'นักเขียนซีไรต์' ย้อน 'บาดแผล' จากความบ้าคลั่งของการเปลี่ยนแปลงแบบท่องอาขยาน


23 ส.ค.2567- วิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า

"เราต้องการความเปลี่ยนแปลง"

โลกเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกขณะจิต ชีวิตคนก็เช่นกัน ประเทศไทยวันนี้กับเมื่อ 50 ปีก่อนก็เปลี่ยนไปมาก แต่คนก็ยังประกาศว่า "ต้องการความเปลี่ยนแปลง"

พวกเขาหมายถึงความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง-การปกครอง จากระบอบปัจจุบันที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไปเป็นสาธารณรัฐที่ไม่มีพระมหากษัตริย์ ด้วยเหตุผลว่า "สถาบันพระมหากษัตริย์ถ่วงความเจริญ" ทั้งที่ความจริง พวกนักการเมืองต่างหากที่ถ่วงความเจริญ ปิดกั้น กดทับ ทำลายโอกาสที่ประเทศชาติจะเจริญไปอย่างมีคุณภาพ เพราะพวกเขาเป็นทั้งฝ่ายบริหาร(รัฐบาล)และฝ่ายนิติบัญญัติ(ออกกฎหมาย) ที่มีอำนาจจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่เปลี่ยนแปลงอะไรก็ได้

แต่ผมก็ไม่ได้แปลกใจอะไร ที่ในปัจจุบันยังมีคนประกาศว่าต้องการความเปลี่ยนแปลง เพราะในยุค "คนเดือนตุลา" ก็ประกาศกันอย่างนี้ ตอนนั้นมีทั้งพรรคการเมืองในสภา และก็มีพรรคการเมืองในป่า (พคท.) ที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงร่วมกัน แต่ถูกความเปลี่ยนแปลงของตนทำลายตนเสียก่อน!

ย้อนลึกเข้าไปอีก จีน สหภาพโซเวียตรัสเซีย ประเทศในยุโรปตะวันออก แม้แต่เขมร ลาว ก็ประกาศว่า "ต้องการเปลี่ยนแปลง" แล้วก็รบร่าฆ่าฟันกันอยู่หลายปีจึงเปลี่ยนแปลงได้ เปลี่ยนแปลงจากระบอบเดิมของแต่ละประเทศเป็น "รัฐสังคมนิยม"

แต่ไม่ช้าไม่นานก็มีเสียงแผ่วเบาเป็นลำนำอันโศกเศร้าเสียใจว่า "ต้องการความเปลี่ยนแปลง" ใหม่ เพราะคนพวกนี้ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่โหดเหี้ยมทารุณ ทำงานหนัก ป่วยไข้ มีกินมีใช้พอประทังชีวิต เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาทำนั้นเป็นของรัฐ รวมทั้งชีวิตของพวกเขาด้วย

เสียง "เราต้องการความเปลี่ยนแปลง" ดังขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับโดนกำจัดมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเจ้าของรัฐหรือชนชั้นผู้ปกครองไม่ยอมให้เปลี่ยนแปลง เพราะเมื่อเปลี่ยนแปลงแล้ว พวกเขาก็จะสูญเสียอำนาจการเป็นเจ้าของประเทศ

แต่การเปลี่ยนแปลงก็มาถึงจนได้! สหภาพโซเวียตรัสเซียเปลี่ยนแปลง ประเทศแตกเป็นเสี่ยง ประเทศในยุโรปตะวันออกก็เปลี่ยนแปลง จีนก็เปลี่ยนแปลงแบบหัวมังกุท้ายมังกร เกาหลีเหนือก็เปลี่ยนเแปลงเป็นเผด็จการยิ่งขึ้น มีการสืบทอดอำนาจจากรุ่นสู่รุ่น

เปลี่ยนแปลงจากระบอบเดิมเป็นรัฐสังคมนิยมก็สูญเสีย
ระหว่างเป็นรัฐสังคมนิยมก็สูญเสีย
เปลี่ยนแปลงจากรัฐสังคมนิยมกลับเป็นทุนนิยมก็สูญเสีย

สูญเสียประชากร ความเป็นมนุษย์ เสรีภาพ โอกาสของชีวิต เวลา ทรัพยากร ฯลฯ สิ่งที่ได้รับตอบแทนสำหรับผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่คือ "บาดแผล" จากความบ้าคลั่งของการเปลี่ยนแปลงแบบท่องอาขยานตาม ๆกัน
หลายประเทศได้สูญเสียสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็น "หลักใจ" ไปอย่างไม่ย้อนคืน และต้องผจญกับชะตากรรมที่แตกต่างจากเดิม ซึ่งก็มีทั้งประโยชน์และโทษ

ผมเข้าใจว่าพวกที่ต้องการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน ไม่ได้ต้องการเปลี่ยนแปลงไปเป็นรัฐสังคมนิยมแบบเก่า แม้มีคนอยากให้เป็นเช่นนั้น เพราะคนส่วนมากไม่ยอมแน่ และโลกก็เปลี่ยนไปแล้วจากยุคไร้เดียงสา

ตัวถ่วงความเจริญของประเทศไทยไม่ใช่สถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เป็นนักการเมือง ข้าราชการขี้โกง และพวกต้องการจะเปลี่ยนแปลงแบบอาขยาน โดยไม่เห็นหัวใคร

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟาดกลับ 'ด้อมส้ม' ไม่ต้องบอกว่าเจ็บปวด ตอนใส่ร้ายเจ้า มุ่งล้มเจ้า เขาเจ็บปวดมากกว่า

วิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่าเมิงไม่ต้องบอก บอกว่าเจ็บปวด

แรง! นักเขียนซีไรต์ บอกหลอมรวมแล้วปกครองคือรัฐบุรุษ แบ่งแยกสร้างความเกลียดชังคือทรราช

วิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก พวกส้มใช้ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศ หรือชักศึกเข้าบ้าน

'ปิยบุตร' ปลุกสาวกส้มบอกยุบพรรคเรื่องสิวๆ ปี 2570 กลับมาเป็นรัฐบาลแน่นอน

'ปิยบุตร' ชี้ยิ่งยุบ 'ก้าวไกล' พรรคยิ่งโตหนึ่งเท่าตัว ย้ำเจตนารมย์ต้องการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ชวน สส.พรรคร่วมรัฐบาล โหวตแก้ พ.ร.ป. พรรคการเมือง

ยกประวัติศาสตร์บ่งบอกชัด คนไทยอยู่รอดปลอดภัย เพราะมีสถาบันพระมหากษัตริย์

ประวัติศาสตร์บอกเราว่า ที่คนไทยอยู่รอดปลอดภัย ดำรงความเป็นชาติ และมีอิสระเสรีภาพ ไม่เป็นขี้ข้า หรือเมืองขึ้นของต่างชาติ เพราะไทยมีสถาบันพระมหากษัตริย์