อดีตรองอธิการฯมธ. ย้อนถามสโมสรนักศึกษา ม.เชียงใหม่ มีเจตนาอะไร? ถึงออกแถลงการณ์ไม่ส่งตัวแทนร่วมรับเสด็จ

16 ม.ค.2565-รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า การจะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรหรือไม่ ย่อมเป็นเสรีภาพของบัณฑิตทุกคนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่เข้าร่วมในพิธีไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้ปริญญา แต่การไปยืนชูป้าย และตะโกนใส่บัณฑิตว่า “ปริญญาศักดินา” เรียกร้องไม่ให้เขาเข้าร่วมในพิธี เป็นการไปรบกวนและละเมิดสิทธิเสรีภาพของบัณฑิตส่วนใหญ่ที่ต้องการจะเข้าร่วมในพิธี รวมทั้งพ่อแม่ของบัณฑิตที่ต้องการเห็นลูกรับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือจากพระหัตถ์ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าก็ตาม

งานนโยบายสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ว่าจะไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมรับเสด็จ และจะไม่ให้การสนับสนุนในทุกวิถีทางในการรับเสด็จ พร้อมทั้งเสนอให้สมาชิกสโมสรนักศึกษาของมหาวิทยาลัย และสโมสรนักศึกษาของคณะและวิทยาลัยต่างๆปฏิเสธการส่งตัวแทนรับเสด็จ ระบุเหตุผล 2 ประการคือ 1. เป็นการสนับสนุนระบบศักดินา 2. เป็นรูปแบบหนึ่งของการกดขี่ให้คนไม่เท่ากัน

“ความจริงเรื่องการไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมรับเสด็จ เป็นเรื่องระหว่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กับงานนโยบาย สโมสรนักศึกษา หากงานนโยบายปฏิเสธไม่ส่งตัวแทนเข้ารับเสด็จ ก็เพียงแจ้งมหาวิทยาลัยว่าจะไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมรับเสด็จก็พอ แต่นี่ถึงกับออกเป็นแถลงการณ์ให้ชาวโลกรู้ว่าไม่ส่ง ทั้งยังไปเรียกร้องให้สโมสรระดับคณะไม่ส่งด้วยเหตุผลที่เลื่อนลอย ไม่ทราบว่างานนโยบาย สโมสรนักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีเจตนาอะไร”

รศ.หริรักษ์ ระบุว่า การต้องการให้ทุกคนในประเทศไทยมีสถานะทางสังคมเท่าเทียมกันหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่ใช่เป็นการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์หรอกหรือ เลิกพูดได้แล้วว่า ปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้าง หากการปฏิรูปคือการให้พระมหากษัตริย์มีสถานะทางสังคมเท่ากับประชาชนทุกคน ก็คือการไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์นั่นเอง แล้วมันต่างอะไรกับการล้มล้าง อย่าว่าแต่ความเท่าเทียมกันที่แท้จริงไม่มีในโลก อย่าได้เพ้อฝันไปเลยดีกว่า และก็ไม่ทราบว่าประชาชนถูกกดขี่อย่างไร การถวายความเคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ถือเป็นการถูกกดขี่หรือ มีใครบ้างที่ตัวเองรู้สึกว่ากำลังถูกกดขี่จากสถาบันพระมหากษัตริย์

มีบทความบทหนึ่งที่ปรากฏใน social media เขียนบรรยายบิดเบือนพิธีพระราชทานปริญญาบัตรอย่างไม่อายฟ้าดินว่า พิธีพระราชทานปริญญาบัตร เป็นพิธีที่พยายามทำให้เป็นเรื่องของบัณฑิตกับเชื้อพระวงศ์ แม้แต่พ่อแม่ ญาติพี่น้องก็ถูกกีดกันบังคับให้ต้องอยู่นอกหอประชุม แต่ความจริงคือ ในสมัยก่อนมีบัณฑิตไม่มาก ที่นั่งในหอประชุมมีเพียงพอ พ่อแม่ของบัณฑิตก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปนั่งชมลูกรับพระราชทานปริญญาได้ อย่างที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่นั่งในหอประชุมมี 2 ชั้น ในสมัยก่อน บัณฑิตที่เข้ารับปริญญานั่งชั้นล่าง พ่อแม่หรือญาติพี่น้องนั่งชั้นบน แต่เดี๋ยวนี้ที่นั่งชั้นบนก็ต้องเป็นของบัณฑิต เนื่องเพราะจำนวนบัณฑิตแต่ละปีเพิ่มขึ้นมากจนที่นั่งในหอประชุมมีไม่เพียงพอ

