24 ส.ค.2567 - นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ “พุทธะอิสระ” อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเรื่อง "ความเท่าเทียม เป็นธรรมทั่วถึง มีอยู่จริงหรือ" มีเนื้หาดังนี้
งบประมาณปี 2566 ค่าอาหารและสวัสดิการ สส.
เงินเดือน – เงินเพิ่ม
- เงินเดือนประธานสภาฯ ๑๒๕,๕๙๐ บาท
- เงินเดือนรองประธานสภาฯ และผู้นำฝ่ายค้าน ๑๑๕,๗๔๐ บาท
- เงินเดือน สส. ที่มีตำแหน่ง ๑๑๓,๕๖๐ บาท
- เบี้ยเลี้ยง กมธ. ๑,๕๐๐ บาท/วัน
- ประชุมอนุ กมธ. ๘๐๐ บาท/วัน
ค่าอาหารและเครื่องดื่ม
- ค่าอาหาร สส. วันประชุม ๗๒,๐๓๑,๐๐๐ บาท
- ค่าอาหาร สส. เฉลี่ย ๑,๐๐๐ บาท/วัน/คน
- อาหารเลี้ยงรับรอง กมธ. (คณะกรรมาธิการ) ๓๔,๘๔๖,๑๐๐ บาท
- อาหารเลี้ยงรับรองวิปฝ่ายค้าน ๑,๒๖๐,๐๐๐ บาท
- ยอดรวมทั้งสภา ๑๐๘,๑๓๗,๑๐๐ บาท
ค่ารักษาพยาบาท
- กรณีผู้ป่วยใน ได้ค่าห้องรวมค่าอาหาร 4,000 บาทต่อวัน แต่ไม่เกิน 31 วันต่อครั้ง ค่าห้องไอซียู 10,000 บาทต่อครั้ง สูงสุด 7 วันต่อครั้ง ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 1 แสนบาทต่อครั้ง เป็นต้น
- กรณีผู้ป่วยนอก ค่ารักษาพยาบาลทั่วไปไม่เกิน 9 หมื่นบาทต่อปี อุบัติเหตุฉุกเฉินไม่เกิน 2 หมื่นบาทต่อครั้ง ค่าทันตกรรม 5,000 บาทต่อปี และยังมีค่าตรวจสุขภาพประจำปี ไม่เกิน 7,000 บาท
สวัดิการอื่นๆ
- ค่าเบี้ยเลี้ยง เช่าที่พัก ค่าพาหนะของ สส.ปี 2566 จำนวน 81,531,400 บาท
- ค่าเบี้ยเลี้ยง เช่าที่พัก ค่าพาหนะของ กมธ.ปี 2566 จำนวน 47,492,100 บาท
- ค่ารับรองในตำแหน่งประธานรัฐสภา และรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง และคนที่สอง รวม 8 ล้านบาท
- ค่ารับรองผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ รวม 2 ล้านบาท
- ค่าเดินทางไปต่างประเทศของประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ รวม 4 ล้านบาท
- ค่าเดินทางไปต่างประเทศของผู้นำฝ่ายค้าน 1 ล้านบาท
- ค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการทำงานของ กมธ. จำนวน 52,500,000 บาท
- ค่าจัดสัมมนาของ กมธ. 39,375,000 บาท
- ค่าจัดสัมมนาของ กมธ.วิสามัญ 3,375,000 บาท
- ค่าเดินทางเพื่อปฏิบัติหน้าที่ภายในประเทศของ กมธ. 31,500,000 บาท
- ค่ารับรองปฏิบัติหน้าที่ในประเทศของ กมธ.วิสามัญ 12 ล้านบาท
- ค่าดูงานต่างประเทศของ กมธ. 49,525,400 บาท
เหตุที่พุทธะอิสระยกข้อมูลการเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดินไปให้กับอภิสิทธิ์ชนอย่างนักการเมืองว่า แต่ละปี แต่ละเดือน และแต่ละวัน มันมากมายมหาศาลเพียงใด
แต่พวกคุณๆ ทั้งหลายจะรู้ไหมว่า แค่ค่าอาหารเด็กชายขอบที่ต้องจากบ้านมากินมานอนอยู่กับโรงเรียน บางคนก็ต้องอุ้มน้อง จูงหลานมาเลี้ยงและมาเรียนด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลลุงตู่ แก่ให้เงินอุดหนุนเป็นค่าอาหารหัวละ ๖๐ บาทต่อวัน ตกมือละ ๓๐ บาท แก่เด็กนักเรียนชั้น ม.ปลาย ตั้งแต่ ม.๔, ม.๕, ม.๖ แต่พอมาถึงรัฐบาลชุดนี้ นับแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป งบค่าอาหาร ๖๐ บาท มือละ ๓๐ บาท นี้จะถูกตัด
นั้นก็หมายความว่า เด็กที่อยู่ในดงในดอย มากินมานอนอยู่โรงเรียนของรัฐบาลจะต้องอดอาหาร หรือถ้าไม่อยากอด ก็ต้องขวนขวายหากินกันเอง ตามยถากรรม
ถามว่า แล้วพ่อแม่ผู้ปกครอง ไม่เลี้ยงไม่ช่วยบ้างหรือ
บอกพวกคุณได้ว่า ส่วนใหญ่เด็กในดงในดอย พ่อแม่ไม่อยากให้มาเรียน
๑. เพราะไกลบ้าน ไกลหู ไกลตา
๒. ต้องการให้ลูกช่วยงานในบ้าน ในไร่ ในนา เพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว
๓. กลัวลูกจะได้รับอันตราย เพราะต้องจากบ้านมาไกลๆ บางคนต้องเดินทางมาโรงเรียนไกลถึง ๕๐ กิโลเมตร
ถามว่า แล้วโรงเรียนแถวบ้านไม่มีหรือ
ตอบว่า มีแต่เปิดสอนแค่ ป.๖ หากเด็กต้องการเรียนมัธยม ก็ต้องยอมออกจากบ้านมากินมานอนอยู่โรงเรียน อาทิตย์ หนึ่งถึงจะกลับบ้านได้ครั้งหนึ่ง คือ เสาร์-อาทิตย์
แต่บางคนก็ไม่ได้กลับเพราะพ่อแม่ ไม่มีเวลามารับหรือไม่ก็ไม่มีเงินค่าเดินทาง
แล้วถามว่า พ่อแม่ไม่ให้เงินมากินข้าวในโรงเรียนกันบ้างหรือ
ตอบว่า ให้คนละไม่เกิน ๘๐ ต่ออาทิตย์ คุณก็คิดกันดูซิว่า เด็กจะได้กินข้าวเฉลี่ยแล้ววันละเท่าไหร่ หากโรงเรียนไม่จัดอาหารเสริมให้อีก ๒ มือ คือ กลางวันกับเย็น เด็กพวกนี้คงจะมีแต่หนังหุ้มกระดูก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาหารมื้อเช้าเลย เพราะโรงเรียนเขาไม่เลี้ยง ไม่มีงบ หากอยากกินข้าวเช้า ก็ต้องขวนขวายเอาเอง
แต่พอมาดูงบค่าอาหาร เครื่องดื่ม ของพวกนักการเมืองต่อหัว ต่อวัน ตก ๑,๐๐๐ บาท
โอ้แม่เจ้า ทำไมพวกนักการเมืองเขาถึงได้กินจุขนาดนี้ คิดว่ายุคนี้ปี ๖๐ ขึ้นมา สังคมไทยจะไม่ได้ยินว่า เด็กอดข้าวกลางวัน ขณะเรียนหนังสือ แต่มันก็เกิดขึ้นจริงแล้ว
ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ งบค่าอาหารเด็ก ม.๔, ม.๕, ม.๖ วันละ ๖๐ บาทต่อหัวต่อวันจะถูกตัด
(ไม่รู้ตัดงบอาหารเด็กเพื่อเอาไปใช้แจก เพื่อสร้างคะแนนนิยมให้แก่พวกตนหรือเปล่า)
หากจะเทียบกับสารพัดงบของท่านนักการเมืองผู้ทรงเกียรติแล้ว มันช่างต่างกันดังฟ้ากับเหว
อย่างนี้หละกระมั่ง ที่พวกนักการเมืองชอบออกมาพร่ำว่า ผมทำเพื่อประชาชน ดิฉันทำเพื่อประชาชน แล้วเด็กในโรงเรียนนี่ไม่ใช่ประชาชนหรือ
