ทนายร้อง บช.ก. สอบ 'เรืองไกร' แจ้งเท็จ ปมยื่นกกต. สอยนายกฯอิ๊งค์ถือหุ้น

20 ก.ย.2567 - ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายเดชา บัวปลี ทนายความ นำข้อกฎหมายและภาพข่าววันที่ 28 ส.ค.วันที่ 4 ก.ย.67 เข้าร้องเรียนเพื่อให้ตรวจสอบการร้องเรียนของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ หลังเจ้าตัวได้ส่งหนังสือเพื่อขอให้ตรวจสอบ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่ามีการลาออกจากกรรมการบริษัทต่างๆจำนวน 21 บริษัทเมื่อวันที่ 15 ส.ค. จริงหรือไม่ และเหตุใดจึงจดทะเบียนกรรมการออกในวันที่ 19 ส.ค.ปีเดียวกันหลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ซึ่งความผิดดังกล่าวจะเข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และยังยื่นคำร้องเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง

นายเดชา กล่าวว่ากรณีดังกล่าวตนมองว่าอาจเป็นความผิดในข้อหาแจ้งความเท็จและนำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เนื่องจากตนเองได้ตรวจสอบข้อกฎหมายและพบว่าตามพ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี หากนายกรัฐมนตรีได้รับการโปรดเกล้าฯจะมีเวลาให้โอนหุ้นส่วนหรือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นให้นิติบุคคลภายใน 90 วันนับจากได้รับแจ้งให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช.ทราบ แล้วยังมีกรอบเวลาอีก 10 วัน ซึ่งตามข้อกฎหมายนี้นายกฯมีสิทธิแจ้งประธานอปท.ใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งวันสุดท้ายที่มีสิทธิทำหนังสือแจ้งคือวันที่ 17 ก.ย.และวันสุดท้ายที่นายกรัฐมนตรีมีสิทธิโอนหุ้นส่วนหรือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นให้นิติบุคคลภายใน 90 วัน

หากดูระยะเวลา 90 วันนับตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย. 67 จะพบในวันที่ 18 ธ.ค. 67 ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีสิทธิที่จะกระทำได้ภายในกรอบเวลาของกฎหมาย ตนจึงบอกว่าการกระทำดังกล่าวของนายเรืองไกรอาจเป็นการกระทำความผิดตามข้อกฎหมายข้างต้น จึงขอให้ตำรวจสอบสวนกลางทำหนังสือถึง ก.ก.ต.ขอข้อมูลการร้องเรียนของนายเรืองไกรวันที่ 28 ส.ค. และ 4 ก.ย. มาตรวจสอบว่ามีการกระทำความผิดหรือไม่

ทั้งนี้นายเดชา ยืนยันว่าตนเองไม่ได้มีเบื้องหลังหรือรับงานใดๆมาจากกลุ่มการเมืองแต่เป็นการร้องด้วยความเห็นและข้อมูลความรู้ด้านข้อกฎหมายของตนเองเนื่องจากไม่ต้องการให้มีการร้องเรียนจนทำให้เกิดผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินจนเกิดผลกระทบในด้านต่างๆ

"ส่วนการที่นายเรืองไกร จะร้องเรียนก็เป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ แต่ควรตรวจสอบข้อกฎหมายที่ชัดเจนซึ่งนายกฯอาจจะทำผิดหรือไม่ได้กระทำผิดก็ได้ ส่วนการกระทำของนายเรืองไกรจะเป็นการร้องเรียนกลั่นแกล้งหรือไม่นั้น ตนเองไม่มีความเห็นแต่ต้องการให้ตำรวจตรวจสอบการร้องเรียนดังกล่าว"นายเดชา กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'วรงค์' มึน 'กกต.' ปล่อยผู้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง มีบทบาทเหนือหัวหน้าพรรค

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ผมรู้สึกมึนกับกกต. ที่ปล่อยให้ผู้ถูกตัดสิทธิ์ทา

ประธาน กกต. ไม่ฟังธง 'ทักษิณ' ช่วยหาเสียงชูนโยบายรัฐบาลเกินอำนาจ อบจ. ผิดหรือไม่

"อิทธิพร" เผยบัตรเลือกตั้งอบจ. เตรียมส่งถึงทั่วประเทศ เตือนผู้สมัคร หลีกเลี่ยงให้เงินแตะเอีย-สิ่งของในช่วงตรุษจีน

ข้องใจ! 'นายกฯอิ๊งค์-บิ๊กเพื่อไทย' ทำไมขยันลงพื้นที่ภูเก็ต

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "อุ๊งอิ๊ง หนีกระทู้สภา ไปกระทู้ภูเก็ต" โดยระบุว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี