'รอมฎอน' ลุยสังเกตการณ์ไต่สวนคดีตากใบข้องใจท่าที อสส.

'รอมฎอน' ลุยสังเกตการณ์นัดไต่สวนมูลฟ้องคดีตากใบ 19 ก.ค.นี้ รับกังวลหลัง 'อสส.' ขอญาติผู้สูญเสียยุติร้องเรียน ก่อนคดีหมดอายุความ

18 ก.ค. 2567 - นายรอมฎอน ปันจอว์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้าคดีตากใบ ซึ่งจะมีการไต่สวนมูลฟ้อง 19 ก.ค.2567 ที่ศาลจังหวัดนราธิวาส และคดีกำลังจะหมดอายุความ 25 ต.ค.นี้ ว่า พรุ่งนี้ตนเอง และอาสาสมัครพรรคก้าวไกล จะเดินทางไปสังเกตการณ์การไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่งเป็นคดีที่ศาลจังหวัดนราธิวาสรับคำฟ้องเป็นคดีดำ หมายเลข อ.578/2567 ผู้เสียหายจำนวน 48 คนยื่นฟ้องต่อจำเลยที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 9 ราย จำเลยที่ 1 เป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ปัจจุบันเป็นเพื่อนสมาชิกในสภาฯ โดยคดีดังกล่าวเหลือสืบพยาน 2 คน คือผู้ที่บาดเจ็บจากเหตุการณ์ และญาติของผู้สูญเสีย

นายรอมฎอนย้ำว่า คดีนี้เป็นปมปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชน หากเราไม่คลี่คลายปมการเดินหน้าไปสู่สันติภาพคงยาก และวันนี้เรากำลังนับถอยหลัง 99 วันก่อนคดีจะหมดอายุความ หวังว่าเราจะได้ทราบโดยเร็วว่าศาลจะชี้ว่ามีมูลหรือไม่ หากชี้ว่ามีมูลศาลจะมีหมายเรียกให้จำเลยมาที่ศาลหรือไม่ เพราะถือเป็นการนับหนึ่งในการเริ่มต้นพิจารณาคดีนี้

อย่างไรก็ตามสภาทนายความ ได้ตั้งคณะกรรมการมาพิจารณาคดีตากใบ โดยในวันพรุ่งนี้จะมีมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และองค์กรนิรโทษกรรมสากลร่วมสังเกตการณ์กับพรรคก้าวไกลด้วย เพราะจะเป็นคดีที่ชี้วัดมาตรฐานกระบวนการยุติธรรมทางอาญาไทย จะทำให้เห็นว่าเราสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่น เป็นรากฐานสำคัญในการแสวงหาทางออกทางการเมืองจากกรณีความขัดแย้งในชายแดนใต้

นายรอมฎอน ยังกล่าวถึงอีกคดีหนึ่งที่เชื่อมโยงกับคดีตากใบ ซึ่งเป็นคดีชันสูตรไต่สวนการตายเป็นเรื่องที่อื้อฉาวเพราะศาลสั่งให้การเสียชีวิตของผู้คนในเหตุการณ์ตากใบ มาจากการขาดอากาศหายใจและไม่พบผู้กระทำความผิด โดยอัยการในปี 2552 มีคำสั่งให้งดการสอบสวน และเมื่ออายุความของคดีใกล้หมดจึงมีการทวงถามผ่านสภาฯ ทั้งยังมีการร้องเรียนจากศูนย์ทนายความมุสลิมมายังคณะกรรมาธิการกฎหมายฯ จึงได้เรียกหน่วยงานมาชี้แจงพบว่าสำนวนคดีอาญานี้หายไป

อย่างไรก็ตามเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา พบว่าตำรวจภูธรภาค 9 ได้ตั้งคณะทำงานฟื้นฟูคดีเป็นคดีอาญาหมายเลข 13/2567 มีจำเลย 8 ราย ใช้เวลาสอบสวน 3 เดือน สุดท้ายมีคำสั่งไม่ฟ้องส่งไปให้อัยการสูงสุดในวันที่ 25 เม.ย.67 ปัจจุบันอัยการสูงสุดได้ขอข้อมูลเพิ่มเติมจากตำรวจภูธรภาค 9 และให้ส่งสำนวนกลับไปภายในวันที่ 31 ก.ค.นี้

