'เทพมนตรี' บอกชัดถ้าจะแก้ไขมาตรา 112 ต้องแก้ไขมาตรา 133 ด้วย

12 มิ.ย.2567 - นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เรื่องมาตรา 112 เป็นเรื่องคดีความทางอาญาไม่ใช่คดีความทางการเมือง

พฤติการณ์ของผู้กระทำผิดชัดแจ้ง ตั้งใจชัดแจ้ง อยู่ดีๆจะไปด่าพระเจ้าอยู่หัว ราชินี องค์รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการมันต้องผ่านขบวนการคิดทางสมอง

ลองเปรียบเทียบดูระหว่างมาตรา 112 กับมาตรา 133 แปลกแต่จริงทำไมคนทำผิดจึงคิดเป็นเรื่องการเมืองได้

ในหมวด 1 ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

อันที่จริงแล้วตั้งแต่มาตรา 109-112 สมควรถือว่ามีความสำคัญเกี่ยวข้องกัน แต่เมื่อมีคนนิยมอยากจะกลายเป็นผู้ต้องหาใน มาตรา 112 ซึ่งมีถ้อยคำว่า

“ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”

ในช่วงเวลานี้มีแต่คนอยากให้นิรโทษกรรม มาตรา 112 แต่ถ้าเราไปดูในประมวลกฎหมายอาญาหมวด 4
ความผิดต่อสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ ก็มี มาตรา 133 ซึ่งถ้อยคำคล้ายกับมาตรา 112 เพียงแต่เพิ่มการกำหนดโทษแตกต่างกัน

“ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายราชาธิบดี ราชินี ราชสามี รัชทายาท หรือประมุขแห่งรัฐต่างประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

มาตรา 112 มีแต่โทษจำคุกไม่มีโทษปรับและจำคุกมากกว่า

ที่ผมเขียนมานี้คือไม่ควรมีการนิรโทษกรรมในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หากใครมีความผิด เพราะจะไปกระทบกับมาตรา 133 เรื่องความน่าเชื่อถือต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ไทยจะกลายเป็นมีสองมาตรฐาน ที่มักมีคนอ้างว่ามาตรา 112 เป็นเรื่องการเมือง เพราะถ้าคิดเช่นนั้นในกรณีประมุข/ผู้นำต่างประเทศผู้กระทำผิดก็กลายเป็นเรื่องการเมือง

ถ้าใครคิดแก้มาตรา 112 ก็ต้องแก้มาตรา 133 ด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศาลสั่งคุก 'อานนท์ นำภา' 2 ปี ผิด ม.112-พรบ.คอมพ์ รวมโทษจำคุก 5 คดี กว่า 16 ปี

ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำอ.1395/2565 ที่อัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้อง นายอานนท์ นำภา ทนายความและแกนนำม็อบราษฎรในความผิดฐาน หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และพระราชินีฯ มาตรา 112