'อดีตรองอธิการบดีมธ.' กังขา 'ธนาธร' ขู่ฟ้องผู้กล่าวหา แต่จะยกเลิกม.112 อย่างนี้หรือคือความเท่าเทียม

อดีตรองอธิการบดีมธ.ย้อน'ธนาธร' พูดนำทางด้อยค่า Astra Zeneca ทำให้ปชช.รอแต่วัคซีน mRNA จนไม่ทราบว่าผู้ที่ติดเชื้อแล้วเสียชีวิตเพราะมัวแต่รอmRNAหรือไม่ ขู่ฟ้องผู้กล่าวหาแต่จะยกเลิกม.112 อย่างนี้หรือคือความเท่าเทียมกัน

12ม.ค.2565 - รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า

กรณีที่มีการเสนอข่าวในทางลบต่อคุณธนาธรทั้งในข่าวกระแสหลักบางสำนัก และใน social media ว่าเคยด้อยค่า Astra Zeneca แต่ตัวเองกลับได้ฉีดวัคซีนชนิดนี้ในวันแรกที่คนทั่วไปที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ ไม่ใช่ผู้สูงอายุ และไม่ใช่ผู้มีโรคประจำตัว 7 โรค ได้รับสิทธิในการฉีดวัคซีน คือในวันที่ 1 กค 64 ซึ่งผู้ที่จองคิววัคซีนได้ในช่วงนั้นมีทั้งผู้สูงอายุ และไม่สูงอายุถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดเป็นว่าเล่น และอีกประการ วัคซีน Astra Zeneca ในช่วงนั้นในหลักการ ผู้ที่จะได้รับวัคซีน Astra Zeneca จะต้องมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปเท่านั้น ผู้ที่มีอายุน้อยกว่านั้นจะได้รับวัคซีน Sinovac

น่าสังเกตว่า สื่อที่เป็นสำนักข่าวที่เป็นที่ทราบกันดีว่ายืนอยู่ฝ่ายคุณธนาธร และบรรดาส.ส.ปากกล้าของพรรคก้าวไกล ต่างพากันเงียบกริบกันหมด ในที่สุดคุณธนาธรก็โพสต์ข้อความตอบโต้ทำนองว่าตัวเองไม่เคยด้อยค่าวัคซีน เพียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลจัดหาวัคซีนแบบแทงม้าตัวเดียว ที่มีข้อผิดพลาด จนทำให้เกิดความล่าช้าในกระบวนการฉีดวัคซีนให้ประชาชน และไม่เคยแซงคิวใคร

คุณธนาธรไม่ได้พูดผิดในประเด็นแรก คุณธนาธรไม่ได้ด้อยค่า Astra Zeneca ตรงๆแต่ในการพูดในวันที่ 18 มค 64 ในหัวข้อ "วัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย" คุณธนาธรได้ดูแคลนบริษัท Siam Bioscience ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงจัดตั้งขึ้นว่ามีผลประกอบการขาดทุนมาโดยตลอด แต่กลับได้รับเลือกให้เป็นผู้ผลิตวัคซีน และตั้งคำถามว่า การที่รัฐบาลยังคงทำข้อตกลงกับบริษัท Astra Zeneca ซึ่งมีบริษัท Siam Bioscience เป็นผู้ผลิตภายในประเทศ เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อเอกชน(Siam Bioscience)โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนหรือไม่

หลังจากวันนั้น คุณ เบญจา อะปัญ ได้ไปยืนชูป้ายที่ไอคอนสยามมีข้อความว่า
"ผูกขาดวัคซีน หาซีนให้เจ้า"

ทั้งยังร่วมกับเพนกวินนำม็อบไปประท้วงก่อกวนที่หน้าบริษัท Siam Bioscience อีกด้วย

ก่อนวันที่คุณธนาธรออกมาพูด รัฐบาลได้ตัดสินใจยังไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกใน COVAX ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีบริษัทผู้ผลิตรายใดสามารถพัฒนาวัคซีนได้สำเร็จ สาวก 3 นิ้วเข้าใจผิด คิดว่าการเข้าร่วมใน COVAX จะทำให้ได้รับวัคซีนเร็ว และราคาถูก บางคนคิดว่าจะได้วัคซีนฟรี จึงโจมตีรัฐบาลอย่างหนักในทุกช่องทาง แต่ความจริงคือ ประเทศไทยเป็นประเทศที่ประชาชนมีรายได้ปานกลาง ไม่ใช่ประเทศยากจน การเข้าร่วมใน COVAX ไม่ได้ทำให้ได้รับวัคซีนฟรี หรือในราคาถูก แต่จะต้องจ่ายเงินก้อนโตเป็นเงินลงขันล่วงหน้า อีกทั้งเมื่อถึงเวลาจะได้รับวัคซีน ยังไม่สามารถเลือกชนิดวัคซีนได้อีกด้วย ดังนั้นรัฐบาลจึงยังไม่ตัดสินใจเข้าร่วมใน COVAX ซึ่งต้องไม่ลืมว่าขณะนั้นผู้ติดเชื้อในประเทศไทยมีจำนวนน้อยมาก ดังนั้นการตัดสินใจยังไม่เข้าร่วมใน COVAX และทำข้อตกลงกับ Astra Zeneca ด้วยสถานการณ์ในขณะนั้นจึงน่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

