31พ.ค.2567- นายอัษฎางค์ ยมนาค หรือ เอ็ดดี้ นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึงเรื่องสติกเกอร์“กรุงเทพฯ Bangkok” ที่ติดอยู่บริเวณบนคานรถไฟฟ้า BTS เพื่อสร้าง City Branding หรือ Citi Identity ว่า
ชัชชาติ กับการพัฒนากรุงเทพฯ ด้วยงานโยธาที่ถนัดยังสอบตก แล้วงานสร้างแบรนด์จะเหลืออะไร!
City Identity ของเมืองต้องมีภาพลักษณ์ที่ชัดเจนและเป็นที่จดจำที่สามารถสื่อสารคุณค่าและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองได้อย่างชัดเจนและน่าสนใจ
อัตลักษณ์ที่ชัดเจนของเมืองในการทำ City Branding คือการกำหนดและสื่อสารถึงลักษณะเด่นเฉพาะตัวของเมืองที่ทำให้เมืองนั้นแตกต่างจากเมืองอื่นๆ และสร้างความจำจดให้กับผู้คน
การสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนและน่าจดจำจะช่วยให้เมืองดึงดูดนักท่องเที่ยว นักลงทุน และผู้คนที่สนใจมาเยี่ยมชมและใช้บริการต่าง ๆ ในเมือง ซึ่งส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของเมืองในระยะยาว
City Identity ของกรุงเทพฯ คืออะไร
อัตลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่ทำให้เมืองนี้มีความโดดเด่นและน่าจดจำในระดับโลก ประกอบด้วยลักษณะและจุดเด่นดังนี้:
• วัดและศาสนสถานที่งดงาม
• อาหารและสตรีทฟู้ด
• วิถีชีวิตและความหลากหลายทางวัฒนธรรม
• ศูนย์กลางการช็อปปิ้ง
• สถานบันเทิงและชีวิตกลางคืน
• การเดินทางทางน้ำและคลอง
• สถาปัตยกรรมสมัยใหม่และดั้งเดิม
• การต้อนรับและความเป็นมิตรของคนท้องถิ่น
การสื่อสารและโปรโมทกรุงเทพฯ โดยเน้นที่อัตลักษณ์เหล่านี้ จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งและดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากทั่วโลก
ดังนั้น โลโก้ กรุงเทพฯ สำหรับการสร้างอัตลักษณ์เมือง (City Identity) ควรสะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์ของเมืองที่ได้กล่าวถึงไปข้างต้น
เช่น ตัวอักษร การใช้ฟอนต์ที่มีความเป็นไทยผสมผสานกับความทันสมัย จะช่วยเน้นความเป็นเอกลักษณ์ของกรุงเทพฯ มีองค์ประกอบทางวัฒนธรรม เช่น ลวดลายที่สะท้อนถึงศิลปะไทย เช่น ลายไทย ลายกนก ฯลฯ ใช้ฟอนต์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ไทย แต่ยังคงความเรียบง่ายและทันสมัย ตัวอักษร "Bangkok" ใช้ฟอนต์ที่ผสมผสานระหว่างความเป็นไทยและความทันสมัย
…………………………………………………………………………
ย้อนกลับไปศึกษาความสำเร็จของ อภิรักษ์ โกษะโยธิน
อดีตผู้ว่าฯ กทม. ผู้สร้างแบรนด์ดิ้งกรุงเทพฯ ที่อยู่ยั้งยืนยงมากกว่าที่หลายคนคาด ด้วยหลักฐานทางประวัติศาสตร์เดียวที่หลงเหลือเหนือหัวพวกเราบนท้องถนนมาจนถูกถอดออกไปโดยผู้ว่าฯ ชัชชาติคนปัจจุบัน
แคมเปญของอดีตผู้ว่าฯอภิรักษ์ คือ “กรุงเทพฯ…ชีวิตดี ๆ ที่ลงตัว“ (Bangkok…City of Life) เปิดตัวที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2549
ด้วย Branding ที่ใช้ในการสื่อสารแคมเปญผ่านโลโก้ที่เป็นไอค่อนรูปร่างตัดทอนจาก ‘ลายประจำยาม’ ซึ่งเป็นลายไทยประเภทหนึ่ง ที่มีรูปร่างสี่เหลี่ยมจัตุรัสตะแคง ลักษณะคล้ายดอกไม้ ซึ่งดัดแปลงมาจากดอกไม้ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘ดอกสี่ทิศ’ ความสำคัญของลายไทยลายนี้คือเป็นลายแม่แบบหลักของศิลปะไทย
ตัวโลโก้ประกอบไปด้วย 4 สี บนกลีบดอกไม้ทั้ง 4 กลีบ ที่มีจุดร่วมตรงกลาง แสดงความเป็นดุลยภาพ สื่อถึงความสมดุลในการเติบโต และสื่อถึงการก้าวไปสู่เป้าหมายหลักพร้อม ๆ กัน
ไอคอนนี้ถูกใช้ประกอบกับคำว่า “Bangkok City of Life”
…………………………………………………………………………
อภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม. ผู้สร้างตำนาน Bangkok Brand ซึ่งเป็น City Branding หรือ Citi Identity ที่ประสบความสำเร็จ
เรียนจบ MBA การตลาดที่ นิด้า และประกาศนียบัตรชั้นสูงทางการบริหาร จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จอย่างสูงจากสายงานการโฆษณาและการตลาด
จึงไม่มีอะไรน่าแปลกใจกับความสำเร็จของการทำ CI หรือ City Identity ของกรุงเทพฯ ที่ทำให้ตัวอักษรโลโก้คำว่า Bangkok เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมไปถึงคนไทยด้วยกันเอง ใช้เป็นจุดถ่ายภาพเพื่อเผยแพร่อย่างแพร่หลายไปทั่วโลกตลอดเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ
จนเป็นภาพจำที่ใครมาลบก็ต้องพบกับการเปรียบเทียบ ยิ่งทำได้ไม่ดีกว่าเก่าหรือดีเท่าเก่า ยิ่งทำให้ถูกเปรียบเทียบและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เหมือนอย่างที่ผู้ว่าฯ ชัชชาติ โดนอยู่ในขณะนี้
…………………………………………………………………………
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ผู้ซึ่งมีแบล็คกราวเป็นวิศวกรโยธา
แต่งานโยธาที่ครอบคลุมถึงการพัฒนาและปรับปรุงกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่อาศัย มีโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอและปลอดภัย รวมถึงสามารถรองรับการเติบโตของประชากรและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจในอนาคต
เช่น การออกแบบ ก่อสร้าง และบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการทำงานและชีวิตประจำวันของประชาชนในเมืองใหญ่ เพื่อส่งเสริมการเดินทางที่มีประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะเรื่องมลพิษ, การจัดการน้ำและระบบจัดการน้ำท่วม
แต่ดูเหมือนผู้ว่าฯ ชัชชาติ วิศวกรโยธาระดับรองศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมโยธา ยังสอบตก โดยไม่สามารถสร้างผลงานโดดเด่นใดๆ ชัดเจน
แล้วงานโฆษณาประชาสัมพันธ์ ด้วย City Identity จะเหลืออะไรให้ไม่โดนเปรียบเทียบและวิพากษ์วิจารณ์ยับเยิน
…………………………………………………………………………
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ชัชชาติ’ ชวนคนกรุงแสดงพลังปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน
กทม. ชวนคนกรุงร่วมแสดงพลังและลดใช้พลังงาน ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน 2 ทุ่มครึ่ง ถึง 3 ทุ่มครึ่ง เสาร์ที่ 22 มี.ค. 68
นักวิชาการ กระตุก 'ชัชชาติ' จะประกาศให้กรุงเทพเป็นเขตควบคุมมลพิษ ต้องคิดให้ดี
ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
น้ำลายการเมืองแก้“ฝุ่นพิษ” โปรย“งบฯ”-ลนลานรักษาฐานเสียง
รัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า “ไร้น้ำยา” ในการวางแผนรับมือปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ทั้งที่รู้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นวัฏจักรรายปี ยิ่งในปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าเป็นรายสัปดาห์ จากการใช้ชุดข้อมูลเทคโนโลยีตรวจวัด สถิติต่างๆ มาประมวลเพื่อเตรียมการได้อยู่แล้ว
มหานครจมฝุ่นพิษ ฉุดรัฐบาลทรุด-ชัชชาติร่วง
สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน ปกคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ตลอดจนการดำเนินชีวิตประจำวันถึงตอนนี้ สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วงอยู่ โดยเฉพาะเมืองหลวงประเทศไทย กรุงเทพมหานคร ที่อยู่ในสภาพ มหานครจมฝุ่นพิษ มาหลายวัน
'ชัชชาติ' แจงฝุ่น PM 2.5 เพิ่มสูงมาจาก 3 ปัจจัย ย้ำแก้ปัญหาต้องใช้เหตุผล ใช้ความรู้สึกไม่ได้
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร ติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ณ ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร สำนักสิ่งแวดล้อม เขตดินแดง
คนกรุงเทพฯยุค ผู้ว่าฯชัชชาติ ยังจมฟุ่นพิษ PM 2.5 เกินมาตรฐานระดับสีส้ม 70 พื้นที่
ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 15 มกราคม 2568 เวลา 07.00 น. ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 56.7 มคก./ลบ.ม. ค่า PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เกินมาตรฐานระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 70 พื้นที่