ทั้งนี้ ยังมีความกังวลใจศาลจังหวัดนราธิวาส ขอให้อัยการสูงสุดส่งสำนวนคดีเดิม เพื่อไปเป็นองค์ประกอบและหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งได้รับการปฏิเสธในภายหลัง เพราะอ้างว่าเป็นข้อมูลที่เป็นความลับราชการ นอกจากนี้อัยการสูงสุดยังมีหนังสือถึงตัวแทนญาติผู้เสียหายจากการสลายการชุมนุมเหตุการณ์ตากใบ โดยขอให้ยุติเรื่องร้องเรียนทั้งหมด

“เป็นเรื่องที่เราต้องสร้างมาตรฐานใหม่การสังหารผู้คนเกือบร้อย ตายไปเฉย ๆ โดยไม่มีใครผิด ไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศนี้” นายรอมฎอน ทิ้งท้าย

น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวถึงความคืบหน้าการยกร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การกระทำความผิดร้ายแรงต่อสันติภาพและมนุษยชาติ ซึ่งมีการบรรจุ 4 ฐานความผิด 1.อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ 2.อาชญากรรมการล้างเผ่าพันธุ์ 3.อาชญากรรมการรุกราน 4.อาชญากรรมสงคราม ซึ่งจะช่วยยุติวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อึ้ง!ปดิพัทธ์บอกยุบ 'ก้าวไกล' แสดงว่าไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยส่งผลสภานานาชาติ

'ปดิพัทธ์' ยอมรับมีชื่อเป็น กก.บห.ก้าวไกล เสี่ยงพ้น สส. หากพรรคถูกยุบจริง แต่เชื่อมั่นว่าการสู้คดีมีน้ำหนัก ไม่เสียดายตำแหน่งรองประธานสภา ชี้งานที่หาเสียงไว้ทำได้หมดแล้ว

'รังสิมันต์-มาริษ'โต้เดือดปมธนาคารไทยมีเอี่ยวช่วยซื้ออาวุธให้รัฐบาลเมียนมา!

'โรม' จี้ถามจุดยืนประเทศ หลังมีแฉธนาคารในไทย เอี่ยวใช้ธุรกรรมการเงินฆ่าชาวเมียนมา ซัด รบ.ต้องชัดเจน ด้าน 'รมว.กต.'โต้ไม่พบหลักฐานธนาคาร-รัฐบาลไทยเข้าไปเอี่ยว รับการคว่ำบาตรเป็นเรื่องยาก

'ชัยธวัช' ลั่นทุกคนในพรรคนิ่ง ถ้ายุบจริงเราตกผลึกหมดแล้ว ไม่ต้องเตรียมตัวอะไร

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้ากรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ โดยไม่มีการไต่สวน

ทั่นโรมเตือนสติตำรวจอย่างรีบปิดคดี 6 ศพชาวเวียดนาม

'โรม' หวัง ผลสอบ 'พบศพชาวต่างชาติ' โปร่งใส เตือน 'ตำรวจ' พึงสังวรณ์หากรีบปิดคดีให้เรื่องเงียบ จะสูญเสียศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม-ทำลายภาพลักษณ์ของประเทศอย่างป่นปี้

'รังสิมันต์' รับสภาพคงสู้คดียุบพรรคยากขึ้นหลังศาลรัฐธรรมนูญขีดเส้นตาย

'โรม' รับคงสู้คดียากขึ้น หลังศาล รธน.นัดชี้ขาดยุบก้าวไกล 7 ส.ค.นี้ ย้ำความสำคัญอยู่ที่กระบวนการ ยกพยานปากสำคัญควรได้ขึ้นไต่สวน ยันพรรคไม่ได้ล้มล้างการปกครอง