ต่อมาผู้ติดเชื้อในประเทศไทยมีเพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความหละหลวม ปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่ของรัฐ รัฐบาลจึงเร่งติดต่อกับบริษัทผู้ผลิตต่างๆเพื่อจัดซื้อวัคซีนให้ได้เร็วขึ้น มากขึ้น บริษัทผู้ผลิตที่สามารถส่งมอบวัคซีนได้เร็วที่สุดคือ Sinovac และที่ตามมาคือ Astra Zeneca จึงเริ่มให้มีการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ก่อน ต่อมาในต้นเดือนมิถุนายน จึงเริ่มฉีดให้กับผู้สูงอายุและผู้ที่เป็นโรคประจำตัว 7 โรค

ในช่วงนั้นมีผลวิจัยที่ยังเป็นข้อถกเถึยงได้ ออกมาว่า วัคซีน mRNA ได้แก่ Pfizer และ Moderna มีประสิทธิผล(efficacy) สูงกว่าวัคซีนชนิดเชื้อตาย และประเภท viral vector มาก จากนั้นสำนักข่าว 3 นิ้วทั้งหลายก็ประโคมข่าวกันอย่างครึกโครมต่อเนื่อง ทำให้คนกลุ่ม 3 นิ้วด้อยค่า Astra Zeneca และ Sinovac รวมทั้งคุณธนาธรก็โพสต์ข้อความบน Twitter ว่า การตัดสินใจแทงม้าตัวเดียว ทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนช้า น้อย และไม่มีประสิทธิภาพ ความหมายที่เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้คือ วัคซีนที่มีอยู่ในขณะนั้นคือ Sinovac และ Astra Zeneca เป็นวัคซีนที่ไม่มีประสิทธิภาพ

บรรดาสาวก 3 นิ้วทั้งหลายก็ขานรับ ทั้งโจมตีรัฐบาล ทั้งก่อม็อบเรียกร้องให้รัฐบาลจัดหาวัคซีน mRNA มาเป็นวัคซีนหลักให้ประชาชนให้ได้ ทั้งคอยจ้องจับผิดว่า มีการปล่อยให้มีการใช้อภิสิทธิ์แซงคิวฉีดวัคซีนกันหรือไม่

เมื่อเวลาผ่านไป ขณะนี้เป็นที่พิสูจน์แล้วว่า ต่อให้รัฐบาลตัดสินใจเข้าร่วมใน COVAX ก็ไม่มีทางได้วัคซีน mRNA ก่อนหรือพร้อมกับสหรัฐอมริกา และขณะนี้ การอยู่หรือไม่อยู่ใน COVAX แทบไม่มีผลต่อการจัดหาวัคซีนเลยสำหรับประเทศไทย และแทบไม่มีใครพูดถึง COVAX อีกแล้ว ประเทศไทยสามารถจัดการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ตามเป้า และมีวัคซีน mRNA ให้ประชาชนได้เลือก บริษัท Siam Bioscience ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า สามารถผลิตวัคซีนได้ตามตามเป้าทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณธนาธรปรามาสไว้

คุณธนาธรอาจไม่ได้ด้อยค่า Astra Zeneca ตรงๆ แต่จะปฏิเสธได้หรือไม่ว่า การพูดของคุณธนาธรในวันที่ 18 มค 64 หัวข้อ "วัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย" เป็นการพูดนำทาง เป็นจุดเริ่มต้นของขบวนการด้อยค่า Astra Zeneca การขานรับและขยายผลของสำนักข่าว 3 นิ้ว และของบรรดาสาวก และการโพสต์ข้อความต่อๆมาของคุณธนาธรเอง ทำให้ประชาชนจำนวนมากจะรอแต่วัคซีน mRNA เท่านั้น แม้เสียเงินก็ยอม จนไม่ทราบว่าผู้ที่ติดเชื้อแล้วเสียชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้ฉีดวัคซีน เป็นเพราะมัวแต่รอ mRNA หรือไม่

