คดี 'กบฏชุดเล็ก' โล่ง ศาลฯแก้โทษรอลงอาญา 'สนธิญาณ' ยกฟ้องอีก 3 ราย

28 พ.ค.2567 - ที่ห้อง 607 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีกบฎ กปปส.สำนวนแรก หมายเลขดำ อ.1191/2557, อ.1298/2557 , อ.1328/2557 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 62ปี แกนนำ กปปส. , นายสกลธี ภัททิยกุล อายุ47 ปี อดีต ส.ส.กทม.ร่วมชุมนุม , นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อายุ 73ปี อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และอดีตประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง และสภาปฏิรูปการเมือง (สปช.) และนายเสรี วงศ์มณฑา อายุ 75 ปี นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด

เป็นจำเลยที่ 1- 4 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ , กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดที่ไม่ใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ , อั้งยี่ , ซ่องโจร , มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ , เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการกระทำนั้นแต่ไม่เลิก, ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงานงดจ้างเพื่อบังคับรัฐบาล , ร่วมกันบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 , 116, 117, 209, 210, 215, 362, 364, 365 และร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง , ร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของ กกต. ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มา ซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550 มาตรา 76 ,152 รวม 8 ข้อหา

โดยคดีสำนวนแรกนี้ อัยการยื่นฟ้อง ตั้งแต่ปี 2557 กรณีสืบเนื่องจากการร่วมชุมนุมกันของ กปปส.ที่มีนายสุเทพ เป็นผู้นำการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย. 56 – 1 พ.ค.57 ซึ่งมีการพาผู้ชุมนุมบุกรุกปิดสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งท้ายคำฟ้องอัยการโจทก์ยังได้ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งของจำเลยด้วยมีกำหนด 5 ปี ขณะที่จำเลยทั้ง 4 รายให้การปฏิเสธทุกข้อหาพร้อมตั้งทนายความสู้คดี ระหว่างพิจารณาคดีจำเลยทั้งสี่ก็ได้รับการปล่อยชั่วคราว ซึ่งคดีเริ่มสืบพยานตั้งแต่ปี2558-2562

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 25 ก.ค.62

ศาลอุทธรณ์พิพากษาเเก้เป็นว่า นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 59 ปี ได้กระทำความผิดตาม พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.เเละ สว. กรณีร่วมกับนายสำราญ รอดเพชร ขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ โรงเรียนสุโขทัย เขตดุสิต ให้จำคุก 1 ปี คำให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณารถโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 8 เดือน ไม่รอลงอาญา รวมถึงมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 5 ปี ส่วนจำเลยที 2-4 โจทก์ไม่ได้ร่วมนำสืบว่าได้ร่วมพยานหลักฐานไปขัดขวางการเลือกตั้ง อีกทั้งไม่ปรากฎพยานหลักฐานว่าจำเลยที่ 2-4 ไม่ได้ร่วมขัดขวางการเลือกตั้ง ส่วนอุทธรณ์โจทก์ข้ออื่นไม่เป็นสาระสำคัญ ที่เเก้เฉพาะจำเลยที่ 1 นอกนั้นให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โดยวันนี้จำเลยทั้ง 4 เดินทางมาศาลโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด

โดยวันนี้มีประเด็นเฉพาะฎีกาจำเลยที่ 1 นายสนธิญาณโดยศาลฎีกาพิพากษาเเก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก นายสนธิญาณ 8 เดือนเเต่พิจารณาเเล้วเห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายมาก ไม่เคยรับโทษมาก่อนประกอบอาชีพเป็นสื่อมวลชน เห็นควรให้ประกอบอาชีพไปรับใช้สังคม การลงโทษจำคุกระยะสั้นไม่เกิดประโยชน์ เเต่เพื่อให้หลาบจำ เห็นควรรอลงอาญา 2 ปี ปรับ2หมื่น

ส่วนจำเลยที่เหลือให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

นายสนธิญาน กล่าวว่า ยอมรับคำพิพากษาของศาล โดยศาลมีการพิจารณาตามหลักฐานที่มี โดยต้องกราบขอบพระคุณศาลที่เห็นว่าโทษจำคุกแปดเดือนเป็นระยะเวลาที่สั้นนั้น ควรให้ตนเองออกมาทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติในฐานะสื่อมวลชน โดยศาลได้ระบุแบบนั้น จึงมีคำสั่งให้รอลงอาญา ในคดีที่จำคุกหนึ่งปีตามศาลอุทธรณ์ และให้การเป็นประโยชน์ลดเหลือแปดเดือน ค่าปรับจาก 30,000 ลดเหลือ 20,000 บาท

