เปิด 7 ความเสี่ยง รัฐบาล 'แพทองธาร' จะบริหารประเทศต่อไปด้วยความยุ่งยาก

21 ส.ค.2567- นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์ตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เรื่อง 7 ความเสี่ยง รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร มีเนื้อหาดังนี้

1. ความเสี่ยงในคุณสมบัติของ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
โดยการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี จะต้องแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ให้มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และไม่มีพฤติกรรมที่เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (5) ซึ่งรวมถึงนายกรัฐมนตรีจะต้องถูกตรวจสอบในมาตรฐานนี้ต่อไปด้วย
แปลว่าคณะรัฐมนตรีที่มีข้อสงสัยว่าจะไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หรือมีพฤติกรรมที่เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง หากมีการเสี่ยงฝืนแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ย่อมส่งผลทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา170 วรรคหนึ่ง(4) ซ้ำร้อยอดีตนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน
ดังนั้นการที่นายกรัฐมนตรีให้แต่ละพรรคการเมืองเสนอรายชื่อรัฐมนตรีวันนึ้ เพื่อส่งให้กฤษฎีกาตรวจสอบคุณสมบัติ “ทุกวงเล็บ” ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ในเรื่องคุณสมบัติของรัฐมนตรี
โดยเฉพาะเรื่องมาตรฐานจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เพื่อแสดงความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ของนายกรัฐมนตรีเอง แม้อาจจะสร้างความไม่พอใจกับ ส.ส.บางกลุ่ม จนอาจต้องมีการแยกก๊วนย้ายพรรค แต่ก็เชื่อว่าในที่สุดแล้วจะเป็นที่เข้าใจได้ต่อทุกพรรคการเมืองในการ “ลดความเสี่ยง”ต่อสถานภาพของผู้แต่งตั้งคือนายกรัฐมนตรีที่ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง
ส่วนกรณีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นั้นจะขาดคุณสมบัติหรือไม่ คงไม่น่าจะสามารถพิสูจน์ได้ง่ายในเรื่องอดีตที่เกี่ยวกับการศึกษาและการสอบในสมัยวัยเด็กที่ผ่านมานานแล้ว
แต่การถือหุ้นนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในบริษัทที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ซึ่งเป็นที่ดินธรณีสงฆ์ โดยศาลฎีกามีคำสั่งเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 ไม่รับอุทธรณ์ของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย ส่งผลทำให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ต้องโทษจำคุก 2 ปี เพราะใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อันเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ต่างตอบแทน หวังให้ได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งระดับสูงในภายหลัง
คดีดังกล่าวน่าจะยังมีความเสี่ยงต่อคุณสมบัติต่อรัฐมนตรีซึ่งย่อมถูกนำไปเทียบเคียง กับคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำที่ คมจ. 1/2564 ของนางสาวปรีณา ไกรคุปต์ ที่ได้รับมรดกจากบิดาที่เข้าครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยศาลฎีกาได้สั่งเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2564 ให้นางสาวปรีณา ไกรคุปต์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ และต่อมาศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาวันที่ 6 เมษายน 2565 มีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตลอดไป ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 235 วรรคสี่ และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 87 และมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ข้อ 3 ข้อ 17 ประกอบข้อ 27 วรรคสอง
คำถามที่มากรณีการส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรีให้กฤษฎีกาตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี “ทุกวงเล็บ” ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 นั้น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร จะกล้าหาญเพียงพอเพื่อสอบถามกฤษฎีกาในคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีจากรณีการถือหุ้นอัลไพน์ด้วยหรือไม่? ถ้าจะเลือกปฏิบัติหรือ “ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” ที่จะไม่สอบถามกฤษฎีกาในประเด็นของตัวเองด้วยแล้ว จะพิสูจน์ลักษณะซ้ำรอยนายเศรษฐา ทวีสิน ในกรณีที่รู้อยู่แล้ว แต่ยังไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่

2.ความเสี่ยงต่อระบบสภาผู้แทนราษฎร โดยฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคประชาชนก็มีความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง หรือตัดสิทธิทางการเมือง ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของพรรคประชาชน 44 คน จากรณีเคยเข้าชื่อกัน เพื่อยกเลิกและแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
และกรณีความเสี่ยงการประกาศบริจาคเงินเข้าพรรคประชาชนที่มีความเสี่ยงทางกฎหมายในหลายมิติแบบดิ้นได้ยาก
ในขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้งก็มีความเสี่ยงถูกดำเนินคดีความในฐานอนุญาตปล่อยให้พรรคก้าวไกลไปหาเสียงนโยบายอันเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ได้นั้น
ทั้ง 2 ประการข้างต้น ทำให้เห็นถึงความเสี่ยงไม่เพียงต่อระบบในสภาผู้แทนราษฎรต่อฝ่ายค้านและรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังมีความเสี่ยงต่อระบบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรอยู่ข้างหน้าอีกด้วย

3.ความเสี่ยงในนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยเติมเงินดิจิตอลวอลเล็ตที่อาจเสื่อมเสียทางการเมืองเพราะผิดสัญญาประชาคม (โดยครอบครัวชินวัตรเอง) หรือหากเดินหน้าแบบเดิมก็อาจจะมีความเสี่ยงต่อกฎหมายถึงขั้นเสี่ยงคุกตะรางเช่นกัน
ในขณะที่นโบายที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตรเคยหาเสียงเอาไว้ ประชาชนย่อมต้องทวงถามนโยบายการลดราคาพลังงาน “ทันที” ว่าจะทำได้หรือไม่
เมื่อมองไปแล้วเห็นแต่ความเสื่อมและความเสี่ยงรออยู่ข้างหน้า อย่างที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

4.ความเสี่ยงในเรื่องความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ เช่น ความพยายามแก้ไขเรื่องของการโยกย้ายผู้บัญชาการเหล่าทัพด้วยอำนาจทางการเมือง และความพยายามในการสมรู้ร่วมคิดแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพื่อประโยชน์ของนายทักษิณ ชินวัตร เป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างยิ่งในการต่อต้านของประชาชน ที่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงต่อการรัฐประหารได้ทั้งสิ้น

5.ความเสี่ยงในนโยบายที่อาจจะเกี่ยวข้องกับประโยชน์ในครอบครัวชินวัตร เช่น พื้นที่แหล่งพลังงานที่อ้างสิทธิทางทะเลระหว่างไทยกัมพูชา หรือการออกฎหมายนิรโทษกรรมให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หากไม่เดินหน้าก็อด แต่เดินหน้าต่อไปความเสี่ยงทางการเมืองและกฎหมายอย่างแน่นอน

6.ความเสี่ยงคดีทั้งหลายของนายทักษิณ ชินวัตร ทั้งเรื่องการไม่ติดคุกเลยแม้แต่วันเดียว การแต่งชุดขาวอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 คดึเหล่านี้จะเป็นความเสี่ยง เสมือนโซ่ตรวนคล้องคอแล้วกระตุกนายทักษิณ ชินวัตรหรือไม่ และเมื่อไหร่ ไม่มีใครทราบได้ และจะนำไปสู่การผลักดันนิรโทษกรรมให้กับคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพื่อเอื้อประโยชน์ของทักษิณหรือไม่
ในขณะที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี จะอาศัยอำนาจในการดำเนินกระบวนการที่เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบิดาตัวเองหรือไม่

7.ความเสี่ยงจากสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจรุมเร้า ทั้งจากหนี้สินครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น หนี้สินภาครัฐสูงขึ้น ปัญหาปากท้องรุมเร้า ราคาพลังงานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การทยอยปิดโรงงานอุตสาหกรรม การแย่งแข่งขันทางการค้าและการกีดกันทางการค้าที่รุนแรงจากต่างประเทศ
แต่ยังมีเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ ที่มีความเสี่ยงถึงขั้นเป็นความขัดแย้งหรือสงครามระดับโลก
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร จะเป็นนายกรัฐมนตรีและทีมงานจะมีวิสัยทัศน์และความสามารถในการฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจที่ผันผวน เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้หรือไม่ โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมด้าน ความมั่นคงทางอาหาร พลังงานและยารักษาโรค ฯลฯ

ดูจากสถานการณ์ความเสี่ยงทั้ง 7 ด้านดังที่กล่าวมาข้างต้น ประเทศไทยจะบริหารประเทศต่อไปด้วยความยุ่งยาก และยากลำบากอย่างยิ่ง และมีความเสี่ยงที่จำต้องมีนายกรัฐมนตรีคนไหม่ต่อจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ด้วยหรือไม่

ด้วยความปรารถนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
20 สิงหาคม 2567

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กระตุก 'ทักษิณ' ลูกสาวโตแล้ว จะแนะนำอะไรก็เงียบๆ มันไม่ได้ส่งเสริมบทบาทลูกสาวเลย

.ส.รัชดา ธนาดิเรก อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีต สส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีที่มีข่าวว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บิดาของนส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าตึกชินวัตร

พปชร.แตก!ถีบป้อม ธรรมนัสโชว์สส.29+5 แม้วเคาะกะลา‘ปชป.’

"พท." ชื่นมื่นจัดเซอร์ไพรส์วันเกิด "อิ๊งค์" ล่วงหน้า "นายกฯ" ย้ำต้องสกรีนคุณสมบัติรัฐมนตรีให้เข้ม แย้ม รมต.เพื่อไทยรอสรุป 1-2 วันนี้

'อนาคตไกล' เตือนนายกฯอิ๊งค์ ระวังซ้ำรอย 'เศรษฐา' แนะต้องรอบคอบแต่งตั้งรมต.

นายภูษิต มิ่งขวัญ รักษาการเลขาธิการพรรคอนาคตไกล หยิบยกคดีนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ในสาระสำคัญเรื่องของความซื่อสัตย์สุจริต

นายกฯ โยน พปชร. เคลียร์ในพรรคกันเอง รมต.เพื่อไทยยังไม่เคาะ รอสรุป 1-2 วันนี้

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงพร้อมให้สัมภาษณ์ ถึงความคืบหน้าของรัฐมนตรีในส่วนของพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้วหรือไม่ ว่า ยังไม่ได้คุยกัน เดี๋ยวจะมีการคุยกันในวันนี้หรือพรุ่งนี้ ซึ่งจะต้องมีการเริ่มพูดคุยกันเยอะขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะจบทั้งหมด แต่จะเป็นการเริ่มทยอยคุยกันเยอะขึ้น

'หมอมิ้ง' ยันรายชื่อรัฐมนตรี พปชร. ยังไม่ถึงมือ ยอมรับต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ได้รับมอบหมายในการรวบรวมรายชื่อว่าที่

'ธรรมนัส' ครวญ! รับใช้คนๆหนึ่งพอแล้ว ขอประกาศอิสรภาพ พร้อมจะไปที่ที่มีความสุข

ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีชื่อ