จะว่าไปการที่พระมหากษัตริย์หรือผู้แทนพระองค์พระราชทานใบปริญญาบัตรให้บัณฑิตทีละคนเป็นจำนวนหลายพันคนไม่ใช่เรื่องสนุก แต่เป็นความทรมานพระวรกายที่ทุกพระองค์ต้องทรงอดทน ในสมัยก่อนมหาวิทยาลัยของรัฐในประเทศไทยมีเพียงไม่กี่แห่งมีบัณฑิตแห่งละไม่มากยังพอทำเนา แต่เดี๋ยวนี้มีถึง 22 มหาวิทยาลัย และจำนวนบัณฑิตก็เพิ่มมากขึ้นมาก ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 จนถึงสมัยปัจจุบัน การที่ยังทรงสามารถเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานปริญญาบัตรทุกแห่งได้ ยังไม่ยกเลิก ก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อแล้วว่าทรงทำได้อย่างไร แม้บางครั้งจะทรงให้ผู้แทนพระองค์เช่น สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าเสด็จแทนก็ตาม

การที่บัณฑิตจะไม่เข้าร่วมในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ยิ่งมีจำนวนมากยิ่งเป็นการลดภาระขององค์พระมหากษัตริย์ลง ยิ่งเลิกไปเลย เพียงให้รับจากอธิการบดีของแต่ละมหาวิทยาลัยก็น่าจะเป็นเรื่องดีและเหมาะสมแก่ยุคสมัย แต่บรรดาบัณฑิตและพ่อแม่ของบัณฑิตจะยอมหรือไม่ ยังคงต้องการเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรพระหัตถ์หรือไม่ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ยังคงต้องการเช่นนั้น

ความพยายามก่อกวนสร้างความความวุ่นวายในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร จึงเป็นความพยายามที่จะด้อยความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ลง อันเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไม่ต้องสงสัย แม้ขณะนี้ขบวนการนี้จะอ่อนกำลังลงเนื่องจากคนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย แต่ก็ยังไม่มอดดับไป เมื่อจังหวะเวลาเหมาะสม มีรัฐบาลและจำนวน ส.ส.ส่วนใหญ่ในสภาที่เป็นแนวร่วมกับพวกเขา ขบวนการนี้จะปะทุขึ้นอีกและจะขยายผลได้อย่างแน่นอน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รู้แล้วฝีมือใคร! จุดเริ่มต้นดรามา 'ซีเกมส์ 2025'

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า วิพากษ์วิจารณ์กันจนเป็นดรามา คือเรื่องพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ

อดีตรองอธิการบดี มธ. สะกิด 'สภาหอการค้า-สภาอุตฯ' หนุน 'นายกฯ' หาตลาดใหม่สู้สหรัฐ

อดีตรองอธิการบดี มธ. ขอเชียร์ให้นายกรัฐมนตรียึดมั่นในความถูกต้อง ไม่ยอมก้มหัวให้ประเทศมหาอำนาจ จัดการกับกัมพูชาให้จบให้ได้ หากทำได้โอกาสที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง จะเท่ากับ 100%

อดีตรองอธิการ มธ. ฟันธง 'อนุทิน' นายกฯ ชี้พรรคร่วมรบ.แทงกั๊ก แค่รอ 'ปชน.' ตัดสินใจ

พรรคร่วมรัฐบาลเดิมที่ยังแทงกั๊ก ไม่ตัดสินใจ อ้างว่าจะให้สมาชิกพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคตัดสินใจ แต่แท้ที่จริง รอดูว่าพรรคประชาชนจะเลือกใคร

อดีตรองอธิการบดี มธ. สะท้อน 10 อุปนิสัย 'ช่อ-พรรณิการ์' ต้นแบบทางความคิดชาว 3 นิ้ว

ณพรรณิการ์ วานิช เป็นหนึ่งในแกนนำคณะก้าวหน้า ที่เป็นต้นแบบทางความคิด ซึ่งนำไปสู่พฤติกรรมของพรรคก้าวไกล และพรรคประชาชนในปัจจุบัน

อดีตรองอธิการ มธ. บอกนี่แหละ 'ระบบทักษิณ' ผิดต่อประเทศไม่ประท้วง ผิดต่อนายประท้วง

คนที่อยู่ในพรรคเพื่อไทย แม้เห็นกันอยู่ชัดๆว่า การกระทำของนายกรัฐมนตรี เป็นความผิดต่อประเทศชาติชนิดไม่ต้องสงสัย แต่ก็ยังลอยหน้าลอยตาออกมาให้สัมภาษณ์

อดีตรองอธิการบดี มธ. ข้องใจปมชายแดนช่องบก รบ.คำนึงถึงประโยชน์ชาติหรือส่วนตัวกันแน่

ไม่ว่ากองทัพเราจะมีท่าทีแข็งกร้าวเพียงใด พอขึ้นมาถึงระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดูเหมือนว่า เราจะอ่อนข้อให้กัมพูชาเสมอ เลยชักสงสัยว่า รัฐบาลเราคำนึงถึงประโยชน์ของชาติเป็นหลัก หรือคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลักกันแน่