1 ส.ค.2567 - พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ประเทศไทยเป็นของคนไทยทุกๆคนจริงหรือเปล่า?
ก้าวสำคัญของอนาคตประเทศไทย ใกล้มาถึงแล้ว เมื่อรัฐบาล ซึ่งประกอบด้วย 5 พรรคการเมือง ตกลงใจรับผิดชอบร่วมกัน ที่จะแจกเงินดิจิทัลฯแน่นอนแล้ว ให้กับประชาชนผู้มีสิทธิ์กว่า 50 ล้านคน
ประชาชนส่วนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยแบบผม ซึ่งมีเป็นล้านๆ คนขึ้นไป อีกทั้งเป็นผู้เสียภาษี ก็คงจะต้องอยู่ในภาวะจำยอมไปด้วยโดยปริยาย แต่ก็มีข้อห่วงใย ต่อคนดีๆ หลายคน ที่อยู่ในพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล ว่าจะซวยตามไปด้วยหรือไม่ ในอนาคต ... จึงอยากให้ ท่านเหล่านั้น ตอบคำถามบางเรื่องทิ้งไว้เป็นหลักฐาน เอาไว้ใช้ต่อสู้คดีใน "ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง" ในอนาคต เช่น
1.ต้นทุนการแจกเงินดิจิทัล ทั้ง ขาไป และ ขากลับ รวมถึง การจัดทำระบบเงินนี้ด้วยว่า เสียค่าใช้จ่าย ด้านบริหารจัดการ และระบบ IT ไปเท่าไร บริษัทใด เป็นผู้รับงานบ้าง และบริษัทใด ทำหน้าที่อะไร ได้รับค่าจ้างบริษัทละเท่าไหร่ มีเอกสารจัดซื้อ จัดจ้าง ถูกต้อง ครบถ้วน หรือไม่
2. รัฐมนตรี ทุกท่าน ควรจะสามารถตอบคำถามให้ได้ว่า เหตุใจจึงต้องแจกเป็นเงินดิจิทัล และไม่แจกเป็นเงินสด และธุรกิจรากหญ้า เช่น แม่ค้าในตลาดสด จะได้ประโยชน์จากโครงการนี้อย่างไร
3. ใคร องค์กรใด เป็นผู้ประเมิน ความครอบคลุม และความเสี่ยง ของโครงการนี้ และความเสี่ยงดังกล่าว มีอะไรบ้าง ทั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ครม.ได้พิจารณาทุกเรื่องอย่างรอบคอบแล้ว และรับทราบความเสี่ยงแล้ว ก่อนตัดสินใจ
4. รัฐบาลดึงเงินมาจากงบประมาณส่วนใดมาบ้าง เป็นการใช้จ่ายงบประมาณ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และวินัยการเงิน การคลัง หรือไม่ และการดึงเงินออกมาครั้งเดียว 500,000 ล้านบาท เช่นนี้ จะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง ต่อระบบการเงิน การคลัง และเศรษฐกิจของประเทศ โดยรวม ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
5. หลังจากการแจกเงินไปแล้ว ไทยจะต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก ปีละเท่าไร รวมเป็นภาระหนี้ และดอกเบี้ยเท่าไหร่ ใครเป็นเจ้าหนี้ของรัฐบาลบ้าง และในปีงบประมาณ 2567-68 งบลงทุนของรัฐ จะเหลือเท่าไร
6. รายชื่อผู้ที่ได้รับเงินแต่ละจังหวัด ควรจะต้องถูกเปิดเผยที่อำเภอ ครบทุกคน เพื่อความโปร่งใส และเพื่อป้องกันบัญชีผี
7. เมื่อจบการแจกเงินแล้ว ต้องประกาศชื่อคนที่ถูกตัดสิทธิ์ ไม่ได้มารับเงินด้วย เพื่อความโปร่งใส เช่นเดียวกัน
8. ต้องจัดตั้งคณะทำงานจาก กลุ่มองค์การระหว่างประเทศ ธุรกิจภาคเอกชน บริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจ และ นักวิชาการ ประเมินผลของการแจกเงินในครั้งนี้ ต่อเศรษฐกิจของชาติ โดยเปรียบเทียบ ก่อน และหลัง การแจกเงินครั้งนี้ (ภาคเอกชนเตรียมตัวจะประเมินโครงการ จากผลกระทบต่อ ยอดขายทางธุรกิจของเค้าอยู่แล้ว)
ขอให้ท่าน รมต. ทั้งหลายโชคดีกันทุกๆคนนะครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นิพนธ์' ซัดรัฐบาลแจกเงินหมื่น เฟส 2 หวังผลการเมือง ไม่ใช่กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย-อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอดีตนายก อบจ. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 2 ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีการแจกเงินสด 10,000 บาท ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนในระบบและยืนยันตัวตนแล้ว รวมกว่า 4 ล้านคน
ป้า 67 ป่วยหลายโรค หาบเร่ขายของเลี้ยงชีพ หวังได้เงินหมื่น เฟส 2 หวั่นตกหล่น บัตรคนจนก็ไม่มี
บุรีรัมย์ ป้า 67 ป่วยความดัน มีก้อนเนื้อที่คอ แต่ต้องหาบเร่ขายของเลี้ยงชีพและลูกพิการ หวังได้เงินหมื่น เฟสสอง มาแบ่งเบา
'ศิริกัญญา' งง รอมา 2 เดือน นโยบายกระตุ้นศก.ไม่มีอะไรชัดเจน ย้อนถามแจกเงินหมื่นช่วยอะไรได้
นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า
รัฐบาลจัดเต็มลุย 'พักดอกเบี้ย' นาน 3 ปี ช่วยลูกหนี้ 3 กลุ่มใหญ่
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบแนวทางการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน
ชาวนาเฮ! รัฐบาลเคาะแจกไร่ละ 1 พันบาท เล็งปรับโครงสร้างเกษตรทั้งระบบ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วันนี้ เห็นชอบหลักการช่วยเหลือเกษตรกร ผ่านโครงการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท
รัฐบาลเคาะแจกเงินหมื่น เฟส 2 ให้คนอายุ 60 ปีขึ้นไป ก่อนวันตรุษจีนปี 68
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่ 1/2567 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การคลัง