ประชาชนเขาก็อยากจะบอกว่า อย่าดีแต่พูด ทำกันเสียที
พุทธะอิสระ จึงอยากจะวิงวอนว่า อย่าไปตัดงบค่าอาหารเด็กนักเรียนเลย หากจะตัดก็ตัดงบนักการเมืองหรือข้าราชการไปดูงานต่างประเทศ หรือค่าเบี้ยประชุมต่างๆ ที่เบิกจ่ายกันมันมือ งบดังกล่าวนี้มันสามารถเอามาเลี้ยงนักเรียนชายขอบได้เป็นพันๆ คนเลยนะคุณ
พุทธะอิสระ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เดนมาร์ก จะเริ่มเกณฑ์ทหารผู้หญิงเข้ากองทัพเพื่อความเท่าเทียมอย่างสมบูรณ์
ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2025 ผู้หญิงเดนมาร์กที่มีอายุ 18 ปี จะต้องผ่านการคัดเลือกเข้ารับราชการทหาร เดนมาร์กเป็นประเทศที่ 2 ในสหภาพยุโรปที่
รัฐบาลแพทองธาร โชว์สถิติจัดเต็ม รัฐมนตรีหญิง 8 คน สะท้อนความเท่าเทียมในสังคมไทย
โฆษกรัฐบาล ยกย่องรัฐมนตรีหญิงในรัฐบาลปัจจุบันจำนวน 8 คน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย สะท้อนถึงความก้าวหน้าและความเท่าเทียมในสังคม เผย ‘แพทองธาร’ ขอบคุณประชาชนที่ให้ความเชื่อมั่น เชื่อใจ พร้อมมั่นใจว่าผู้หญิงสามารถก้าวขึ้นสู่ผู้นำในทุกเวที
'อิ๊งค์' ปราศรัย 'วันสตรีสากล' ยกย่องบทบาทสตรี ลั่นผลักดันความเสมอภาคทางเพศ
นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ยกย่องการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมและความยุติธรรมแก่ผู้หญิงในประเทศไทย พร้อมประกาศผลักดันนโยบายความเสมอภาคทางเพศ และการแก้ไขกฎหมายที่เลือกปฏิบัติ ขจัดความรุนแรงในครอบครัว
นักเขียนซีไรต์ อัด ส.ส.พรรคส้ม แทรกแซงไปทุกองค์กร ตั้งตัวเป็นผู้ถูกต้องในประเทศไทย!
นายวิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ พวกเมิง(นักการเมือง) ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ มีหน้าที่ออกกฎหมาย "ใหม่" รวมทั้งรัฐธรรมนูญด้วย กฎหมายของพวกเมิงจะผ่านหรือไม่ผ่านก็เรื่องของพวกเมิง(นักการเมิง) สู้กันไปเอง ศาลหรือฝ่ายตุลาการไม่เกี่ยว ไม่ยุ่งกับพวกเมิง
ดร.เสรี โต้นักการเมืองรุ่นลายคราม ตรรกะป่วย ‘นักการเมืองไม่ใช่อาชญากรฯ‘
ดร.เสรี โต้ตรรกะป่วย ของนักการเมืองอาวุโสที่ว่า ‘นักการเมืองไม่ใช่อาชญากร ไม่ควรถูกลงโทษรุนแรง’ ซัดถ้าคอร์รัปชัน-โกงชาติ สร้างความเสียหายต่อคนทั้งปร
ร่างพ.ร.บ.ชาติพันธุ์ฯ อีกหมุดหมาย สร้างความเท่าเทียมในสังคมไทย
เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเสียงข้างมาก เห็นชอบ “ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. … “ในวาระสาม ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 312 ต่อ 84 เสียง