'ก.พ.ค.ตร.'ถกปม 'บิ๊กโจ๊ก' อุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการไม่แล้วเสร็จ พิจารณาต่ออีกครั้ง 1 ส.ค.นี้
31 ก.ค.2567 - ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 30 ก.ค.นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ ประธานคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) เรียกประชุม ก.พ.ค.ตร. นัดประชุมพิจารณาสำนวนอุทธรณ์จำนวน 2 สำนวนโดยมีกรรมการเข้าร่วมประชุมครบทุกท่าน
สำนวนแรก เป็นสำนวนอุทธรณ์คำสั่งไล่ออกจากราชการคู่กรณีทั้งสองฝ่ายไม่ประสงค์ยื่นคำแถลงเป็นหนังสือและแถลงด้วยวาจา ต่อ ก.พ.ค.ตร. และ ก.พ.ค.ตร. มีมติเห็นชอบตามที่กรรมการเจ้าของสำนวนเสนอ
สำนวนที่สอง สำนวนอุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ระหว่าง พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
โดยสำนวนนี้ มีกรรมการเข้าร่วมประชุมครบทุกท่าน ยกเว้น พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เพียงท่านเดียวที่เห็นว่างมีกรณีอันอาจถูกคัดค้านได้ตามข้อ 34 ของกฎ ก.พ.ค.ตร. จึงได้ประสงค์ขอถอนตัวเองออกจากการพิจารณาวินิจฉัยฯ และที่ประชุม ก.พ.ค.ตร. ได้มีมติให้งดการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้
ก.พ.ค.ตร. ได้เปิดโอกาสให้คู่กรณีทั้งสองฝ่าย คือ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ผู้อุทธรณ์ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คู่กรณีในอุทธรณ์ที่มอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้แทน โดยที่แต่ละฝ่ายได้มีความประสงค์ที่จะยื่นคำแถลงเป็นหนังสือและแถลงด้วยวาจาต่อ ก.พ.ค.ตร. ซึ่งคำแถลงที่เป็นหนังสือและคำแถลงด้วยวาจาของแต่ละฝ่ายนั้น จะยกข้อเท็จจริงที่มิเคยได้ยกขึ้นอ้างไว้แล้วไม่ได้ เว้นแต่เป็นข้อเท็จจริงที่เป็นประเด็นสำคัญ ที่คู่กรณีสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีเหตุจำเป็นหรือพฤติการณ์พิเศษที่ทำให้ไม่อาจเสนอต่อ ก.พ.ค.ตร. หรือกรรมการเจ้าของสำนวนก่อนหน้านั้นได้ และ ก.พ.ค.ตร. จะรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวไว้ได้ก็ต่อเมื่อได้เปิดโอกาสให้คู่กรณีอีกฝ่ายได้แสดงพยานหลักฐานหรือข้อเท็จจริงหักล้างแล้วเป็นสำคัญด้วยเช่นกัน
โดยประธานได้ให้ผู้อุทธรณ์เป็นผู้แถลงก่อน และตามมาด้วยคู่กรณีแถลงต่อในลำดับถัดมา โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 13.40-16.35 น. หลังจากนั้น คู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนามในบันทึกรายงานบวนการพิจารณาในการแถลงดังกล่าว ก.พ.ค.ตร. ได้นำคำแถลงที่เป็นหนังสือและการแถลงด้วยวาจาดังกล่าวทั้งหมดไปประชุมพิจารณาต่อเนื่องร่วมกับคำอุทธรณ์ คำแก้อุทธรณ์ คำชี้แจง และพยานหลักฐานอื่นที่ ก.พ.ค.ตร. ได้มาจากการแสวงหาข้อเท็จจริงไว้ก่อนหน้านี้แล้วต่อจนถึง 18.30 น. แต่ไม่แล้วเสร็จ จึงได้มีมติให้นำไปพิจารณาต่อเนื่องในวันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม เวลา 13.30 น.
หลังจากนั้น ก.พ.ค.ตร. จะมีการจัดทำคำวินิจฉัยเป็นหนังสือโดยเร็ว และจะสามารถเปิดเผยอย่างเป็นทางการได้ก็ต่อเมื่อ ก.พ.ค.ตร. ได้จัดส่งคำวินิจฉัยไปให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายทราบตามที่อยู่ที่คู่กรณีแต่ละฝ่ายได้แจ้งไว้ต่อ ก.พ.ค.ตร. ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นไปตามกฎ ก.พ.ค.ตร. ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ พ.ศ. 2567และกฎ ก.พ.ค.ตร. ว่าด้วยการอุทธรณ์และการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ พ.ศ. 2567
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘บิ๊กต่าย’ไม่หวัง ตำแหน่งผบ.ตร. แม้‘โจ๊ก’พ้นทาง
“บิ๊กต่าย” ไม่คาดหวังได้เสนอชื่อเป็น “ผบ.ตร.” แม้อาวุโสอันดับ 1 หลัง “บิ๊กโจ๊ก” พ้นรอง ผบ.ตร. ขณะที่เลขาฯ
นิดรอผลตร. จ่อทูลเกล้าฯ ปลด‘บิ๊กโจ๊ก’
นายกฯ รอ สลน.ส่งมติ ก.พ.ค.ตร. ปม “บิ๊กโจ๊ก” ออกจากราชการ
นายกฯ พร้อมทูลเกล้าฯ ปม 'บิ๊กโจ๊ก' พ้นเก้าอี้
นายกฯ รอสลน.ส่งมติ ก.พ.ค.ตร.ปม 'บิ๊กโจ๊ก' ออกจากราชการ ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ชี้เป็นสิทธิ์ 'สุรเชชษฐ์' หากร้องศาลปกครองคัดค้านคำวินิจฉัย
'บิ๊กต่าย' เชื่อองค์กรตำรวจรอลุ้น ก.พ.ค.ตร. วินิจฉัย 'โจ๊ก' อุทธรณ์คำสั่งให้ออก
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.เปิดเผยถึงกรณีการประชุมคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.)
หึ่งไม่เอกฉันท์ฟัน‘บิ๊กโจ๊ก’
จับตา 1 สิงหา. "ก.พ.ค.ตร." สรุปชี้ชะตา "บิ๊กโจ๊ก" คาดมติไม่เป็นเอกฉันท์ 4 ต่อ 2 เสียง
'บิ๊กต่าย' ย้ำให้ 'บิ๊กโจ๊ก' ออกจากราชการ ทำด้วยความสุจริตใจ เพื่อรักษาประโยชน์องค์กร
'บิ๊กต่าย' เผยแจง ก.พ.ค.ตร. เรียบร้อย ไม่หนักใจปมเซ็นคำสั่งให้ 'บิ๊กโจ๊ก' ออกจากราชการ ยันทำไปด้วยความสุจริตใจไม่หวังผลประโยชน์เพื่อตนเอง เพื่อรักษาประโยชน์ขององค์กร และความถูกต้องชอบธรรม