'ดร.สุทธิ' ถอดบทเรียน 'ศูนย์กีฬาเจชอน' ถึง ไฟไหม้รถบัส จี้ปรับปรุงระบบความปลอดภัย

2 ก.ย.2567 - ดร.สุทธิ สุนทรานุรักษ์  เผยแพร่บทความ เรื่อง "วัวหายล้อมคอก" ...ต้องรอถอดบทเรียนกันอีกกี่บทเรียนถึงจะยุติการสูญเสีย มีเนื้อหาดังนี้

เหตุการณ์โศกนาฏกรรมไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาจนนำไปสู่ความสูญเสียของนักเรียนตัวน้อยหลายสิบชีวิตนับเป็นข่าวที่หดหู่ที่สุดข่าวหนึ่ง

ความมักง่ายของเจ้าของรถทัวร์ ความสัพเพร่าของโชเฟอร์ที่ไร้ความรับผิดชอบ และความหละหลวมของการตรวจสภาพรถสาธารณะล้วนเป็นต้นตอของความสูญเสียครั้งนี้

ผู้คนในสังคมที่แสดงความรับผิดชอบมักให้ความสำคัญกับความผิดพลาด เรียนรู้จากความสูญเสียและพยายามไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำซาก

...ผิดกับสังคมที่ไม่เคยเรียนรู้อะไรเลย มักสรุปผลแบบลวก ๆ กลวง ๆ ใช้ภาษาสวย ๆ ว่า "ถอดบทเรียน" เข้าทำนอง "วัวหายล้อมคอก"

เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว มีโศกนาฏกรรมเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ที่ศูนย์กีฬาเจชอน (Jecheon Sports Center) ในเกาหลีใต้...น่าสนใจว่าหลายองค์กรต่างร่วมกันออกมาช่วยกันหาสาเหตุและพยายามผลักดันในหน้าที่และอำนาจที่ตัวเองมี

หนึ่งในองค์กรสำคัญ คือ Board of Audit and Inspection of Korea หรือ BAI ซึ่งเป็นองค์กรการตรวจเงินแผ่นดินของเกาหลีใต้

ทำไมเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่ Jecheon Sports Center Major fire จึงสำคัญ?

เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2017 เพลิงไหม้ที่ศูนย์กีฬาเจชอนในเกาหลีใต้ได้คร่าชีวิตผู้คนไปถึง 29 ราย และบาดเจ็บอีกหลายคน

เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึง"ช่องโหว่" มาตรฐานความปลอดภัยของอาคาร รวมถึงการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินในเกาหลีใต้

เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับความบกพร่องของระบบความปลอดภัย และบทบาทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

หลังเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น BAI เข้าตรวจสอบเชิงลึกเกี่ยวกับสาเหตุและการเตรียมพร้อมและการรับมือของหน่วยงานรัฐต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

BAI ใช้ Performance Audit ตรวจสอบความสามารถในการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความปลอดภัยของอาคารโดยดูว่าหน่วยงานเหล่านี้ตอบสนองต่ออุบัติภัยครั้งร้ายแรงนี้อย่างไร

จากข้อมูลการตรวจสอบที่ BAI ตรวจสอบอย่างรวดเร็ว พบว่า

1. ความปลอดภัยของอาคารศูนย์กีฬาไม่ได้มาตรฐาน โดยอาคารศูนย์กีฬาเจชอนไม่ได้ติดตั้งระบบสปริงเกอร์ในบางพื้นที่ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ทางออกฉุกเฉินไม่เพียงพอสำหรับการอพยพผู้คนในกรณีฉุกเฉิน

2. การตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินไม่เป็นไปตามมาตรฐาน โดย BAI พบว่า ทีมดับเพลิงและหน่วยกู้ภัยมีปัญหาการประสานงานระหว่างกัน ทำให้เกิดความล่าช้าในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ขาดการเตรียมความพร้อมในการเผชิญเหตุการณ์ใหญ่ส่งผลให้การช่วยเหลือขาดประสิทธิภาพต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

3. การกำกับดูแลไม่เข้มงวดเพียงพอ โดย BAI พบว่า หน่วยงานกำกับดูแลด้านความปลอดภัยไม่ได้ทำการตรวจสอบอาคารอย่างสม่ำเสมอ และขาดการบังคับใช้กฎหมายด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ซึ่งนำไปสู่การเกิดช่องว่างในมาตรฐานความปลอดภัย

