ถาม ‘พิชัย’ ตรงๆ ใครเห็นหัวคนรากหญ้ามากกว่ากัน ‘พท.’ หรือ ‘แบงก์ชาติ’

30 ก.ย.2567-นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ใครเห็นหัวคนรากหญ้ามากกว่ากัน เพื่อไทยหรือแบงค์ชาติ!” ระบุว่า คุณพิชัย รมต.พาณิชย์ของนายกฯ แพทองธาร แขวะ ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่า ธปท.ว่า “ผมรู้ว่าท่านจบเยลล์ แต่ผมเข้าใจว่าคนจบเยลล์คิดได้แค่นี้เหรอ?

ผมอยากถามกลับ…คุณพิชัยว่า ไม่ถามนายกฯ บ้างหรือว่า คนจบรัดสาทจุลาโทอังกิต คิดได้แค่นี้เหรอ? ”คือ นายกฯ ของท่านบอกว่า เงินบาทแข็งค่าเป็นผลดีต่อการส่งออก จะทำให้ปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น“

คุณพิชัยยังพูดต่อว่า..“ท่านผู้ว่า ธปท.น่าจะเข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ว่าจะต้องทำอย่างไร จะต้องไล่ล่า GDP อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นเมื่อไรเราจะเป็นประเทศมีรายได้สูง หากไม่มีรายได้ ก็จะไม่มีการกระจายรายได้

ผมอยากจะบอกคุณพิชัยแทนดร.เศรษฐพุฒิว่า….ในมุมมองของคุณพิชัยเชื่อว่า “การไล่ล่าการเติบโตของ GDP” เป็นสิ่งจำเป็น

มุมมองของ ดร. เศรษฐพุฒิ เป็นการแสดงจุดยืนที่แตกต่าง โดยเขาชี้ให้เห็นว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่ควรเน้นที่ “การไล่ล่าการเติบโตของ GDP หรือการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI)” เพียงอย่างเดียว เขาเสนอว่าการเติบโตควรคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นหลัก

GDP ไม่สะท้อนการกระจายรายได้อย่างเท่าเทียม หากการเติบโตของเศรษฐกิจมุ่งเน้นที่การลงทุนของบริษัทขนาดใหญ่ อาจไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในชนบทหรือกลุ่มที่มีรายได้น้อย

แนวคิดของ ดร. เศรษฐพุฒิ เน้นที่การพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานราก (More Local) โดยมองว่าความสำเร็จทางเศรษฐกิจไม่ควรวัดจากตัวเลข GDP เพียงอย่างเดียว แต่ควรวัดจากการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน แนวทางนี้สนับสนุนการพัฒนาท้องถิ่น สร้างเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายและยั่งยืนมากขึ้น ทำให้การพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศลดลง

แนวคิดนี้คล้ายกับแนวทางเศรษฐศาสตร์พัฒนาแบบ “Inclusive Growth” ที่มุ่งเน้นการเติบโตแบบมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ไม่ใช่แค่การเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวม แต่มุ่งเน้นที่การกระจายรายได้และการสร้างโอกาสให้กับทุกกลุ่มในสังคม

สรุป …ใครเห็นหัวคนรากหญ้ามากกว่ากัน เพื่อไทยหรือแบงค์ชาติ!

คุณพิชัยยังพูดต่อว่า..”เร็ว ๆ นี้ แบงก์ชาติจีนยังออกแพกเกจขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจีน ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจจีนไม่ได้แย่เหมือนไทย“

ผมอยากจะบอกว่า…การแจกเงินหรือคูปองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะถูกมองว่าเป็นนโยบายเศรษฐกิจของรัฐ มากกว่าที่จะเป็นเครื่องมือทางการเมืองการแจกเงินของพรรคเพื่อไทยจึงไม่เพียงแต่เป็นมาตรการทางเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองที่ใช้สร้างความนิยมและรักษาฐานเสียง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“พิชัย” จัด “ลดราคาสินค้าในเทศกาลกินเจ อิ่มบุญราคาประหยัด ย้ำ “ห้ามขาด ห้ามแพง” คาดลดค่าครองชีพประชาชนได้ถึง 750 ลบ. กระตุ้นเศรษฐกิจ 2,250 ลบ.

รมว.พิชัย นริพทะพันธุ์ ประธานเปิดงาน “พาณิชย์จัดให้ ลดราคา เทศกาลกินเจ อิ่มบุญราคาประหยัด” ในเทศกาลกินเจ ตั้งแต่วันที่ 3 - 11 ตุลาคม 2567 จำนวน 9 วัน

อึ้ง! 'พิชัย' ตอบกระทู้ปัญหาTemu วกตำหนิ 'แบงก์ชาติ' ไม่ลดดอกเบี้ย

'นันทนา' จี้ถาม 'รมว.พณ.' จัดการแอปTemu 'พิชัย' อ้างสินค้าจีนแทรกแค่ปลายเหตุ แต่ต้นเหตุเกิดจากโควิด งงวกตำหนิ 'แบงก์ชาติ' ไม่ลดดอกเบี้ย

พาณิชย์ จับมือ สยามพิวรรธน์ ยกระดับนักออกแบบและสินค้าไทย

“พิชัย” รมว.พาณิชย์ เร่งเดินหน้ายกระดับนักออกแบบและผู้ประกอบการ จับมือ สยามพิวรรธน์ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับนักออกแบบและสินค้าไทย ยกระดับสู่เวทีโลก

ห้างฯ เชียงใหม่ เปิดพื้นที่ขายสินค้า ช่วยเกษตรกร ประชาชน ช่วยน้ำท่วม

ห้างฯ เชียงใหม่ รับลูก “พิชัย” เปิดพื้นที่ขายสินค้า ช่วยเกษตรกร ประชาชน ผู้ประกอบการ - สั่งการ คน.เตรียมจัดธงฟ้าทันทีหลังน้ำลด

'นิด้าโพล' เปิดคะแนนนิยมการเมืองรอบใหม่ 'อุ๊งอิ๊ง' นำโด่ง

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 3/2567” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16-23 กันยายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป