‘จตุพร’ ปลุกเสื้อแดง อย่ายึดติดพ่อค้าลวงโลก พิสูจน์ชัด ‘ทักษิณ’ ไม่ใช่นักต่อสู้เพื่อ ปชต.

‘จตุพร’ทุบพ่อค้าลวงโลก อ้างเป็นนักสู้เพื่อ ปชต.และความเป็นธรรมของสังคมเท่าเทียม ฟาดสันดานโผล่ที่แท้แค่คนสองมาตรฐาน แบ่งสรร กอบโกย ตระบัดสัตย์ สมยอมสมรู้ร่วมคิดตั้ง รบ.กับคนปราบเสื้อแดง แล้วทำตัวผูกขาดแบ่งแยกงานรำลึกราชประสงค์ กระทุ้งเสื้อแดงอย่ายึดบุคคล ให้เอา ปท.เป็นที่ตั้ง

20 พ.ค.2567- นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์เรียกร้องคนเสื้อแดงอย่ายึดติดกับบุคคลที่เป็นพ่อค้าลวงโลก เพราะการต่อสู้ที่ผ่านมาพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า ทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและเพื่อความยุติธรรมเท่าเทียม แต่เป็นคนสองมาตรฐาน และนักจัดสรรแบ่งปันผลประโยชน์จากการเลือกตั้ง แล้วละทิ้งการต่อสู้ของประชาชนที่สละชีวิต สูญสิ้นอิสรภาพ

พฤษภาคมเป็นเดือนการต่อสู้ของประชาชนเพื่อเรียกร้อง ปชต. ประวัติศาสตร์บอกเล่ารับรู้มาตั้งแต่พฤษภาทมิฬปี 2535 แล้วเปลี่ยนมาเป็นพฤษภาประชาธรรม ซึ่งประชาชนถูกกลุ่มอำนาจนิยมฆ่าและสูญหายร่วม 80 ชีวิต แต่ชัยชนะกลับอยู่ได้ชั่วประเดี๋ยวประด่าว แม้ได้เลือกตั้ง ได้ รธน. 2540 แต่นักการเมืองผสมนักธุรกิจแย่งชิงอำนาจผ่านการซื้อเสียง และถึงที่สุดประชาชนแพ้ ยังไม่ได้ประชาธิปไตยแท้จริงกลับมา

จากนั้นมาถึงพฤษภาอำมหิตปี 2553 ประชาชนเสื้อแดงถูกอำนาจนิยมล้อมปราบกลางกรุงอีกครั้ง เลือดนองถนน ถูกยิงตายแยกราชประสงค์ และวัดปทุมวนารามเขตอภัยทานยังไม่เว้น ประชาชนตายเกือบร้อยชีวิต บาดเจ็บกว่า 2,000 คน เพราะต่อสู้สนับสนุนทักษิณ และพรรคการเมืองของเขา โดยเชื่อว่า มีอุดมการณ์ฝ่ายประชาธิปไตย แต่เมื่อชนะเลือกตั้งกลับไม่เห็นคุณค่าการต่อสู้ของประชาชน แล้วยังละทิ้งจุดยืนความยุติธรรมเหมือนเดิม

“ครั้งหนึ่ง ในการประชุมพรรคเพื่อไทย ผมบอกว่าคนเสื้อแดงไม่ใช่ของตายให้พรรคการเมือง เพราะเขาเป็นสิ่งมีชีวิต มีความคิดและรับผิดชอบในการต่อสู้ ดังนั้น ไม่ควรประเมินค่าการต่อสู้ต่ำ เพราะไม่มีใครต้องการเอาชีวิตไปแลกกับเงินเยียวยา แต่เป็นวิถีของคนไปต่อสู้ต้องการหลักการเป็นธรรม ความถูกต้อง ดีงาม และประชาธิปไตยเสมอกัน”

เมื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวทักษิณ ถูกดันให้เป็นนายกฯ รัฐบาลหวังออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมืองเฉพาะประชาชน แต่กลับแฝงปลดปล่อยคดีทุจริตด้วย โดยต้องการช่วยให้ทักษิณได้กลับบ้าน ดังนั้นโอกาสประชาชนจะหลุดพ้นคดีชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ได้ออกจากคุกจึงละลายหายทิ้งไปเพราะมีการแปลงสาร จนกลายเป็นกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยชนวนปลุกอีกฝ่ายมาล้มรัฐบาลเพื่อไทยจนพินาศย่อยยับมาถึงทุกวันนี้

อย่างไรก็ตาม วันที่ 19 พ.ค. ตนกับนักต่อสู้และประชาชนจำนวนหนึ่งได้ทำบุญให้ผู้เสียชีวิตที่ถูกปราบ ถูกยิงด้วยปืนสงครามที่วัดปทุมวนาราม แล้วไปร่วมงานฌาปนกิจ “บุ้ง-เนติพร เสน่ห์สังคม” แม้ส่วนตัวไม่รู้จักกัน แต่ตนเป็นเพื่อนร่วมต่อสู้กับพ่อของบุ้งมาตั้งแต่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี 2535 แล้ว

บรรยากาศรำลึกเหตุการณ์ต่อสู้ของเสื้อแดงที่ถูกแบ่งเป็นแดงทักษิณกับแดงไม่ใช่ทักษิณ ทั้งที่การต่อสู้กับสีเสื้อเป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้น แต่แก่นแท้เป็นการต่อสู้ที่มีจุดมุ่งหมายให้ได้ความยุติธรรม ประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ซึ่งประชาชนยังเดินไปไม่ถึงจุดหมายนั้น อย่าโทษคนเสื้อแดงจำนวนมากไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองที่เปลี่ยนแปลงจุดยืน ยิ่งหลังวันที่ 22 ส.ค. 2566 ที่ได้รัฐบาลตระบัดสัตย์ ดังนั้นปรากฎการณ์เสื้อแดงในวันนี้จึงเกิดภาพแยกตัวกันเป็นฝ่ายๆ เพื่อรำลึกถึงการต่อสู้ของคนเสื้อแดง

“ผมเห็นภาพแล้วอเนจอนาถ ความจริงน่าจะโงหัวออกจากกระดองกันได้แล้ว วันนี้ยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่า พรรคการเมืองที่ตัวเองไปสนับสนุนประกาศให้คนเสื้อแดงกลับบ้าน และสัญญาจะให้ญาติคนเสื้อแดงที่ตายฟ้องตรงต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ แต่สุดท้ายที่กฎหมายเสนอต่อสภาต้องถูกถอนออกก่อนทักษิณ จะกลับบ้าน อ้างนำมาปรับปรุง แต่บัดนั้นยันบัดนี้ยังไม่ได้เสนอกลับเข้าสภาอีกเลย ดังนั้น ความตายที่คนเสื้อแดงไปแลกมาจึงไม่คุ้มค่า”

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้ากลุ่มหนึ่งไปแสดงตัวเป็นแดงทักษิณมากเท่าไรก็เป็นเรื่องน่าอับอายมากเท่านั้น ทั้งที่ความจริงเสื้อแดงไม่ได้เป็นของใคร เพราะการต่อสู้เป็นประวัติศาสตร์ของประชาชนที่ไม่มีใครมาเป็นเจ้าของได้  ดังนั้น หากทักษิณต้องการเป็นเจ้าของแล้ว เสียงปืนนัดแรกต้องกลับมาร่วมต่อสู้ แต่ไม่มา ไม่เพียงเท่านั้น ยังประกาศไม่ให้คนเสื้อแดงพายเรือมาส่งเท่ากับเป็นการตัดญาติขาดมิตรกัน อีกอย่างการตั้งรัฐบาลอุ้มสมกันระหว่างผู้ถูกฆ่ากับผู้ฆ่าคนเสื้อแดง แล้วอย่างนี้จะเรียกร้องชี้หน้าคนอื่นเป็นสลิ่มได้อย่างไรกัน เพราะพฤติกรรมของตัวเองยิ่งกว่าไปกล่าวหาคนอื่นเสียอีก

วันนี้ไม่ใช่สงครามของสีเสื้อใดๆ เพราะความขัดแย้งเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องขัดแย้งของเหลืองกับแดง แต่เป็นเรื่องถูกกับผิด และดีกับชั่วเลว ที่ผ่านมาประชาชนมีความเจ็บปวดมากมายจากการต่อสู้แลกด้วยชีวิต มีคนตาย บาดเจ็บ สูญสิ้นอิสรภาพ และไม่ได้รับความยุติธรรมมากที่สุด แล้วคนเสื้อแดงจะเลือกแนวทางใด

“การต่อสู้ที่ผ่านมา คนเสื้อแดงคิดว่าเขา (ทักษิณ) จะเป็นนักต่อสู้เพื่อ ปชต.และรักความเป็นธรรม แต่แท้ที่จริงเขาเป็นเพียงพ่อค้า เอาเฉพาผลประโยชน์ ไม่มีจุดยืน ไม่มีอุดมการณ์ใดๆทั้งสิ้น หากยังมีจุดยืนแล้ว ต้องมีสำนึกที่ประชาชนเอาชีวิตไปแลกให้ และไม่ควรกระทำในสิ่งที่ทำในปัจจุบันคือ คนสองมาตรฐาน”

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อเทียบเคียงกรณีทักษิณกับบุ้ง-เนติพรจะเห็นความเป็นสองมาตรฐานชัดเจน เพราะการปฏิบัติกับบุ้งถ้าได้เพียงครึ่งเดียวของอดีตนายกฯ ทักษิณ แล้ว บุ้งคงไม่เสียชีวิต อีกอย่างคนเสื้อแดงต่อสู้กับสองมาตรฐานที่ผ่านมา แล้วทักษิณและรัฐบาลเพื่อไทยได้สร้างสองมาตรฐานตำตา ที่สำคัญเอาความตายที่ต่อสู้มาละเลงเล่น โดยไม่สำนึกถึงการต่อสู้ของประชาชนเลย

ดังนั้น ถ้าขบวนการประชาชนเสื้อแดงยังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปแล้ว แม้การรำลึกถึงการต่อสู้ของคนเสื้อแดงเป็นเรื่องงดงาม แต่คนและพรรคการเมืองที่คิดว่าใช่นักสู้เพื่อประชาชนกลับไม่ใช่ เป็นเพียงสิ่งลวงโลกเท่านั้น ไม่มีพฤติกรรมตรงเจตนาประชาชนตามที่ประกาศช่วงหาเสียงเลือกตั้งแล้วได้เป็นรัฐบาล

“วันนี้วาระ 14 ปีการต่อสู้ของคนเสื้อแดง ท้ายที่สุดแล้วอำนาจยังไม่ถึงมือประชาชน ดังนั้น ผมขอบอกว่า บัดนี้ขอให้วางเรื่องบุคคลลง แล้วเอาเรื่องประเทศไทย และความถูกต้องดีงามมาเป็นหลัก เพราะตัวบุคคลมีการเปลี่ยนแปลงได้ เราเคยคิดว่า เขา (ทักษิณ) เป็นคนดี เป็นนักต่อสู้แต่ความจริงแล้วมันก็ไม่ใช่ เราได้แค่พ่อค้าลวงโลกเท่านั้น ซึ่งไม่ตรงกับความสูญเสียที่เราเอาชีวิตไปแลกให้”

ส่วน 40 สว.เข้าชื่อส่งให้ศาล รธน.พิจารณาถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสินกับนายพิชิต ชื่นบาน ออกจากตำแหน่ง เพราะมีคุณสมบัติฝ่าฝืนจริยธรรมการเมืองอย่างร้ายแรง โดยนายจตุพร กล่าวว่า เกิดจากการดีลลังกาวีที่เป็นปัญหา จึงต้องจับตาวันที่ 23 พ.ค.นี้ว่า ศาล รธน.จะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ ถ้ารับไว้แล้วจะสั่งให้ผู้ถูกร้องต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เลยหรือไม่ด้วย

นายจตุพร กล่าวว่า หากศาล รธน.สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ ก็จะตรงกับวันอัยการสูงสุดนัดทักษิณมาฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ในคดี ม.112 ซึ่งต้องลุ้นว่า ถ้าฟ้องก็ติดคุกและขอประกันตัว หากไม่ฟ้องจะก่อหวอดอารมณ์สังคมเดือดดาลจนนำไปสู่การล้มกระดานหรือไม่ นอกจากนี้ยังจะพิสูจน์เรื่องไฟเขียวที่แอบอ้างกันด้วยว่า มีจริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ดีลลังกาวีกับการแอบอ้างไฟเขียวนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสิ้น ดังนั้น ตั้งแต่ 23 พ.ค.ถ้าศาล รธน.รับคำร้องไว้พิจารณาและสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ย่อมเกิดแรงเหวี่ยงตามมามากมายทั้งในพรรคร่วมรัฐบาลและภาคประชาชนอาจขยับได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เดือดพลั่ก! ยธ. แถลงโต้ กมธ.มั่นคงฯ ไม่มีอำนาจเรียก ทวี-อธิบดีกรมคุก ชี้แจงทักษิณชั้น 14

นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายวรชัย บุตรดาบุตร เลขานุการกรมราชทัณฑ์ นายณรงค์ หนูคง ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ และ น.ส.วริศรา กุญชร ณ อยุธยา ผอ.กองกฎหมาย

เดือด! 'โตโต้' สวน ยธ. ยันมีอำนาจสอบทักษิณป่วยทิพย์ ลั่น กมธ.มั่นคงฯทำงานครอบจักรวาล

นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม.พรรคประชน (ปชน.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร

'โรม' กล่อม 'ทักษิณ' เข้าแจง กมธ.ความมั่นคง ปมชั้น 14 เชื่อเป็นผลดีต่อรัฐบาล-นายกฯอิ๊งค์

นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเชิญนายทักษิณ ชินวัตร

มองต่างมุม 'ดร.ณัฏฐ์' เชื่อศาลรธน.ตีตกคำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างฯ

สืบเนื่องจากกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร  ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็น เพื่อวินิจฉัยสั่งการให้ นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย เลิกการก

เตือน ถ้าชื่อ 'ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ' ผ่าน ครม.จะมีการฟ้องกันระนาวแน่

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ ว่า กรณีแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาตินั้น

'ทักษิณ' หลุดปาก 'ยิ่งลักษณ์' จะกลับบ้าน แสดงถึงอาการร้อนรนในสถานการณ์ 22 พ.ย.

'จตุพร' แทงสวน อสส.ส่งความเห็นหลังปล่อยอำนาจหลุดมือ เชื่อ 22 พ.ย. ศาลรธน. มติเอกฉันท์ รับคำร้อง โต้สีอื่นไม่เคยตกใส่เสื้อแดง มีแต่สีคนตระบัดสัตย์ไม่ซื่อตรงปชช. ชี้ 'ทักษิณ' หลุดปาก 'ยิ่งลักษณ์' จะกลับบ้าน แสดงถึงอาการร้อนรนในสถานการณ์ เตือนหลายฝ่ายทนไม่ไหว คดีทุจริตไม่ติดคุกสักวัน หวั่นเหตุการณ์ซ้ำรอย