จับตา 14สิงหาฯจุดเปลี่ยน! ปชช.สู้หรือนิ่งเฉยต่อการขายแผ่นดินสิ้นชาติ

สิงหาคม จุดเปลี่ยนปกป้องแผ่นดิน 'จตุพร' ถามสำนึกคนทุกฝ่าย คิดสู้สกัดกันก่อนเสียหาย หรือปล่อยนิ่งเฉยให้เป็นเรฟูจีจึงร่วมสู้ กระทุ้งฝ่ายมั่นคงอย่ามาตามคนปกป้องบ้านเมือง ไล่ไปยับยั้งพวกขายแผ่นดิน สร้างหายนะภัยสิ้นชาติให้ลูกหลานคนแห่งอนาคต

26ก.ค.2567- นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ โดยประเมินว่า หลากหลายเหตุการณ์ในเดือนสิงหาคมนี้ จะกลายเป็นปัจจัยให้เกิดจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของสำนึกประชาชนและการปกป้องประเทศชาติ

นายจตุพร ระบุว่า การขายชาติที่ซ่อนไว้ใน 4 โครงการของรัฐบาล เริ่มตั้งแต่การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 4.5 แสนล้าน ซึ่งจะเป็นพายุหายนะหมุนพัดระบบเศรษฐกิจของประเทศพังพินาศ แล้วลามไล่ล่าหาประโยชน์จากโครงการอื่นๆ อีก ดังนั้น นักการเมืองและกลุ่มทุนที่ร่วมกันออกแบบโครงการขายชาติขายแผ่นดินจึงมีพฤติกรรมไม่แตกต่างจากปลาหมอคางดำผสมพันธุ์ขยายตัวกอบโกยผลประโยขน์จากบ้านเมือง

จากนั้น พายุหายนะภัยหมุนเพิ่มรุนแรงไปขายคอนโดว่าง 1.3 ล้านยูนิตพร้อมที่ดินให้ต่างชาติมาอยู่นาน 99 ปี และลุกลามสู่การผลักดันตั้งบ่อนคาสิโน 8 แห่ง รวมทั้งดึงต่างชาติมาลงทุนแลนด์บริดจ์แลกสิทธิ์ได้ครอบครองที่ดิน 3 แสนไร่ตั้งรกรากสะสมทุนนาน 99 ปี สิ่งเหล่านี้ล้วนก่อความเสียหายให้ประเทศครั้งใหญ่

สิ่งสำคัญแต่ละโครงการมีเงินผลประโยชน์มโหฬารให้กลุ่มทุนกอบโกยนับล้านล้าน ส่วนประชาชนอดอยากย่ำแย่กับการหาเช้ากินค่ำ อย่างไรก็ตาม แม้การสู้กับคนพวกนี้ยากและลำบาก แต่วันข้างหน้าสิ่งที่รัฐบาลผลักดันโดยกล่อมอ้างการพัฒนาเศรษฐกิจ จะเป็นตัวทำลายบ้านเมืองยับเยินแทบไม่มีอะไรเหลือหรอไว้ให้คนรุ่นอนาคต

"พายุลูกแรกชื่อดิจิทัลถือว่าอัปรีย์จัญไรจะล้างผลาญระบบเศรษฐกิจของประเทศ แล้วหอบพัดหมุนไปขายคอนโดพร้อมที่ดิน ซึ่งไม่แตกต่างจากขายชาติขายแผ่นดิน จากนั้นระบาดลามดันตั้งบ่อนคาสิโน นำอบายมุขมามอมเมาสังคม เหมือนยกอาชีพหมู่เกาะเคย์แมนมาไว้ที่ไทย ส่วนที่หนักสุดคือ แลนด์บริดจ์หายนะภัยลูกที่สี่ เพราะเป็นยิ่งกว่าเสียดินแดนโดยชอบ แล้วเช่นนี้บ้านเมืองจะมีอะไรเหลือถึงคนรุ่นลูกรุ่นหลานบ้าง"

นายจตุพร กล่าวว่า ในอนาคตคนยากไร้แผ่นดินจะมีมากขึ้น เพราะบ้านพร้อมที่ดินถูกธนาคารต่างชาติยึดอย่างไร้รอมชอม ขณะที่กลุ่มทุนสีเทาทยอยเข้ามาอยู่อาศัยครองเมือง ส่วนคนจนไทยต้องอพยพไปหาผืนดินต่างจังหวัดทำมาหากิน ดังนั้น สภาพไม่แตกต่างจากเป็นเรฟูจิ เมื่อถึงตอนนั้นคงจะรู้สึกถึงพลังรวมหมู่คัดค้านการขายชาติขายแผ่นดินกันบ้าง แต่ก็สายไปเสียแล้ว

