้วในการที่ย้ายข้างสลับขั้ว ข้ามขั้วตระบัดสัตย์ สำหรับผม ผมพูดไปหลายครั้งแล้ว ผมก็ยังยืนยันว่าขณะนี้พรรคเพื่อไทยได้เปลี่ยนสีแปรธาตุเป็นพรรคขวาไปแล้ว นี่คือเรื่องที่ 2

เรื่องที่ 3 ที่เขาบอกว่า การเมืองเป็นเรื่องของการจัดสรรอำนาจ ถูกต้องครับ ผมเห็นด้วยกับคุณเลย แต่สำหรับประชาชนและนักสู้ของประชาชน การจัดสรรอำนาจก็คือหมายความว่าประชาชนต้องแย่งยึดอำนาจมาจากพวกที่ปล้นอำนาจของประชาชนไทยไป พวกที่ปล้นอำนาจของประชาชนไทยไปคือคณะรัฐประหารไงครับ ขณะนี้พรรคเพื่อไทยก็ไปร่วมมือกับพวกพรรคของคณะรัฐประหาร มันไม่ใช่เรื่องการจัดสรรอำนาจเลย คือคุณกำลังเดินเข้าไปสู่ขั้วที่ปล้นอำนาจจากประชาชนไป แล้วคุณก็ผสมกลมกลืนกับพวกเขา

เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เรื่องการจัดสรรอำนาจ คุณอย่าไปอธิบายอย่างนี้เลยว่า “เป็นเรื่องของการจัดสรรอำนาจ เวลานี้ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าสถานการณ์ที่เป็นจริง” สถานการณ์ที่เป็นจริงวันนี้ก็คือ ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายที่ไปผสมโรงกับฝ่ายขวาจัด อีกฝ่ายหนึ่งพยายามที่จะยืนหยัดอุดมการณ์ประชาธิปไตยประชาชนในทุกเรื่อง ผมไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองพรรคไหน ผมไม่ได้ไปคลั่งไคล้พรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งเป็นการเฉพาะ แต่ผมยึดหลักอุดมการณ์ ก็คือประชาชนต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน อำนาจสูงสุดของประเทศนี้ต้องเป็นของประชาชนทั้งหลาย ไม่ใช่เป็นของคณะรัฐประหารที่ยึดอำนาจ

ที่คุณพูดเท่ากับสะท้อนออกเหมือนกันนะ พยายามพูดดูหรู การเมืองในขณะนี้คือการจัดสรรอำนาจ จัดสรรอำนาจระหว่างใครกับใคร? มันไม่มีแล้ว มันเป็นเรื่องที่พวกยึดอำนาจพยายามหาวิธีการในการสถาปนาอำนาจตัวเองให้แข็งแรงขึ้นโดยสมรู้ร่วมคิดกับพรรคเพื่อไทย คุณก็รู้อยู่แล้ว มันไม่เรื่องการจัดสรรอำนาจ เป็นเรื่องที่คุณตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปร่วมกับพรรคขวาในการที่จะแชร์อำนาจกัน

ส่วนคำถามที่ว่า “เซอร์ไพรส์” มั้ย?

ไม่ครับ ไม่เลยครับ เพราะว่าตั้งแต่ผมเข้าทำงานกับแนวร่วมต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ด้านบวกเขามีนะ คือความสามารถในการปราศรัยเขาสูงมาก และความสามารถในการที่จะเอากำลังภายใน เอานวนิยายที่เป็นที่ชื่นชอบของคนไทย ไม่ว่าจะเป็น ไม้เมืองเดิม, ขุนศึก รวมไปถึงสามก๊ก, รามเกียรติ์ มาเป็นประโยชน์ในการปราศรัย ในตอนนั้นเนื่องจากมันชัดเจนมากคือเราต่อต้านเผด็จการที่ยึดอำนาจ ทำให้ลีลา โวหาร ที่เอามาใช้เป็นประโยชน์ในการเมือง ก็เลยทำให้เขาเป็นที่นิยมชมชอบของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ

แต่ผมเรียนก่อนนะครับ วาทะศิลป์เป็นเรื่องที่ดี แต่ประเด็นมันอยู่ที่คุณใช้วาทะศิลป์เพื่ออะไร? เพื่อใคร? เพราะวันนั้นคุณใช้วาทะศิลป์เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการต่อสู้กับพวกเผด็จการ เป็นเรื่องที่ดี แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณนำวาทะศิลป์ไปใช้ประโยชน์ในฝ่ายตรงข้ามประชาชน ทันทีนั้นเองวาทศิลป์นั้นก็จะเป็นหอกมาทิ่มแทงคุณเอง ผมพูดความที่ตั้งใจอยากจะให้ข้อคิดนะครับ หรือที่เรียกว่าให้บทศึกษาก็ได้ รวมทั้งท่านผู้ชมทั้งหลายที่อาจจะไม่เห็นด้วยกับผมก็ได้

ที่ผมไม่แปลกใจ เพราะระหว่างที่ผมไปเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยในระยะหนึ่ง กิจกรรมที่เป็นประโยชน์กับประชาชนผมไม่เคยเห็นเขามีปฏิกิริยาในด้านบวกออกมาเลยนะครับ อย่างเช่นมีความพยายามที่จะแก้มาตรา 112 โดย อ.วรเจตน์ (ในยุคนั้น) นิ่งเงียบ ก็คือสมัยสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ซึ่งปัดตกไปเลย ข้อต่อมา อ.ธิดา อุตส่าห์เดินทางไปเจนีวา ไปพบกับ ICC ผู้ตัดสินใจระดับสูง กระทั่งอัยการสูงสุด ICC เขามานั่งฟัง 3-4 ชั่วโมง ไปพร้อมกับ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม, อ.ธงชัย วินิจจะกูล ผมกับแม่น้องเกดด้วย ในที่สุด ICC ก็บอกว่าเรื่องของพวกคุณทั้งหมดพวกเขารู้แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องสงครามทำลายล้างมนุษยชาติครบถ้วนเลย คือทำอย่างกว้างขวาง ทำอย่างมีการวางแผนการ และมีการฆ่าคนจำนวนมาก ครบถ้วนตามองค์ประกอบของเขา ทาง ICC บอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องเอาผิดเป็นคณะ จะต้องเอาทั้งคณะคือ ศอฉ. รวมทั้งคณะรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ฉะนั้นจำเป็นจะต้องลงนามรับรองเขตอำนาจศาลเฉพาะกรณีเมษา-พฤษภา ปี 53 อ.ธิดาอุตส่าห์เชิญ “ฟาตู เบนซูดา” เขามาเมืองไทย ตั้งใจให้เบนวูดามาอธิบายโดยตรงว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย เพราะเป็นการรับรองเขตอำนาจศาล เฉพาะกรณีเมษา-พฤษภา 53 นิ่งครับ! กลับมาถึงนิ่งเลย คุณณัฐวุฒิตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีด้วยนะ นิ่งเลยนะ ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ในเรื่องนี้อะไรเลย มีแต่เฉพาะเรื่องสุดซอย

ตอนนั้นเขาแถลงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับสุดซอย แต่ผมผิดหวังมากเลย ผมเจ็บปวดรวดร้าวจนถึงขณะนี้ วันนั้นกลายเป็นว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์ และใครอีกผมจำไม่ได้แล้ว มาจูงมือเขาไปข้างหน้าห้องแล้วบอกว่าให้อภัยพรรคเพื่อไทย (อ.ธิดา เสริมว่า อันนั้นมันหลังจากมีปัญหามากแล้ว จนกระทั่งมีคนออกมามากมาย มีการประท้วงของกปปส.มาก เขาก็เลยมาพูด) ผมเพียงแต่ยกบางตัวอย่างนะ ถ้าหากว่าคุณจริงใจต่อการต่อสู้เพื่ออำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ในช่วงเวลาที่คุณมีบทบาทได้อย่างเต็มที่ แต่คุณไม่ทำเลย มันแสดงว่าคุณไม่จริงใจในการต่อสู้เพื่อให้ได้อำนาจสูงสุด (อ.ธิดา เสริมว่า แต่นิรโทษสุดซอยเขาก็มาร่วม แต่เรื่องอื่นมันก็อีกเรื่องหนึ่ง)

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ย้อนตำนานจำนำข้าว 'ณัฐวุฒิ' ใช้โวหารตอบโต้ เป็นอุทาหรณ์ให้ 'อุ๊งอิ๊ง' จะจบแบบ 'ยิ่งลักษณ์'

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กกรณี น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตผอ.ครอบครัวเพื่อไทย และอดีตแกนนำคนเสื้อแดง เป็นที่ปรึกษาของนายกฯ ว่า

สุดยอดนางแบก ป้อง 'เสี่ยเต้น' เสียคำพูดเป็นเรื่องปกติ สถานการณ์เปลี่ยน ทำไมจะเปลี่ยนไม่ได้

นางสาวลักขณา ปันวิชัย หรือ คำผกา หรือ แขก กองเชียร์พรรคเพื่อไทย และพิธีกรชื่อดัง โพสต์ข้อความใน X Kam Phaka @kamphaka ระบุว่า

ตั้งคนตระบัดสัตย์ข้ามขั้วซ้ำสอง ยอมกลืนน้ำลายบูด ช่วยนายกฯรอดวิบากกรรมไม่ได้

'จตุพร' เย้ย นายกฯ ตั้ง 'ณัฐวุฒิ' เป็นที่ปรึกษา ตระบัดสัตย์ข้ามขั้วซ้ำสอง อ้างต้องคิดใหม่ยอมกลืนเลือดน่าจะเป็นน้ำลายเน่าบูดมากกว่า ฟันธงช่วยอะไรไม่ได้ เปลี่ยนวิบากกรรมสนามกอล์ฟอัลไพน์ไม่ได้ ขัดจริยธรรม เหมือนคดีเศรษฐา ย้ำ ปชช.ลงถนนอยู่กับเงื่อนไขขายชาติ ขายแผ่นดิน สิ้นชอบธรรม

ล่อนจ้อน 'จตุพร' สาปแช่งคนเลวอม 42 ล้าน จี้ 'ณัฐวุฒิ' คนดูแลเงินบริจาคม็อบชี้แจง

'จตุพร' สาปแช่งคนเลวอมเงินบริจาคขอให้ฉิบหาย เปิดชื่อ 'ณัฐวุฒิ' ดูแลเงินม็อบปี 52-53 บี้รีบแถลงอธิบายให้สิ้นกังขาเพื่อหยุดปลุกปั่นคนอม 42 ล้าน ระบุไม่เคยยุ่งเงินม็อบ ชี้เลิกชุมนุมไม่เคยมีรายงานให้รับรู้ใช้จ่ายอะไร ลั่นให้เวลาติ่งเพื่อไทยลบโพสต์ 7 วัน ถ้าเมินเฉยเจอฟ้อง ถึงเป็นร้อยเป็นพันคดีก็จะฟ้อง

'เจ๊เจี๊ยบ' ประณาม 'เต้น' สร้างมาตราฐานใหม่ หาที่ยืนให้กับการไม่รักษาสัจจะและตระบัดสัตย์

นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้แชร์ข้อความดังกล่าว พร้อมโพสต์เฟซบุ๊กว่า

'เต้น' พริ้ว! ปัดกลืนน้ำลาย แต่กลืนเลือด เรียนรู้ที่จะอยู่กับความเป็นจริง

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และอดีตแกนนำคนเสื้อแดง เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการ เรื่องเล่าเช้านี้