ตนเองคงจะต้องไปทำหน้าที่ตามสิ่งที่ตนเองได้ทำมาจนถึงทุกวันนี้ตลอด 40 ปีและต้องทำหน้าที่ต่อไป หวังว่าสิ่งที่ทำจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติตามที่ศาลให้โอกาสตนเอง สำหรับการต่อสู้ของมวลมหาประชาชนที่นำโดยนายสุเทพเทือกสุบรรณ และทุกๆคนตนเองยืนยันว่าสิ่งที่พวกเราทำมีเจตนาเพื่อชาติบ้านเมืองอ่ะไม่ได้เป็นการทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือมีเรื่องส่วนตัวแต่อย่างใด ฉะนั้นภายใต้คำพิพากษาดังกล่าวศาลเห็นว่าสิ่งที่เราทำเป็นเรื่องที่ขัดต่อกฎหมาย ซึ่งเรายอมรับแต่ภายใต้คำพิพากษานั้นเราภาคภูมิใจในหน้าที่ที่เราได้ทำเพื่อประเทศชาติและบ้านเมืองรวมถึงชาติศาสนาพระมหากษัตริย์

ส่วนตอนนี้ยังมีคดีที่เกี่ยวข้องอีกหรือไม่นั้นตอนนี้ไม่มีแล้วเพราะถือว่าเมื่อถึงขั้นตอนของศาลฎีกาคดีเป็นอันยุตติหมดแล้วหลังจากนี้คงต้องรอลุ้นต่อไปในเดือนมิถุนายนสำหรับจำเลยชุดที่ 2ซึ่งมีนายสุเทพเทือกสุบรรณเป็นแกนนำ

เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรตอนที่ศาลมีคำวินิจฉัยว่าให้รอลงอาญาเนื่องจากเห็นว่าทำสื่อมานานและสร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติ นายสนธิญาณ เผยว่า ก็เป็นความเมตตาของศาล

ด้าน นายสวัสดิ์ เจริญผลทนายความ เผยว่า สำหรับคดีที่เกิด จากการชุมนุมของกลุ่มกปปส.มีอยู่สามคดี เรียกว่ากบฏเล็ก กบฏใหญ่และก็กบฏกลาง โดยกบฏเล็กเป็นคดีของนายสนธิญาณ กบฏใหญ่คือคดีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่จะนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ ซึ่งมีจำเลยจำนวน 39 คน ส่วนคดีกบฏกลางมีจำนวนจำเลย7 คน เป็นคดีของฝั่งทนายนกเขา ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายเวลายื่นอุทธรณ์ทั้งส่วนอัยการและจำเลย ส่วนกระบวนการของศาลจะออกมาอย่างไรนั้น ต้องรอฟังอีกครั้งไม่อาจคาดการณ์ล่วงหน้าหรือคิดเองได้แต่ถือว่าเป็นกระบวนการของศาลที่ต้องยอมรับ นอกจากนี้ในส่วนของนายสนธิญาณที่ได้ยื่นฎีกาแล้วนั้นทางอัยการก็มีการยื่นฎีกาเช่นเดียวกัน ทั้งชั้นต้นและชั้นอุทรณ์โดยฎีกาทั้งสี่คนแม้ว่าศาลอุทธรณ์จะลงโทษแค่นายสนธิญาณคนเดียว จึงมีการคัดค้านซึ่งศาลรับฎีกาจำเลยไว้ แต่ไม่รับฎีกาโจทก์จึงไม่รับวินิจฉัย จึงวินิจฉัยเฉพาะฎีกาของจำเลยที่1

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับคดีกบฏ กกปส.ชุดใหญ่ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2564 จำคุกจำเลยสำคัญคือ นายสุเทพ จำเลยที่ 1 จำคุก 5 ปี, จำคุก 9 ปี 24 เดือน นายชุมพล จุลใส จำเลยที่ 3, จำคุก 7 ปี นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จำเลยที่ 4, จำคุก7 ปี 16 เดือน นายอิสสระ สมชัย จำเลยที่ 5, นายวิทยา แก้วภราดัย จำเลยที่ 6 จำคุก 1 ปี เเละปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, นายถาวร เสนเนียม จำเลยที่ 7 จำคุก 5 ปี, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ จำเลยที่ 8 จำคุก 6 ปี 16 เดือน, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ จำเลยที่ 9 จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก จำเลยที่ 10 จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, พลเอก ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ จำเลยที่ 11 เสียชีวิต, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ จำเลยที่ 12 (เสียชีวิต), นายถนอม อ่อนเกตุพล จำเลยที่ 14 จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, อดีตพระพุทธะอิสระ หรือ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ จำเลยที่ 16 จำคุก 4 ปี 8 เดือน, นายสาธิต เซกัลป์ จำเลยที่ 17 จำคุก 2 ปี ปรับ 26,666 รอลงอาญา 2 ปี, พลอากาศโท วัชระ ฤทธาคนี จำเลยที่ 19 จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, พลเรือเอก ชัย สุวรรณภาพ จำเลยที่ 20 จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, เรือตรี แซมดินเลิศบุศย์ จำเลยที่ 24 จำคุก 4 ปี 16 เดือน, นายมั่นแม่น กะการดี จำเลยที่ 25 จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, นายสาวิทย์ แก้วหวาน จำเลยที่ 29 จำคุก 2 ปี, นายสุริยะใส กตะศิลา จำเลยที่ 30 จำคุก 2 ปี, นายสำราญ รอดเพชร จำเลยที่ 33 จำคุก 2 ปี 16 เดือน, นายอมร อมรรัตนานนท์ จำเลยที่ 34 จำคุก 20 เดือน, นายพิเชษฐ พัฒนโชติ จำเลยที่ 35 จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, นายกิตติชัย ใสสะอาด จำเลยที่ 37 จำคุก4 เดือน ปรับ 6,666 บาท รอลงอาญา 2 ปี และ นางทยา ทีปสุวรรณ จำเลยที่ 38 จำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับ 26,666 บาท รอลงอาญา 2 ปี

และให้ยกฟ้องจำเลยจำนวน 12 คน ประกอบด้วย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย จำเลยที่ 2, นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์จำเลยที่ 13, นางสาวรังสิมา รอดรัศมี จำเลยที่ 18, นายแก้วสรร อติโพธิ จำเลยที่ 21, นายไพบูลย์ นิติตะวัน จำเลยที่22, นายถวิล เปลี่ยนศรี จำเลยที่ 23, พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ จำเลยที่ 27, นายพิภพ ธงไชย จำเลยที่ 28, นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด จำเลยที่ 31, พ.ต.ท.ภัทรพงศ์ สุปิยะพาณิชย์ จำเลยที่ 32, นายสมบูรณ์ ทองบุราณ จำเลยที่ 36, นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง จำเลยที่ 39

สำหรับจำเลย 12 คน ที่ศาลจำคุกแต่ให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ประกอบด้วย นายวิทยา จำเลยที่ 6, นายเอกนัฏ จำเลยที่9, น.ส.อัญชะลี จำเลยที่ 10, นายสมเกียรติ จำเลยที่ 12, นายถนอม จำเลยที่ 14, นายสาธิต จำเลยที่ 17, พลอากาศโทวัชระ จำเลยที่ 19, พลเรือเอก ชัย จำเลยที่ 20, นายมั่นแม่น จำเลยที่ 25, นายพิเชษฐ จำเลยที่ 35, นายกิตติชัย จำเลยที่ 37, นางทยา จำเลยที่ 38 เพราะบางคนเป็นเพียงผู้ร่วมชุมนุมเท่านั้นเ เละแม้บางคนจะเป็นแกนนำในการชุมนุมด้วยก็ตาม แต่ความผิดที่จำเลยแต่ละคนกระทำนั้นน้อยกว่าจำเลยอื่น อีกทั้งไม่ปรากฏว่า มีพฤติการณ์อุกอาจหรือรุนเเรงจากการชุมนุมประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยดังกล่าวเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนจึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยดังกล่าวกลับตัวเป็นพลเมืองดี

นอกจากนี้ ยังให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่ 3, 5, 8, 16, 24, 33, 38 มีกำหนดคนละ 5 ปี เเละให้นับโทษของจำเลยที่ 15, 25, 30 ต่อจากโทษตามท้ายฟ้องด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตั้งป้อมชน 'ระบอบทักษิณใหม่' ประเดิม 18 ธ.ค. บุก ป.ป.ช. หึ่งล็อบบี้หนักล้มคดีชั้น 14

วงหารือฝ่ายต้านรัฐบาล ตั้งป้อมชน 'ระบอบทักษิณใหม่' นำร่อง 18 ธ.ค. บุกตึก ป.ป.ช. หลังได้กลิ่นล็อบบี้หนัก 3 กรรมการฯ ล้มคดีชั้น 14

'ขิง' ขอพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงาน บ้านเมืองต้องมาก่อน ปัดตอบคุยสุเทพหรือไม่

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์หลังได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก เพราะเคยร่วมชุมนุมกับกลุ่ม กปปส.