ข้อตรวจพบของ BAI นับเป็นการตีแผ่ข้อเท็จจริงให้เห็นความบกพร่องหละหลวมผ่านรายงานการตรวจสอบที่มีมาตรฐาน เชื่อถือได้

BAI ให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายโดยย้ำถึงความสำคัญของการปรับปรุงระบบความปลอดภัยและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินในอนาคต... กล่าวคือ

1. ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของอาคาร โดย BAI เรียกร้องให้มีการติดตั้งระบบสปริงเกอร์และอุปกรณ์ความปลอดภัยอื่น ๆ ในทุกอาคารโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เสี่ยง และเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบความปลอดภัย

2. ปรับปรุงระบบการตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะทีมดับเพลิงและเจ้าหน้าที่ประจำจุดฉุกเฉินต้องเข้ารับการฝึกอบรมและฝึกซ้อมเป็นประจำ เพื่อให้มีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง และควรพัฒนาระบบการสื่อสารและการประสานงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

3. บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดย BAI ย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องเพิ่มการกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้นและให้มีบทลงโทษที่ชัดเจนสำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัย เพื่อให้การป้องกันภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบัน BAI นับเป็นองค์กรการตรวจเงินแผ่นดินที่มีความเชี่ยวชาญโดดเด่นเรื่องการตรวจสอบการรับมือกับภัยพิบัติ อุบัติภัย สถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ

BAI เป็นผู้นำในคณะทำงานของ ASOSAI ที่เรียกว่า Working Group on Crisis Management Audit (WGCMA)

เหตุเพลิงไหม้ที่ศูนย์กีฬาเจชอนจึงเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่า "การตรวจเงินแผ่นดินสมัยใหม่" สร้างคุณค่าให้กับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้ ผ่านการทำงานตรวจสอบที่มีมาตรฐาน

...ข้อเสนอแนะของ BAI ช่วยให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถวางแผนและดำเนินการเพื่อปรับปรุงระบบความปลอดภัยและการเตรียมพร้อมในอนาคต ซึ่งจะเป็นการป้องกันเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันในอนาคต

หมายเหตุ: ภาพประกอบบทความจาก https://www.gettyimages.com/photos/jecheon

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นร.วัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยฯ 36 คน พร้อมใจบวชหน้าไฟอุทิศส่วนกุศลเหยื่อไฟไหม้

โรงเรียนได้เปิดรับสมัครการบวชเณรหน้าไฟให้ผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางโรงเรียนนั้นตั้งเป้าไว้เพียง 36 คน

ยิ่งคุ้ยยิ่งเจอ! บุกตรวจอู่รถถอดถังแก๊ส บริษัทรถบัสมรณะ เป็นอู่เถื่อนไร้ใบอนุญาต

ความคืบหน้าการตรวจสอบอยู่ที่รถบัส 5 คัน ที่เจ้าหน้าที่ขนส่งตรวจยึดตรวจสอบพบความผิดปกติคือจำนวนถังก๊าซ CNG ของรถทั้ง 5 คันที่แจ้งจดทะเบียนไว้กับสำนักงานขนส่งนั้นไม่ตรงกับข้อมูลที่จดทะเบียนเอาไว้ บางคันแจ้งเอาไว้ 2 ถัง

ประธานองคมนตรี เชิญพวงมาลาพระราชทาน วางหน้าหีบศพผู้เสียชีวิตเหตุไฟไหม้รถบัส

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เชิญพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

หัวหมอ! 'เจ้าของรถบัสมรณะ' โยกรถ 5 คันไปไว้ที่อู่โคราช คาดถอดเปลี่ยนแปลงสภาพ

ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา แห่งที่ 2 ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ได้รับการประสานงานจากกรมการขนส่งทางบก ให้ติดตามรถบัสนำเที่ยวของชินบุตรทัวร์ ที่มีบริษัท

ทัวร์ลงยับ! ถามหาจิตสำนึก โรงเรียนวัดเขาพระยาฯ รีบโพสต์รับบริจาคเงิน แต่ไว้อาลัยช้า

จากเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาเด็กนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ล่าสุด เมื่อเวลา 11.30 น.

'ในหลวง' ทรงรับผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิตจากเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงเสียพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง และทรงห่วงใยต่อเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนเกิดเพลิงไหม้ ของเด็กนักเรียนโรงเรียน วัดเขาพระยาสังฆาราม