'นักวิชาการ' วิเคราะห์ผลการเลือกสว.จะเป็นผลดีต่อประเทศชาติ มากกว่าเป็นผลเสีย

3 ก.ค.2567 - รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

ผลการเลือกสมาชิวุฒิสภาที่เพิ่งผ่านไป ทำให้บรรดาเซียนการเมืองต่างอ้าปากค้างกันไปตามๆกัน เพราะผิดความคาดหมายอย่างมากมาย กลุ่มการเมืองที่เรียกตัวเองว่า "คณะก้าวหน้า" ซึ่งคนทั้งประเทศก็รู้ว่าก็คือ พรรคก้าวไกล ทำการรณรงค์ตีฆ้องร้องเป่าให้คนมาสมัครไม่ใช่รับเลือกเท่านั้นแต่ให้สมัครไปเลือก สว.ด้วยตั้งแต่ไก่โห่ เตรียมการอย่างดี หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องเข้ามาได้เป็นเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภา ก็ไม่เห็นเคยบ่นอะไรเกี่ยวกับระบบและวิธีการได้มาซึ่ง สว.แม้แต่น้อย คงเพราะมีความมั่นใจมากนั่นเอง

เซียนการเมืองต่างก็คาดการณ์ว่า วุฒิสภายุคต่อไปนี้คงเต็มไปด้วยวุฒิสมาชิกสายสีส้มและสายสีแดงเป็นแน่ ยิ่งเห็นคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สอบผ่านฉลุยระดับอำเภอ ก็คาดหมายข้ามขั้นไปเลยว่า คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องได้เป็นประธานวุฒิสภาอย่างแน่นอน กลุ่มอื่นๆคงไม่มีทางสู้ 2 กลุ่มนี้ได้เพราะกลุ่มอื่นๆดูเงียบเชียบเหลือเกิน

ก่อนการเลือกระดับประเทศ ประธานคณะก้าวหน้า ดูเหมือนจะเห็นท่าไม่ดี ส่งสัญญานกำชับคนของตัวเอง ที่เหมาเรียกเอาเองว่า "ฝ่ายประชาธิปไตย" ไม่ให้นึกถึงประโยชน์ส่วนตัว ให้ทำตามที่ตกลงกันมา ก็เป็นการยืนยันว่า คณะก้าวหน้าก็มีการวางแผนจัดตั้งกันมาเหมือนกัน เมื่อผลการเลือกระดับประเทศออกมา คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไม่ผ่าน คะแนนไม่พอที่จะเป็นแม้แต่จะเป็นตัวสำรอง และที่คนส่วนใหญ่เพิ่งได้เห็นและแปลกใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ คุณนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ซึ่งใครก็รู้ว่าเป็นคนของคุณทักษิณ เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรักษาการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ก็สอบตกเช่นกันในระดับประเทศ

ไม่ต้องพูดถึงคณะก้าวหน้าที่ได้ที่นั่งในวุฒิสภาเพียงน้อยนิด ผิดความคาดหมายของหัวหน้ากลุ่มอย่างมาก กลุ่มที่ได้ที่นั่งมากที่สุดกลับเป็นกลุ่มสีน้ำเงิน ได้มาประมาณ 120 ที่นั่ง จึงจะเป็นกลุ่มที่มีเสียงข้างมากในวุฒิสภา เมื่อผลออกมาเช่นนี้ ผู้ที่ส่งเสียงดังที่สุดคือ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถึงกับบอกว่า มีวุฒิสภามีไว้ทำอะไร ถ้าตอบไม่ได้ก็ไม่ต้องมี บรรดาสาวกก็เรียงหน้าออกมาโจมตีกันในประเด็นต่างๆมากมาย บางคนถึงกับไปโจมตีบุคคลที่เป็นว่าที่สว.ว่า มีคุณสมบัติเพียงเท่านี้ มาเป็นสว.ได้อย่างไร ก็ไหนบอกว่าคนต้องเท่าเทียมกันทุกคน ก็เมื่อกฎหมายไม่กำหนดวุฒิการศึกษาสำหรับสว. ไม่เห็นมีใครบ่น เมื่อแพ้แล้วจึงบ่นกันยกใหญ่

ความพ่ายแพ้ของคณะก้าวหน้าในการเลือกวุฒิสมาชิกครั้งนี้ ทำให้ความฝันที่จะแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นไปอย่างที่พวกเขาต้องการ เป็นไปได้ยากกระทั่งเป็นไปไม่ได้ การออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่รวมคดีความผิดตามมาตรา 112 ด้วยก็ดูเหมือนจะเป็นความหวังที่ริบหรี่เช่นกัน ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความปลอดภัยและมั่นคงยิ่งขึ้น แต่ถึงแม้จะไม่มีโอกาสที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่รวมคดีความผิดตามมาตรา 112 เข้าไปด้วย แต่จะไม่แปลกใจเลยหาก เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม จะมีการพระราชทานอภัยโทษผู้ที่ต้องโทษเหล่านี้ ดังนั้นอย่าเพิ่งหมดหวังในขณะนี้

หากคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติก็ดูจะเป็นความคิดที่ไร้เดียงสาเกินไป เพราะทั้งหมดต้องเกิดขึ้นจากการวางแผนที่เหนือชั้น และปฏิบัติได้ผลสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดในแผน คนที่เห็นกติกาตั้งแต่แรกแล้วก็ยังลงต่อสู้ เล็งผลเลิศว่าตัวเองจะชนะ แต่เมื่อแพ้อย่างไม่คาดหมาย กลับโวยวาย ร้องแรกแหกกระเชอ ซึ่งไม่มีประโยชน์อันใด ควรยอมรับความพ่ายแพ้อยู่เงียบๆจะได้รับความเห็นใจมากกว่า

แน่นอนว่าผู้สมัครที่สอบตกจำนวนไม่น้อยต่างก็ไปร้องเรียนว่ามีความไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการเลือก ทั้งการที่มีผู้สมัครที่ไม่เลือกตัวเอง ทั้งมี บล็อคโหวต กระทั่งอาจมีการจ่ายเงินจ่ายทอง หวังจะให้มีผู้สอบได้บางคนถูกใบแดง หรือถึงที่สุด ให้การเลือกสว.เป็นโมฆะ แต่จะอย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า ผลที่ออกมาน่าจะเป็นผลดีต่อประเทศชาติมากกว่าเป็นผลเสีย ไม่ใช่หรือ อย่าลืมว่า รัฐบาลนี้

1. ปล่อยให้นักโทษไม่ต้องรับโทษ อันเป็นการขัดพระบรมราชโองการ และยังได้พักโทษ หลังการพักโทษทำตัวยิ่งใหญ่ ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองของพรรคแบบไม่กลัวถูกร้องเรียน ออกงานไหนก็ได้ที่ต้องการ มีรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ของรัฐอำนวยความสะดวกให้ทุกที่ที่ไป และแสดงให้เห็นว่าสามารถบงการพรรคแกนนำรัฐบาลได้ทุกประการ

2. ไม่สามารถทำตามที่หาเสียงไว้ได้สำเร็จเลยแม้แต่เรื่องเดียว บอกว่ายาเสพติดจะหายไปทันที ลดค่าไฟฟ้า ราคาน้ำมันได้ทันที การทุจริตคอรัปชั่นจะหมดไป ประชาชนจะมีกินมีใช้กันทุกคน digital wallet ไม่ต้องกู้เงินแม้แต่บาทเดียว ฯลฯ

3. ปล่อยให้ พ.ร.บ งบประมาณ 67 เข้าสภาล่าช้าถึง 6 เดือน เมื่อผ่านแล้ว ยังพยายามตัดทอน ดึงการใช้จ่าย เพื่อหวังให้มีเงินเหลือจ่าย ไปใช้กับการแจกเงิน digital wallet เป็นผลให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ ต่ำกว่าที่ควรเป็น แต่กลับไปโทษธนาคารแห่งประเทศไทย

4. จัดทำงบประมาณ 68 ขาดดุลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ กู้เงินเต็มเพดาน ตั้งงบกลางสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งหมดก็เพื่อนำเงินไปใช้ในโครงการ digital wallet ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ประเทศไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด และเป็นการใช้เงินที่นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของประเทศกว่าร้อยคนคัดค้านว่าเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย แต่รัฐบาลยังคงดิ้นรนที่จะทำโครงการนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

5. รัฐบาลนี้เร่งผลักดันทุวิถึทางที่จะออกกฎหมายอนุญาตให้ทำบ่อนคาสิโนที่เรียกว่า entertainment complex ได้ ซึ่งเริ่มมีข่าวความเคลื่อนไหวกันแล้วว่า กลุ่มใดบ้างจะได้สัมปทานการทำบ่อนคาสิโนกี่แห่ง ที่ใดบ้าง

6. นโยบาย soft power ของรัฐบาลที่ว่าได้รับการสรรงบประมาณให้ 5,600 ล้าน ตั้งกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟท์พาวเวอร์ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นรองประธาน และมีกรรมการชุดเล็กอีกกว่า 10 ชุด ซึ่งดูเหมือนว่าทั้งตัวประธานและรองประธานจะไม่เข้าใจคำว่า soft power อย่างแท้จริง และไม่ฟังเสียงทักท้วงของใคร ทำงานมาเกือบปี ไม่ได้เห็นอะไรที่เกิดผลที่เรียกว่า เป็น soft power ได้เลย ล่าสุดเพิ่งจัดงานที่เรียกว่า THAACA ก็เป็นเพียงงาน event ที่ใช้เงินแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่ได้ผลอะไรที่เป็น soft power เปรียบเทียบกับ music video ของ Lisa ที่ถ่ายทำที่เยาวราช แล้วบอกได้ว่า งานของ Lisa นี่แหละเป็น soft power ของจริง

7. นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลนี้ นอกจาก ออกงาน เดินทางไปต่างประเทศซึ่งทำสถิติสูงสุด ลงพื้นที่ต่างๆทุกสัปดาห์แล้ว ยังไม่เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ทั้งยังเตรียมจะแก้กฎหมายขยายเวลาให้ชาวต่างชาติเป็นเช่าที่ดินได้ 99 ปี และเป็นเจ้าของห้องชุดได้ร้อยละ 75 ของอาคาร อ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่คนจำนวนมากสงสัยว่า เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่

คำถามคือ เรายังอยากให้รัฐบาลแบบนี้บริหารประเทศต่อไปอีกหรือ

การที่ผลการเลือกวุฒิสมาชิกออกมาแบบนี้ นับเป็นสัญญานที่บอกเราว่าบ้านเมืองเรากำลังจะดีขึ้น คนดีจะมีโอกาสได้ปกครองบ้านเมือง นักการเมืองเลวๆที่กำลังกร่าง ไม่แน่ว่าจะด้วยวิธีใด กำลังใกล้ที่จะหมดอำนาจแล้ว จะอยู่ในประเทศได้ต่อไปหรือไม่ก็ย้งไม่ทราบ รวมทั้งนักการเมืองที่โยงใยกับต่างประเทศ พยายามลดทอนความสำคัญ หรือ ไม่ให้มีสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็น่าจะอ่อนกำลังลงอีกไม่นาน

เงียบๆ ไม่มีการตอบโต้ ไม่มีการโฆษนาชวนเชื่อ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเมื่อใด ทุกคนจะเห็นได้เอง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หัวหน้าก้าวไกล พูดเต็มปาก สว.ส่วนใหญ่เอี่ยวนักการเมือง แต่ยังไม่แน่ชัดใครฝ่ายประชาธิปไตย

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงรายชื่อ 200 สว. หลังจากการเลือกระดับประเทศวานนี้ (26 มิ.ย.) ว่า จากที่ติดตามมีข้อสังเกตว่าสว.ส่วนใหญ่อาจจะเข้าไปเชื่อมโยงกับนักการเมือง

'ธนาธร' ร่อนจดหมายถึงผู้สมัครสว.ฝ่ายปชต. ปลุก อย่าหักหลัง ถ้ารวมกันแน่นเราจะชนะ

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสชต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า จดหมายถึงผู้สมัคร สว. ฝ่ายประชาธิปไตย ถึงผู้สมัคร สว. ฝ่ายประชาธิปไตยทุกท่าน

กิ้งกือยังตกท่อ! 'แกนนำคณะก้าวหน้า' ชี้ช่องฟ้องศาลปกครอง ห้ามแจกเงินดิจิทัล

นายชำนาญ จันทร์เรือง แกนนำคณะก้าวหน้า และนักวิชาการด้านกฎหมายและการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การที่จะนำคดีเกี่ยวกับเงินดิจิตัล 10,000 บาท ไปศาลปกครอง

เปิดคลิป 'ธนาธร' ด้อยค่า 'พอเพียง' ไม่เหมาะกับยุคสมัยคนเท่ากัน

เพจเฟซบุ๊ก วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร-สำรอง โพสต์คลิปนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โดยระบุว่า ทุกคนคะ คุณธนาธร ผู้นำจิตวิญญาณ พรรคก้าวไกล และ กลุ่มสามนิ้ว มีปัญหากับคำว่า "พอเพียง" อีกแล้วค่ะ