รองผู้ว่าฯกทม.โอด ระบบราชการทับซ้อน พวก 'ช้างในห้อง' กัดกินความหวังและบ้านเมือง

(ภาพจากเพจ กรุงเทพมหานคร)

7 มิ.ย.2567 - นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร(กทม.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวมีเนื้อหาดังนี้

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้น่าจะเป็นช่วงที่มีหลายเรื่องราวเข้ามาถาโถม ไม่ต่างจากช่วงอื่นๆตลอด 2 ปีที่ทำงานที่นี่ แต่สิ่งที่ต่างไปสำหรับผมไม่ใช่เรื่องข่าวทุจริต แต่คือความรู้สึกหมดหวังที่มันชัดเจนขึ้นที่สุดตั้งแต่ทำงานมา

ช่วงหลายสัปดาห์มานี้ผมได้คุยกับเพื่อนผองหลายกลุ่ม ผมมักหลุดบ่นให้ฟังหลายเรื่อง และในหลายเรื่องเป็นเรื่องที่คิดว่าแต่ก่อนคงไม่บ่นอะไรพวกนี้แน่ เพราะมันคือสิ่งที่เรารู้อยู่แล้ว แต่เราเลือกมองข้ามไป คิดแค่ว่าถ้าเราไม่ถูกกลืนไปกับมัน มันก็น่าจะเพียงพอ เหมือนสำนวน "Elephant in the room" ที่ทุกคนพูดกันเสมอว่า มันมีปัญหาใหญ่ในห้องที่ทุกคนต่างรู้ดีแต่มักไม่พูดถึง พยายามมองไม่เห็นไปก่อน และทำเรื่องอื่น ๆ

ใช่ครับ ระบบราชการ ระบบงบประมาณ ระบบจัดซื้อจัดจ้าง ระบบตรวจสอบที่ซ้อนแล้วซ้อนอีกที่แทบไม่มีช่องว่างให้ความคิดสร้างสรรค์ ไม่เหลืออะไรให้กับนวัตกรรม และไม่มีช่องว่างสำหรับความเชื่อใจเชื่อมั่นในมนุษย์ มีแต่ความหวาดระแวงและความกลัวที่ฉาบด้วยความหวังดีเพื่อป้องกันทุจริต ทำให้ทุกอย่างเพราะเชื่อว่าจะสามารถป้องกันให้คนไม่กระทำผิด แต่ก็อย่างที่เรารู้กันดีว่าคนที่ทำผิดรู้ช่องทางเสมอ (และก็มีมาตลอด)

แสงสว่างปลายอุโมงค์เดียวที่ผมเห็นก็คือการทำให้งบประมาณและสัญญาทุกสัญญาที่เรามี "ถูกมองเห็น" ทุกคนมาร่วมกันจับตาไปด้วยกันได้ ใช่ เราต้องทำหน้าที่ให้เต็มที่ แต่มีหลายตาย่อมดีกว่าตาเดียวแน่นอน และทำให้คนที่รู้ช่องทางพวกนั้นรู้ว่าตราบใดที่ทำตัวพิรุจ มันจะมีคนตรวจสอบคุณเสมอ ทำให้เรื่องที่จากเดิมที่ปิดทุกอย่าง เราพยายามเปิดมันให้หมด เปิดร่างข้อบัญญัติงบประมาณ เปิดสัญญาจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เปิดให้ทุกคนมาตรวจสอบ เปิดให้ทุกคนมาปกป้องเงินภาษี และทำให้ข้อจำกัดต่างๆมันทลายไปให้หมด เพื่อเราจะได้เดินหน้าต่อได้ เอาคนทำผิดออกไป ไม่ส่งเสริมสิ่งผิดเหล่านั้น เหมือนกรณีลู่วิ่งที่วันนี้ ที่มี สตง. เข้ามาตั้งแต่หลายเดือนก่อน และวันนี้ก็เป็นข่าวใหญ่จนคนที่เกี่ยวข้องต้องออกมาชี้แจง และแน่นอนว่าถ้ามันผิดก็ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด

ข่าวพวกนี้ทำให้ต้องมาตั้งโต๊ะอธิบาย แต่สำหรับผมพวกนี้คือความหวัง เพราะนี่แหละคือหัวใจของประชาธิปไตย หัวใจของการที่ประชาชนสามารถร่วมตรวจสอบ และผมคิดว่าเราต้องทำให้เข้มข้นขึ้นไปอีก ทำให้ประชาชนเห็นมากกว่านี้ ตรวจสอบง่ายกว่านี้

แต่สิ่งที่หมดหวังจนหมดแรงช่วงนี้ไม่ใช่เรื่องลู่วิ่งวันนี้ แต่คือหลายคำพูดของเพื่อนผองหลายวาระที่มาร่วมด้วยช่วยกันตลอดระยะเวลาทำงานที่นี่ และพวกเขากำลังเผชิญกับ elephant in the room เหล่านั้น ทั้งระบบราชการ ระบบการทำงานที่บั่นทอนความตั้งใจ มีแต่ความกลัวและความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ การกดทับกันไปกันมาจนทำให้คนทำงานที่ตั้งใจดีๆต้องผิดหวังและหันหลังให้กับการทำงานเมืองของเรา

จริงอยู่ว่ามันไม่มีอะไรทำให้เราหมดหวังได้ นอกจากตัวเราเองก็จริง แต่พวกช้างในห้องเหล่านี้แหละที่มันกำลังกัดกินความหวัง และกัดกินบ้านเมืองของเรา

ขอพิมพ์บ่นไว้ในวันที่มีหลายคนพิมพ์มาด้วยความผิดหวังกับสิ่งเหล่านี้ รวมถึงตัวผมเองด้วยในวันนี้ เราคงต้องทำอะไรอีกเยอะไปหมดเลย

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” โพสต์ข้อความเรื่อง “กทม.จัดซื้อเครื่องออกกำลังกายเครื่องละ 4 แสน” พบเห็นความผิดปกติในการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย ภายในศูนย์กีฬาวารีภิรมย์ และศูนย์กีฬาวชิรเบญจทัศ เกือบ 10 ล้านบาท ในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฝุ่น PM 2.5 กทม. แนวโน้มลดลง เกินค่ามาตรฐานเหลือ 15 พื้นที่ อยู่ฝั่งธนบุรีเป็นส่วนมาก

ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร ขอรายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ของสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรุงเทพมหานคร

คนกรุงเทพฯ สำลักฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน อยู่ในระดับสีส้ม 63 พื้นที่

ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2567ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ณ เวลา 07.00 น. : ตรวจวัดได้ 34.3-74.3 มคก./ลบ.ม. พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 63 พื้นที่ คือ

นักวิชาการ เตือนคนกรุงฝุ่น PM 2.5 สูงมาก อากาศข้างนอกเย็นสบาย แต่ออกไปอาจป่วยตายได้

ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า กรุงเทพฯช่วงนี้ อากาศข้างนอกเย็นสบายแต่ออกไปอาจป่วยตายได้..