'พีระพันธุ์' เผยเร่งเขียนกฎหมาย ดึงอำนาจกำหนดภาษีน้ำมันดีเซลกลับมาอยู่ ก.พลังงาน เหมือนเดิม

"พีระพันธุ์" เร่งเขียนกฎหมายปรับโครงสร้างราคาน้ำมันใหม่ เล็งดึงอำนาจกำหนดภาษีสรรพสามิตน้ำมันกลับมาอยู่กับก.พลังงาน ชี้เป็นเครื่องมือช่วยลดการขาดทุนของกองทุนพลังงานฯ บอกเดิมมีทั้งเครื่องมือ เงินในกองทุนน้ำมันและภาษีฯ คาดใช้เวลาทำกฎหมายไม่นาน ไม่ทราบกฤษฎีกาทักท้วงการอุดหนุนราคาพลังงาน

8 พ.ค.2567 - เมื่อเวลา 13.50 น. ที่ทำเนียบฯ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและรมว.พลังงาน กล่าวถึงกรณีสมาคมขนส่งมีข้อกังวลเกี่ยวกับเรื่องการปรับเพดานการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไปที่ 33 บาทต่อลิตรอาจกระทบกับภาคการขนส่งนั้น ว่า เราพยายามที่จะดูแลราคาน้ำมันดีเซลมาให้ตลอด ตนเองก็ได้รับข้อร้องเรียนว่าทำไมเวลาราคาน้ำมันในตลาดโลกลดราคาแล้ว ถึงไม่มีการลดราคาให้กับประชาชน

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานพยายามที่จะตรึงราคาอยู่ที่ 30 บาทต่อลิตร แต่ในขณะนี้เรายังตรึงไม่ได้ ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิธีการตรึงราคาด้วยเงิน ก็ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋า เงินมากเราก็ตรึงราคาได้มาก แต่ถ้าเงินน้อย เราก็ตรึงได้น้อย ถ้าเราเก็บเงินได้มากเดี๋ยวเราก็ตรึงได้อีก แต่ว่าระบบนี้เราไม่เห็นด้วย ซึ่งก็ต้องปรับระบบใหม่

"ผมกำลังเขียนกฎหมายอยู่ และจะแล้วเสร็จเร็วๆนี้ โดยคาดว่าใช้เวลาไม่นาน ตอนนี้เขียนไปได้ในระดับหนึ่งแล้ว"

เมื่อถามว่ากองทุนน้ำมันยังใช้ในการดูแลราคาน้ำมันได้อีกนานแค่ไหน นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เดิมการดูแลราคาน้ำมันตั้งแต่ปี 2516 ที่มีการตั้งกองทุนน้ำมันแต่ยังไม่ได้มีกฎหมายรองรับ เพิ่งมามีกฎหมายรองรับเมื่อปี 2562 โดยก่อนปี 2562 นั้นคำสั่งที่ใช้ในการดำเนินงานตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 4/2547 ในคำสั่งนี้ให้อำนาจกองทุนน้ำมันมีอำนาจในการดูแลหรือตรึงราคาน้ำมันได้ 2 วิธี หรือ 2 ขา คือการใช้เงินในกองทุนน้ำมันฯ และ อีกส่วนหนึ่งคือการให้อำนาจในการกำหนดเพดานภาษี

ทั้งนี้กองทุนน้ำมันฯในอดีตไม่มีอำนาจในการเก็บภาษีแต่มีอำนาจในการกำหนดเพดานภาษีของน้ำมันแต่ละชนิด ดังนั้นเราสามารถใช้เครื่องมือทั้งสองส่วนนี้ในการดูแลราคาน้ำมันให้ประชาชนได้ ซึ่งเราสามารถใช้ทั้งเงินในกองทุนน้ำมัน และเพดานภาษีมาดูแลราคาน้ำมัน ซึ่งก็คือเรามีอำนาจในการกำหนดเพดานภาษีน้ำมันแต่ละประเภท แต่คนเก็บภาษีนั้นคือกระทรวงการคลัง แต่พอออกกฎหมายในปี 2562 แล้วไปตัดอำนาจในการกำหนดภาษีของกองทุนน้ำมันฯออก เหลือแต่การใช้เงินอย่างเดียว ทำให้กองทุนน้ำมันฯนั้นติดลบ เป็นหนี้จำนวนมากตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา

“การกำหนดภาษีน้ำมันฯซึ่งเคยเป็นอำนาจของกองทุนน้ำมันฯนั้นไม่มีแล้วตั้งแต่ปี 2562 ครั้งนี้เราก็ไปขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาลดเพดานภาษีน้ำมันสรรพสามิตดีเซล แต่เขาไม่เห็นด้วย แต่เดิมนั้นกระทรวงพลังงานนั้นสามารถกำหนดผ่านกองทุนฯได้ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ควรมมีการแก้ไขต่อไปเช่นกัน ซึ่งควรจะกลับมาเป็นแบบเดิม เนื่องจากสินค้าตัวนี้กระทรวงพลังงานเป็นคนดู อำนาจส่วนนี้จึงควรอยู่กับกระทรวงพลังงาน แต่เมื่อกำหนดแล้วก็เป็นหน้าที่ที่กระทรวงการคลังไปเก็บภาษีในส่วนนี้ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 4/2547”

เมื่อถามถึงเรื่องการคัดค้านการอุดหนุนราคาพลังงานของคณะกรรมการกฤษฎีกานั้น นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องดังกล่าว

“ผมนั่งอยู่ในที่ประชุม ครม.เรื่องนี้ไม่มีนะ การช่วยเหลือประชาชนมันไม่ดีตรงไหน ส่วนข้อกังวลจากหน่วยงานที่ไม่เกี่ยวข้องผมไม่เห็น”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พรรคร่วมรัฐบาลขอเขย่า ไม่ตกเป็น'หมูในอวย'พท.

แม้ว่าพรรคร่วมรัฐบาล นำโดยพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ฯลฯ จะยอมผ่านเรือธงของพรรคเพื่อไทย โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 1 หมื่นบาทให้แก่ประชาชนจำนวน 50 ล้านคน

'พีระพันธุ์' เผยตรึงราคาค่าไฟที่ 4.18 บาท ซัดคนปล่อยข่าวหวังให้ประชาชนเข้าใจผิด

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน กล่าวกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะปรับขึ้นค่าไฟ 6 บาทต่อหน่วย ว่า จากการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อยุติว่าจะตรึงค่าไฟไว้ที่ 4.18 บาท ส่วนจะตรึงกี่เดือนนั้น ต้องพิจารณาตามราคาตามค่าเอฟทีที่ปรับทุก 4 เดือน จึงต้องมาดูตรงนี้ด้วย ถ้ามีการปรับลดลง

'พีระพันธ์ุ' เตรียมเสนอมาตรการลดค่าไฟ-พลังงาน ตามข้อสั่งการนายกฯ เข้าครม.สัปดาห์หน้า

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะคุยกับนายพีระพันธุ์ ให้หามาตรการ ลดค่าไฟ และนำเข้าสู่ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้

พาณิชย์ ยอมรับภาพรวมค่าบริการขนส่งสินค้าทางถนน ปรับเพิ่มสูงขึ้น

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ภาพรวมดัชนีค่าบริการขนส่งสินค้าทางถนน ไตรมาสที่ 2 ปี 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2566 หลังจากที่ชะลอตัวตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 2566 และปรับตัวลดลงตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2566