กมธ.ปลาหมอคางดำ จี้นายกฯนั่งหัวโต๊ะแก้ปัญหา เหน็บแอคชั่นทุกเรื่อง แต่จุดจบเงียบหาย

กมธ.ปลาหมอคางดำ เชิญหน่วยงาน ถกข้อกฎหมาย ฟ้องร้องหน่วยงานรัฐ คาด มูลค่าเสียหายเฉียดหมื่นล้าน ด้าน 'ณัฐชา' ซัด 7 มาตราการแก้ปัญาไม่ตอบโจทย์ จี้ 'นายกฯ' นั่งหัวโต๊ะหาแนวทาง อย่าให้เรื่องเงียบแบบหมูเถื่อน

1 ส.ค.2567 - เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ เปิดเผยว่า วันนี้ กมธ.ได้เชิญสำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมถึงนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี มาพูดคุยเรื่องข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับด้านสิ่งแวดล้อม ที่เราจะสามารถดำเนินการได้ อย่างไรก็ตาม นายวิษณุไม่ได้มาร่วมประชุม

นายณัฐชา กล่าวว่า ที่ต้องเชิญมานั้น เนื่องจากประชาชนเตรียมที่จะฟ้องหน่วยงานภาครัฐ หากหน่วยงานยังนิ่งนอนใจ ไม่ดำเนินการใดๆ ก็ต้องแบกความรับผิดชอบ และภาษีของประชาชน กมธ.จึงต้องเดินหน้า เพื่อหาต้นตอสาเหตุของเรื่องนี้ให้ได้ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องกฎหมายทั้งหมด และจะส่งหนังสือไปยังหน่วยงานและหัวหน้าส่วนราชการ ทั้งกรมประมง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นายณัฐชา กล่าวต่อว่า ในส่วน 7 มาตรการของหน่วยงานภาครัฐ งบประมาณ 450 ล้านบาท ตนมองว่ายังไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร เพราะเป็นสิ่งที่สังคมทำอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เขารอคอย คือต้นตอสาเหตุ และการประกาศเขตภัยพิบัติ เพื่อปั๊มหัวใจเกษตรกร ซึ่งเรายังไม่ได้ยินความชัดเจนจากฝ่ายบริหารเลย

นายณัฐชา กล่าวอีกว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศอย่างมหาศาล ไม่สามารถปฏิเสธได้ ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น ต้องยืนหยัดเคียงข้างเกษตรกร เกษตรกรเปรียบเสมือนลูกค้า ส่วนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย ต้องบรรเทาทุกข์ให้ประชาชนทั้ง 17 จังหวัด รวมถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำรัฐบาล ต้องนั่งหัวโต๊ะ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ อย่าให้เขาครหาหาว่าแอ็คชั่นทุกเรื่อง แต่จุดจบเหมือนกัน เพราะหมูเถื่อนก็เงียบหาย ตนจะไม่ยอมให้ปลาเถื่อน จบแบบหมูเถื่อน

นายณัฐชา กล่าวด้วยว่า ส่วนคณะกรรมการ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการนำเข้าปลาหมอคางดำ ที่รัฐบาลได้ตั้งขึ้นมานั้น ทุกวันนี้ตนยังตามหาคณะกรรมการชุดดังกล่าวไม่เจอ แม้ว่าจะครบกําหนด 7 วันแล้ว ใช้งบประมาณถึง 450 ล้านบาท แต่ยังไม่มีความจริงใดๆ ปรากฏ ซึ่งบ่งชี้ได้ว่าหน่วยงานรัฐมีความจริงจังกับประชาชนแค่ไหน สิ่งที่สัญญาไว้ยังไม่คืบหน้า ดังนั้นขอให้สังคมจับตา

เมื่อถามว่า มีการประเมินมูลค่าความเสียหายหรือยัง นายณัฐชา กล่าวว่า มีตัวอย่างชัดเจนแค่ตำบลเดียว ซึ่งคาดว่าเสียหายปีละ 100 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้ประเมินมูลค่าทั้งหมด แต่คร่าวๆ อาจถึง 10,000 ล้านบาท

เมื่อถามถึงกรณีที่บริษัทเอกชน มีการฟ้องร้องสื่อที่นำข้อมูลมาเปิดเผย นายณัฐชา กล่าวว่า เรายํ้าตลอดว่า พื้นที่ที่จะนำเสนอข้อมูลได้ดีที่สุด คือสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นหากต้องการโต้แย้ง นำความจริงให้ปรากฏต่อสาธารณะ ก็ควรมาให้ข้อมูลกับ กมธ. ซึ่งหน่วยงานภาครัฐ ยินดีนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกับของบริษัทเอกชน และหากอยากให้ข้อมูล เราก็ยินดีที่จะส่งหนังสือเชิญรอบที่ 3

เมื่อถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่า กมธ.จะไม่ใช่กระบวนการฟอกขาวให้บริษัทเอกชน นายณัฐชา กล่าวว่า เราต้องการบรรเทาความโกรธของสังคม โดยการทำความจริงให้ปรากฏ ว่าใครคือต้นตอสาเหตุ ส่วนจะต้องมีผู้ถูกดำเนินคดีหรือไม่นั้น ยืนยันว่า กมธ. ต้องการหาผู้รับผิดชอบ ซึ่งปลายทางคือการดำเนินคดี วันนี้ปลาหมอคางดำระบาดไป 17 จังหวัด จากที่ตอนเริ่มต้นมี 2 จังหวัด การนิ่งเฉยทำให้เรื่องนี้บานปลาย จนจะกลายเป็นปัญหาระดับภูมิภาค เราไม่อยากให้เกิดขึ้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เฉลิมชัย' เข้มสั่ง ทส. จัดการ 'ปลาหมอคางดำ' ต่อเนื่อง

“เฉลิมชัย” สั่งกำชับ ทส.แก้ปัญหา “ปลาหมอคางดำ”เข้มข้น ย้ำทำมาต่อเนื่อง ให้ประสานประมง-ท้องถิ่น เร่งแผนควบคุม-กำจัด พร้อมติดตามประเมินผลใกล้ชิด

'ปริญญา' ชี้เป้าจับตา 'กกต.' ยุบเพื่อไทยมาตรฐานเดียวยื่นก้าวไกลหรือไม่   

'ปริญญา' มองการตีความคำว่า 'ชี้นำ-ครอบงำ' กว้าง อยู่ที่ 'กกต.-ศาลรธน.' ตัดสิน หลังคำร้อง 'ยุบเพื่อไทย' ถูกรับไว้ จับตาเดินตามแนวก้าวไกลหรือไม่

'ธนกร' ตบปาก 'ธนาธร' โชว์ธาตุแท้ ปม 112 บนเวที 6 ตุลา

'ธนกร' ฟาด 'ธนาธร' เผยธาตุแท้ หลุดพูดเวที 6 ตุลา ข้องใจพาดพิงสถาบันผิด 112 ทำประเทศก้าวหน้าตรงไหน แนะเอาเวลาไปช่วยน้ำท่วมทำประโยชน์ดีกว่า

'เลขาส้ม' มีแผนสำรอง โดน 112 เหี้ยนพรรค 'ไหมสอง-โรมสอง' เกิดแน่

เลขาธิการพรรคส้ม-ประชาชน ยอมรับเตรียมแผนสำรองไว้แล้ว หากอดีตส.ส.ก้าวไกลแก้ 112  ไม่รอดโดนเกือบหมดพรรค  ระบุเห็นแถวสี่  รับไม้ต่อ “ไหมสอง-โรมสอง”เกิดแน่