"หน่วยงานความมั่นคงอย่ามาห่วงผมที่ต่อต้านการขายชาติขายแผ่นดิน ให้ไปห่วงพวกขายชาติดีกว่า เพราะเป็นหน้าที่ของคุณโดยตรง คุณควรทำให้ถูกต้องเสียที่เถอะ ส่วนเราได้แต่หวังว่า เหตุการณ์ต่างๆ อย่าให้ประชาชนเดือดร้อน ขอให้สงสารประเทศชาติบ้านเมืองเถิด"

อีกทั้งหวังว่า 14 สิงหาคมนี้ หน่วยงานมีหน้าที่ป้องกันประเทศต้องหยุดยั้งความเสียหายในอนาคตที่จะเกิดขึ้นต่อบ้านเมืองเสียที อย่างไรก็ตาม ถ้าประชาชนต้องแสดงพลังกัน หากสกัดกันพวกขายแผ่นดินไม่อยู่แล้ว อย่าคิดถึงการต่อสู้ภายหลังจะได้ชัยมา แต่เราต้องสู้ก่อนความเสียหายจะเกิดขึ้น ไม่ใช่สู้หลังจากบ้านเมืองยับเยินไปหมดแล้ว

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อคนมีหน้าที่ปกป้องชาติมีสำนึกเชื่องช้า และยังนิ่งเฉยในการเห็นภัยพิบัติทำลายประเทศพังพินาศในวันข้างหน้า ย่อมไม่แตกต่างจากการชื่นชมให้ความฉิบหายเกิดขึ้น ดังนั้นต้องยับยั้งความเสียหายก่อนที่จะเกิดขึ้น

"บอกอีกครั้งว่า ถ้าบ้านเมืองไม่ได้รับการแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง ไม่มีใครอยากลงถนนหรอก พวกเราไม่ได้รักประเทศแบบคลั่งชาติ แต่มีเหตุผล มีหลักฐานรองรับว่า ถ้าปล่อยโครงการขายชาติขายแผ่นดินไว้แล้ว อะไรจะเกิดขึ้นกับชาติบ้านเมือง"

พร้อมย้ำว่า ในเดือนสิงหาคมนี้ หากคนมีหน้าที่ยังนิ่งเฉยเพื่อปล่อยให้สถานการณ์เลวร้ายหนักขึ้น ความปั่นป่วนแบบอนาธิปไตยย่อมมีโอกาสเกิดขึ้น เพราะทั้ง 4 โครงการดังกล่าวล้วนเลวร้ายยิ่งกว่าเหตุการณ์พยายามออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยในอดีตเป็นพันเท่าทวีเสียอีก แล้วอย่างนี้ประชาชนจะทนกันไหวเหรอ

"การขายชาติขายแผ่นดินซึ่งหน้ากันแบบนี้ ถ้าเรามัวแต่นิ่งเฉย หลงลมลวงของกระบวนการนางแบก นายแบกที่ไม่รู้สึกรู้สากับความหายนะของชาติ จึงไม่ลุกขึ้นมาปกป้องเมื่อยังมีเวลา หากจะมาสู้เอาตอนใกล้สิ้นชาติย่อมสายกันเสียแล้ว"

นายจตุพร ย้ำว่า บ้านเมืองเป็นของทุกคนไม่มีแบ่งฝ่าย คนรักแผ่นดิน รักชาติ จึงควรลุกขึ้นมาปกป้อง ส่วนคนมีหน้าที่ด้านความมั่นคงต้องคิดจัดการพวกขายชาติขายแผ่นดิน และไม่ต้องกังวลกับการต่อสู้ของตน อย่ามัวแต่ติดตามคนปกป้องแผ่นดิน เพราะประเทศอาจไม่เหลือไว้ให้ลูกหลานอยู่อาศัย

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ภูมิธรรม' ยันศาลชี้ชะตา 'เศรษฐา' 14 ส.ค.เป็นไปตามกระบวนการ อย่าโยงภาพปฏิญญาเขาใหญ่

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน

'อ.เจษฎา' ย้อนถาม 'กรมประมง' ใส่ข้อมูลการส่งออก 'ปลาหมอเทศข้างลาย' ผิด 4 ปีเลยหรือ

ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

กมธ.เกษตรฯ แนะ 7 ข้อ เร่งแก้ปัญหาการแพร่ระบาด 'ปลาหมอคางดำ'

นายศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำที่ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำและการประกอบอาชีพข