13 ม.ค.2565 - ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ข้อมูลการฉีดวัคซีนเป็นความลับหรือไม่ เป็นข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่ เป็นข้อมูลอ่อนไหวหรือไม่ ตรวจสอบได้หรือไม่?
ผมไปไหนมาไหนต้องควักโทรศัพท์มือถือเปิดให้ดูใบวัคซีนจากหมอพร้อมก่อนเลย บางที่ประชุมไลน์มาถามก่อนเลยว่ามีใบวัคซีนและผลตรวจ ATK ไม่เกิน 7 วันหรือไม่ ให้ส่งมาให้ทางไลน์ก่อนเข้าประชุม จะได้สะดวก แค่วัดอุณหภูมิอย่างเดียว
ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะก็ขอตรวจใบวัคซีนและขอผลตรวจ ATK ไม่เกิน 7 วันสำหรับคนที่เข้าไปติดต่อ
ประวัติการฉีดวัคซีน ไม่ใช่ความลับอะไร ตรงกันข้าม เป็นใบเบิกทาง ใบผ่านทาง ไม่ให้สังคมรังเกียจ และเข้าไปติดต่อในสถานที่ต่างๆ ได้ คนเห็นใบวัคซีนของผมเป็นร้อยๆ คนแล้วด้วยซ้ำ และวิธีการใช้หมอพร้อมก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่ดาวน์โหลดและกรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชนเท่านั้น
ตามพรบ.ข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 มาตรา 6 “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ คำว่าระบุตัวบุคคลได้คือ personal identifier อย่างเช่น มีนายคนหนึ่ง ฉีด Sinovac Sinovac และ AstraZeneca เป็นเข็มกระตุ้มเข็มที่สาม ไม่เพียงพอที่จะระบุตัวบุคคลนั้นได้เลย เพราะคนไทยที่ฉีดวัคซีนแบบนี้คงมีหลายแสนหลายล้าน จึงไม่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลแต่อย่างใด
แต่เบอร์โทรศัพท์มือถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลเพราะทำให้ระบุตัวตนของผู้ใช้ที่ต้องจดทะเบียนได้ ประวัติการฉีดวัคซีนไม่ได้เป็นทั้งข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ได้เป็นความลับอะไร ไม่ใช่ประวัติการรักษาโรค ประวัติการเจ็บป่วย ประวัติการรับประทานยาที่อาจจะทำให้ทราบว่าป่วยเป็นโรคอะไร
ดังนั้นไม่ใช่ข้อมูลที่อ่อนไหว (Sensitive data) แต่อย่างใด
การเปิดเผยข้อมูลการฉีดวัคซีนทำให้ได้รับการยอมรับและเข้าไปยังสถานที่ต่างๆ ได้เพื่อให้สามารถควบคุมโรคระบาดได้ นอกจากนี้ยังมีคนเข้าถึงข้อมูลประวัติการฉีดวัคซีนของเราอยู่แล้วมากมาย
วัคซีนซื้อมาด้วยเงินภาษีของประชาชน ใครได้ฉีดวัคซีนอะไร ในเวลาไหน ในเวลาที่วัคซีนมีจำกัดและมีประชาชนยังไม่สามารถเข้าถึงได้อีกมาก จึงเป็นข้อมูลที่สมควรตรวจสอบได้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐได้จัดสรรวัคซีนอย่างเป็นธรรม เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ มีประชาชนหรือคนมีอิทธิพลใดที่ทำลายความเท่าเทียมกันในสังคมในการเข้าถึงวัคซีน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักการเมืองที่เป็นบุคคลสาธารณะต้องได้รับการตรวจสอบได้ จึงเป็นสิ่งที่มีเหมาะสม
ประชาชนคนธรรมดาทั่วไปที่ทำตามกติกาและกฎเกณฑ์ของรัฐในการเข้าถึงวัคซีนย่อมไม่มีใครเดือดร้อนเสียหายจากใบประวัติการฉีดวัคซีน
ยกเว้นคนที่ลัดคิว ทำผิดหลักการ กฎเกณฑ์ในการจัดสรรทรัพยากร หรือเป็นอภิสิทธิชนในเวลาที่ประชาชนอื่นๆ ยังขาดแคลนและเข้าไม่ถึงวัคซีน
น่าสงสารเหลือเกินที่มีนักการเมืองล้มเจ้าหลายๆคน ดิ้นแทบเป็นแทบตายเมื่อประวัติการฉีดวัคซีนของตนเองได้รับการเปิดเผยสู่สาธารณะ คงมีพฤติกรรมที่เลวร้าย ทำลายความยุติธรรม เพิ่มความเหลื่อมล้ำในสังคม เป็นพวกปากว่าตาขยิบ เป็นพวกเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง เป็นพวกปีศาจคาบคัมภีร์ เป็นพวกที่สังคมคงตั้งคำถามได้ใช่หรือไม่?
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โพลฉีกหน้ารบ.ยับ ไม่วางใจคุย‘เขมร’
งามหน้า! นิด้าโพลเผยชัดคนส่วนใหญ่ที่รู้เรื่อง MOU 2544
คปท. ยุ ‘ธนาธร’ ตั้งกองกฐินสู้ ‘ทักษิณ’ อย่างจริงจัง อย่าสู้ไปเจรจาไป
แกนนำ คปท. ยุ ธนาธร ตั้งกองกฐินอีกกองสู้กับ ทักษิณไปเลย สู้ให้จริงจัง อย่าสู้ไปเจรจาไป
‘แม้ว’ ย่ามใจไม่เลี้ยงหลาน ทำตัวเป็น ‘ส่วนหนึ่งของปัญหา’
แม้แต่ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ประธานคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยังตั้งคำถามต่อ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี
'ดร.อานนท์' ยก MOU ไทย-มาเลเซีย เทียบ MOU44 ขัดรธน. เป็นโมฆะ การก้าวล่วงพระราชอำนาจ
ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า
'ธนาธร' โต้ 'ทักษิณ' รู้ดีมีเหตุผลอื่นที่ 'ก.ก.-พท.' ไม่ได้ร่วมรัฐบาลกัน แต่ใช้ม.112เป็นข้ออ้าง
'ธนาธร' โต้ 'ทักษิณ' เหตุที่ 'ก้าวไกล-เพื่อไทย' ไม่ได้ร่วมรัฐบาลกัน ไม่เกี่ยวกับม.112 ไม่มีอยู่ในเอ็มโอยู เผยตัวเองรู้ดีที่สุดว่ามีเหตุผลอื่น แล้วใช้ม.112 เป็นข้ออ้าง ซัด 'ทักษิณ' น่าจะเป็นคนที่เข้าใจปัญหาโครงสร้างดีที่สุด แทนที่จะร่วมแก้ปัญหา กลับเลือกเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา
'ดร.อานนท์' อธิบายภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายๆ เรื่อง MOU44
ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ สาขาวิชาสถิติศาสตร์