คุณธนาธรโพสต์ข้อความใน fb ด้วยว่า

" ผมพยายามอดทนอดกลั้นมาตลอด กับความพยายามที่จะใส่ร้ายป้ายสี ทำลายความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงของผมโดยคนกลุ่มหนึ่งที่สนับสนุนเผด็จการอนุรักษ์นิยม คนเหล่านี้ปลุกปั้น แต่งเรื่องไม่จริง พูดซ้ำๆทุกวัน เพื่อให้ชื่อเสียงผมเสียหาย เพื่อให้ประชาชนเกลียดชังผม ถึงวันนี้มีคนจำนวนหนึ่งเข้าใจผมผิดเพราะการกระทำของคนกลุ่มนี้"

ในตอนท้ายของโพสต์ยังได้ขู่ว่า

"จะขอใช้สิทธิดำเนินการฟ้องคดีตามกฎหมายต่อคนกลุ่มนี้ และต่อองค์กรของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อปกป้องไม่ให้รัฐนำข้อมูลที่ตนเองถืออยู่ในมือมาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชน ...."

คุณธนาธรเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 หากยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ และพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 จะต้องทรงอดทนอดกลั้นสักเพียงไหน กับการกระทำของคุณธนาธรและพวก และบรรดาม็อบล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา

เมื่อมองว่าตัวเองถูกกระทำ คุณธนาธรก็ยังขอใช้สิทธิดำเนินคดีตามกฎหมายต่อผู้ที่คิดว่าเป็นผู้กระทำ แต่เมื่อตัวเองถูกดำเนินคดีตามกฎหมายจากการพูดในหัวข้อ

"วัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย"

คุณธนาธรกลับบอกว่า "แค่สงสัยการทำงานเรื่องวัคซีนของรัฐบาล กลับถูกดำเนินคดี" ซึ่งใครๆที่ฟังการพูดสดในวันนั้นต่างก็ทราบว่า ไม่ใช่เป็นเพียงการตั้งคำถามต่อรัฐบาล แต่เป็นการตั้งคำถามเชิงกล่าวหา และการตั้งหัวข้อก็ส่อเจตนาอยู่แล้วว่า พยายามจะให้มีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

ความจริงหากบริษัท Siam Bioscience จะดำเนินคดีกับคุณธนาธรในข้อหาหมิ่นประมาท ก็น่าจะทำได้ แต่ก็ไม่ได้ทำ

คุณธนาธรยังกลับต้องการและเรียกร้องให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อันจะทำให้ใครก็ได้สามารถหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และอาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ได้โดยไม่ต้องถูกดำเนินคดี

อย่างนี้หรือคือความเท่าเทียมกันในมุมมองของคุณธนาธร

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘แม้ว’ ย่ามใจไม่เลี้ยงหลาน ทำตัวเป็น ‘ส่วนหนึ่งของปัญหา’

แม้แต่ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ประธานคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยังตั้งคำถามต่อ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี

'ธนาธร' โต้ 'ทักษิณ' รู้ดีมีเหตุผลอื่นที่ 'ก.ก.-พท.' ไม่ได้ร่วมรัฐบาลกัน แต่ใช้ม.112เป็นข้ออ้าง

'ธนาธร' โต้ 'ทักษิณ' เหตุที่ 'ก้าวไกล-เพื่อไทย' ไม่ได้ร่วมรัฐบาลกัน ไม่เกี่ยวกับม.112 ไม่มีอยู่ในเอ็มโอยู เผยตัวเองรู้ดีที่สุดว่ามีเหตุผลอื่น แล้วใช้ม.112 เป็นข้ออ้าง ซัด 'ทักษิณ' น่าจะเป็นคนที่เข้าใจปัญหาโครงสร้างดีที่สุด แทนที่จะร่วมแก้ปัญหา กลับเลือกเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา

'เพื่อไทย' ไม่ฟังเสียงต้าน! ดันทุรังเข็น 'กิตติรัตน์' นั่งปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า รัฐบาลที่มาจากพรรคเพื่อไทยตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน

จับตา! ปม 'นักโทษเทวดา' จุดตาย 'ทักษิณ-เพื่อไทย'

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เป็นเพราะคุณไพบูลย์ นิติตะวัน โปรโมตเรื่องหมัดเด็ดที่อาจจะทำให้พรรคเพื่อไทยล่มสลายดีเกินไป

ย้อน 'นิตยสารไทม์' ยกใครเป็นผู้ทรงอิทธิพล อนาคตการเมืองย่อยยับหมด

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์กรณีนายกฯ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ถูกนิตยสารไทม์ยกย่องเป็นผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต