อึ้ง! ‘อุ๊งอิ๊ง’ แค่ ‘รองปธ.ซอฟต์พาวเวอร์’ ปาฐกถาเหมือนเป็นนายกรัฐมนตรี

อดีตรองอธิการบดี มธ. ชี้การปาฐกถาพิเศษของคุณแพทองธารก็คือ คุณแพทองธารคือ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีบทบาทในรัฐบาลก็คือเฉพาะเรื่อง soft power แต่แสดงปาฐกถาเสมือนหนึ่งว่าตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี

6 พ.ค.2567-รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ ตอนนี้ค่ะ กฎหมายพยายามจะให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสระจากรัฐบาลค่ะ ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นปัญหาและก็เป็นอุปสรรคสำคัญมากๆในการแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิค่ะ เพราะว่านโยบายทางด้านการคลังถูกใช้งานเพียงทางด้านเดียวมาตลอด และก็ทำให้ประเทศของเรามีหนี้ที่สูงมากขึ้น และก็สูงเพิ่มมากขึ้นทุกปีจากการตั้งงบประมาณที่ขาดดุลค่ะ ถ้านโยบายการเงินที่บริหารโดยธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ยอมที่จะเข้าใจและก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือ ประเทศของเราจะไม่มีทางลดเพดานหนี้ได้เลยค่ะ”

นี่คือคำพูดของคุณแพทองธาร ชินวัตร ในการแสดงปาฐกถาพิเศษในการประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีคุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีนั่งฟังอยู่ด้วย

ค่อนข้างจะงงกับข้อความที่ว่า “ตอนนี้กฎหมายพยายามจะให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสระจากรัฐบาล” หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าปัจจุบันนี้รัฐบาลสามารถแทรกแซงธนาคารแห่งประเทศไทยได้ แต่มีความพยายามที่จะแก้กฎหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นอิสระหรืออย่างไร

ข้อความที่ว่า “ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นปัญหาและก็เป็นอุปสรรคมากๆในการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ เพราะว่านโยบายการคลังถูกใช้งานเพียงด้านเดียวมาตลอด”  ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยก็เป็นอิสระมานานแล้ว ไม่ใช่กฎหมายกำลังพยายามจะให้เป็นอิสระ ใช่หรือไม่

ไม่ทราบว่าใครเป็นเขียนบทปาฐกถาให้คุณแพทองธาร หรือว่าคุณแพทองธารไม่ได้อ่านทุกคำ แต่ใช้ความจำในบางครั้ง และพูดเอาเองด้วยเป็นบางครั้ง คำพูดจึงมีความขัดแย้งกันเอง อย่างไม่น่าให้อภัย แสดงว่าคุณแพทองธารยังไม่พร้อมที่จะแสดงปาฐกถาที่ต้องใช้ความรู้และหลักการทางวิชาการเช่นนี้

หลังจากที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในกรณีนี้ ทั้งคุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐบมนตรีและคุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ก็ออกมาปกป้องคุณแพทองธาร โดยให้เหตุผลว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ใช่องค์กรที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือแตะต้องไม่ได้ แต่ที่คุณแพทองธารพูดซึ่งก็คงพูดตามบท ไม่ใช่เพียงวิพากษ์วิจารณ์ธนาคารแห่งประเทศไทย แต่เป็นการทำลายหลักสากลที่ประเทศที่เจริญแล้วทั้งหมดยึดถือ นั่นคือ ธนาคารกลางควรต้องเป็นอิสระในการกำหนดและดำเนินนโยบายการเงิน ส่วนฝ่ายการเมืองหรือรัฐบาลมีหน้าที่กำหนดและดำเนินนโยบายการคลัง และไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลาง

ฟังจากที่คุณแพทองธารพูด จะหมายความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากหมายความว่า การที่รัฐบาลดูแลนโยบายการคลังเพียงอย่างเดียว ไม่ได้แตะต้องนโยบายการเงิน เป็นสาเหตุที่ทำให้ประเทศมีหนี้สูงมากขึ้น จากการที่ต้องทำงบประมาณขาดดุล ดังนั้นหากรัฐบาลไม่ได้มีโอกาสดำเนินนโยบายการเงิน หรือสั่งธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ได้ ประเทศไทยก็ไม่มีทางที่จะลดเพดานหนี้ได้เลย

นี่คือการโยนความผิดของการทำงบประมาณขาดดุลไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นตรรกะเลวร้ายมากที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา เพราะการทำงบประมาณขาดดุลหรือเกินดุล ไม่ได้เกี่ยวกับธนาคารแห่งประเทศไทยแต่อย่างใดเลย ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และบรรดาผู้บริหารของธนาคารแห่งประเทศไทย ล้วนเป็นผู้ที่ร่ำเรียนมาในสาขาวิชาที่ตรงกับงาน ส่วนใหญ่จบปริญญาเอกจากสถาบันการศึกษาชั้นนำของโลก กว่าจะได้มานั่งตำแหน่งที่นั่งอยู่ ต้องผ่านประสบการณ์ทำงาน และผ่านกระบวนการคัดเลือกมาอย่างเข้มข้น เป็นการคัดเลือกโดยดูจากความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ ไม่ได้เข้าสู่ตำแหน่งจากการเลือกตั้ง หรือจากการเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้มีอำนาจ ดังนั้นพวกเขาคือผู้ที่รู้จริง ต้องถามว่าผู้ที่โยนความผิดไปให้พวกเขาเรียนจบอะไรมา จากสถาบันใด มีประสบการณ์อะไรบ้าง

ชัดเจนว่าทั้งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต้องการปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยให้เร็วที่สุด แต่ขณะนี้ยังไม่กล้า และก็ไม่รู้ว่าจะปลดได้หรือไม่ อย่างไรก็ดี ในอดีตก็ได้มีการปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมาแล้วหลายคนด้วยเหตุผลที่ไม่สนองนโยบายรัฐบาล อาทิเช่น 

ปี 2527 นายนุกูล ประจวบเหมาะ ถูกปลดเนื่องจากไม่ตอบสนองนโยบายลดค่าเงินบาทของรัฐบาล  พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี

ปี 2533 นายกำจร สถิรกุล ถูกปลดเนื่องจากไม่ตอบสนองนโยบายลดอัตราดอกเบี้ย  พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัน เป็นนายกรัฐมนตรี

ปี 2544 ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ถูกปลดเนื่องจากไม่ยอมทบทวนนโยบายดอกเบี้ย  นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

จะเห็นว่าในอดีตมีการปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยเหตุผลที่ไม่สนองนโยบายรัฐบาลอย่างน้อย 3 คน  แต่ในพ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทยฉบับ 2551 รัฐบาลจะปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยได้ใน 2 กรณีต่อไปนี้เท่านั้น

1. คณะรัฐมนตรีมีมติให้ออกโดยคำแนะนำของรัฐมนตรี เพราะมีความประพฤติเสื่อมเสียอย่างร้ายแรงหรือทุจริตต่อหน้าที่

2. คณะรัฐมนตรีมีมติให้ออกโดยคำแนะนำของรัฐมนตรีหรือการเสนอของรัฐมนตรี ตามคำแนะนำของคณะกรรมการ ธปท. เพราะบกพร่องในหน้าที่อย่างร้ายแรง หรือหย่อนความสามารถ โดยมติดังกล่าวต้องแสดงเหตุผลในการให้ออกอย่างชัดแจ้ง

ดังนั้น รัฐบาลจึงไม่น่าจะปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยได้ง่ายๆ นอกจากนี้ เวลายิ่งผ่านไปภูมิต้านทานของผู้ว่าฯก็ยิ่งจะมีสูงขึ้น เนื่องจากดูเหมือนว่าสังคมจะให้กำลังใจท่านมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเชื่อว่าท่านคงจะไม่ถอดใจลาออกอย่างแน่นอน 

ประเด็นสุดท้ายที่อยากจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับ การปาฐกถาพิเศษของคุณแพทองธารก็คือ คุณแพทองธารคือ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีบทบาทในรัฐบาลก็คือเฉพาะเรื่อง soft power แต่แสดงปาฐกถาเสมือนหนึ่งว่าตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี เช่นพูดว่า

“ อีกสักพักเราจะเริ่มทำในเรื่องของการปรับโครงสร้างกระทรวงทบวงกรมเร็วๆนี้ ” และ “เรื่องปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ เรามีความตั้งใจว่า ต่อไปข้างหน้าเราจะต้องผูกมิตรกับทุกมหาอำนาจ ให้ประเทศไทยเปิดเป็นพื้นที่ของการเจรจาเพื่อความสันติ “

นอกจากนี้ยังประกาศว่าจะยกเลิกและแก้ปัญหาอีกหลายฉบับ ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะแก้ พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยหรือไม่

คุณแพทองธารไม่เพียงไม่เกรงใจคุณเศรษฐา ซึ่งนั่งฟังอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ยังไม่เกรงใจพรรคอื่นๆที่ร่วมรัฐบาลอยู่เลยแม้แต่น้อย

นี่คือรัฐบาลที่ยิ่งวันยิ่งพิลึกกึกกือหรือใช่หรือไม่ เราจะต้องทนอยู่กับความพิลึกกึกกืออย่างนี้ไปได้อีกนานเท่าใด ก็อยู่ที่พวกเราเอง ไม่ใช่หรือ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แจกเฟส 2 หวังผลการเมือง ส่อผิดกฎหมายหลายกระทง?

ปี่กลองอึกทึกครึกโครม ในสนามเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงนี้จึงอยู่ในช่วงงัดไม้เด็ดเดิมพันให้ได้คว้าชัยชนะ เพื่อเป็นอีกก้าวปูทางไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่