'ธีระชัย' ข้องใจ 'อุ๊งอิ๊ง' เป็นนายกฯ เพื่อประชาชนหรือตลาดทุนปมกองทุนวายุภักษ์

26 ก.ย.2567 - นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ใครต้นคิดขยายกองทุนวายุภักษ์” ระบุว่า ผมไม่ได้ฟังคุณทักษิณแสดงวิสัยทัศน์ มีคนส่งข้อมูลมาให้ว่า บนเวทีคุณทักษิณกล่าวถึงกองทุนวายุภักษ์

สื่อรายงานว่า แนวคิดของคุณทักษิณคือ ขยายกองทุนวายุภักษ์เพื่อรักษาเสถียรภาพตลาดทุน โดยให้ทำหน้าที่ซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นใน SET50 และ SET100 มาอยู่ในกองทุน ผมเรียกกองทุนนี้เป็น 'กองทุนเฉือนเนื้อคนจน ไปแปะให้คนรวย' เพราะมีผู้ลงทุน 2 กลุ่ม ภาคประชาชน และภาครัฐ โดยใช้กำไรสะสม 1.4 แสนล้านบาท และทรัพย์สิน 3.5 แสนล้านบาทของภาครัฐ ไปประกันให้ภาคเอกชนได้รับผลตอบแทน ไม่ต่ำกว่า 3% ต่อปี และไม่ต้องขาดทุนเงินต้น

สื่อรายงานว่า กำไรสะสม 1.4 แสนล้านบาท และทรัพย์สิน 3.5 แสนล้านบาทของภาครัฐดังกล่าว เกือบทั้งหมดเป็นของกระทรวงการคลัง จึงมีผลเท่ากับรัฐบาลเอาทรัพย์สินของประชาชนทั้งประเทศ คนแก่และเด็ก คนรวยและจน ทั้ง 71.7 ล้านคนไปอุดหนุนให้แก่ผู้ลงทุนภาคประชาชนเพียงไม่กี่คน

ที่น่าเป็นห่วงคือ ผู้ลงทุนภาคประชาชนที่รัฐบาลอุดหนุนนั้น มีกลุ่มคนร่ำรวยที่สุดในประเทศไทยด้วย เพราะในวงเงินที่เปิดจองซื้อหน่วย 1.5 แสนล้านบาทนั้น จัดสรรให้ผู้ลงทุนสถาบันถึง 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งผู้ลงทุนสถาบันประกอบด้วย แบงก์พาณิชย์ บริษัทประกันภัย กองทุนรวม เป็นต้น ทั้งที่เป็นกลุ่มคนรวยอยู่แล้ว ผมจึงไม่เข้าใจว่า รัฐบาลต้องไปเสนอประกันผลตอบแทนหรือคุ้มครองเงินต้นให้แก่ผู้ลงทุนกลุ่มนี้ ด้วยเหตุผลใด ผมยกตัวอย่าง กลุ่มแบงก์พาณิชย์ ปีที่แล้วมีกำไร 2.5 แสนล้านบาท

ผมจึงพูดในการแถลงข่าวที่พรรคพลังประชารัฐว่า หายสงสัยแล้ว ทำไมไม่มีคนในตลาดเงินตลาดทุนร่วมคัดค้านโครงการนี้ น่าจะเป็นเพราะมีการแจกจ่ายผลประโยชน์กันอย่างทั่วถึงนี้เอง ใช่หรือไม่ ผมจึงได้เชิญชวนให้ท่านนายกแพทองธาร ประกาศให้ประชาชนทราบชัดเจนว่า ท่านจะเป็นนายกฯ เพื่อประชาชน หรือจะเป็นนายกฯ เพื่อตลาดทุน ท่านนายกแพทองธารเงียบ ที่สำคัญรัฐมนตรีคลังก็เงียบด้วย ทั้งที่ผมเรียกร้องหลายครั้ง ให้แถลงข่าวอธิบายแนวคิดเหตุผลความจำเป็น ที่เอาเงินแผ่นดินและทรัพย์ของแผ่นดินไปแจกคนรวย

มาถึงวันนี้ ก็พอเข้าใจได้แล้วว่า สาเหตุที่รัฐมนตรีคลังไม่ได้ออกมาชี้แจง อาจเป็นเพราะท่านไม่ได้เป็นต้นคิดโครงการนี้ ใช่หรือไม่ อาจเป็นเพราะ "ทักษิณคิด-พิชัยทำ" ใช่หรือไม่ อาจจะเหมือนกับตอนที่ มี 'คนคิด' ให้แปรรูปการปิโตรเลียมฯ ไปเป็น บมจ.ปตท. และมี 'คนทำ' ที่ชงเรื่องเสนอคณะกรรมการในการแปรรูป ให้โอนท่อก๊าซธรรมชาติทั้งระบบ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ ไปให้แก่บริษัท ใช่หรือไม่ อันเป็นการผิดกฏหมายเกี่ยวกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ

ต่อมา ร้อนถึงคุณรสนา โตสิตระกูล ฟ้องร้องศาลปกครองสูงสุด ได้คืนท่อก๊าซมาประมาณหนึ่งในสาม
ย้อนเวลากลับไป ในข่าวกระทรวงการคลังข้างล่าง เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2546 คณะรัฐมนตรีอนุมัติจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 1 โดยรัฐบาลคุ้มครองเงินต้น และประกันผลตอบแทน จะเห็นได้ชัดว่า กองทุนวายุภักษ์ 1 เป็นการระดมทุนเพื่อใช้ประโยชน์ในกิจการภาครัฐ คือ "ลงทุนในหลักทรัพย์ของสถาบันการเงิน รัฐวิสาหกิจ และธุรกิจที่กระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่"

คณะรัฐมนตรีที่อนุมัติในปี 2546 คือรัฐบาลของคุณทักษิณนี่เอง มาถึงวันนี้ ในรัฐบาลของคุณเศรษฐา ต่อเนื่องกับรัฐบาลของคุณแพทองธาร มีการขยายขอบเขตการลงทุน โดยไม่จำกัดเฉพาะเพื่อประโยชน์ภาครัฐ แต่ขยายไปลงทุนหวือหวา รวมไปถึงสินค้าโภคภัณฑ์ ทองคำ น้ำมัน บริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ หุ้นกู้ขยะ ฯลฯ

การลงทุนซูเปอร์เสี่ยงแบบนี้ อาจมีกำไรมาก อาจมีขาดทุนมาก ดังนั้น เมื่อรัฐบาลยกเอากำไรสะสม 1.4 แสนล้านบาท และทรัพย์สิน 3.5 แสนล้านบาทของกระทรวงการคลัง เอาไปอุดหนุนประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ และคุ้มครองเงินต้นไม่ขาดทุน

ผู้ลงทุนภาคประชาชนคนกลุ่มน้อย ก็ย่อมดีใจ แต่เป็นการเฉือนเนื้อ ควักออกจากกระเป๋าของประชาชนคนกลุ่มใหญ่ ผู้ลงทุนคนกลุ่มน้อย ไม่ต้องเผชิญกับสภาพตามจริงที่เกิดขึ้นในตลาดทุน เพราะรัฐบาลอุ้มชู

ผมจึงเรียกร้อง อีกครั้งหนึ่ง เชื้อเชิญให้รัฐมนตรีคลังชี้แจงยืนยันว่า ท่านเป็นต้นคิดโครงการนี้ด้วยตัวเองหรือไม่
เหตุผลสนับสนุน ให้เฉือนเนื้อคนจน ไปแปะให้คนรวย เป็นอย่างไรและเชิญชวนอีกครั้งหนึ่ง ให้ท่านนายกแพทองธาร แสดงจุดยืนว่า ท่านเป็นนายกฯ เพื่อประชาชน หรือนายกฯ เพื่อตลาดทุน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง