24 เม.ย.2567 - เมื่อเวลา 11.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการเข้าพบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โดยให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ส่งหนังสือถึงคณะรัฐมนตรี(ครม.) ให้ทบทวน พร้อมตั้งข้อสังเกตในโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า ทางผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถให้ความเห็นมาได้ ทั้งเห็นด้วยและมีข้อทักท้วง ซึ่งเราก็รับฟัง และการประชุมครม. เมื่อวันที่ 23 เม.ย.มีการพิจารณาเรื่องของหลักการ และขั้นตอนการดำเนินการหลังจากนี้ไป และมีระเบียบและกฎหมายที่ต้องดำเนินการตามนั้น
นายลวรณ กล่าวต่อว่า ความเห็นของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ได้ส่งผลให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตสะดุดลง และขณะนี้ยังมีเวลาในการพิจารณา ซึ่งหลังจากนี้ ก็ต้องเริ่มดำเนินการได้แล้ว เนื่องจากได้ผ่านการเห็นชอบในหลักการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามว่าความเห็นของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยที่ออกมาระบุว่าขอให้ลดกลุ่มเป้าหมายเหลือเพียงกลุ่มเปราะบางที่มีรายได้น้อยประมาณ 15 ล้านคน จะนำข้อเสนอดังกล่าวมาพิจารณาด้วยหรือไม่ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ทางผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เคยให้ความเห็นเช่นนี้มาตั้งแต่ต้น จนผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่ากลุ่มใดเป็นผู้ที่เหมาะสม ซึ่งได้ผ่านขั้นตอนนั้นไปทั้งหมดแล้ว และสิ่งที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความเห็นมาก็เป็นข้อเสนอแนะเดิมที่เคยพูดในที่ประชุมมาโดยตลอด ไม่มีอะไรเป็นประเด็นใหม่ ซึ่งในที่ประชุมก็ได้มีการชี้แจงต่อข้อกังวลธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามต่อว่าจะมีการชี้แจงต่อธนาคารแห่งประเทศไทยอีกครั้งหรือไม่ นายลวรณ กล่าวว่า ได้มีการชี้แจงต่อธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยจะไม่ได้มาเข้าร่วมการประชุมก็ตาม ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเนื่องจากเราพิจารณาในรูปแบบของคณะกรรมการ ซึ่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ ยืนยันว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเดินหน้าต่อตามแผนเดิม ตามที่ครม.มีมติเห็นชอบ
เมื่อถามอีกว่าจะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ เกี่ยวข้องกับข้อกังวลของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือไม่ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ โดยนายกฯได้สั่งการว่าต้องทำด้วยความรอบคอบ ในประเด็นที่เราเห็นว่าไม่มีความชัดเจน ก็ให้มีการปรึกษากฤษฎีกาในเรื่องข้อกฎหมาย ขณะนี้ยังไม่ได้มีการส่งเรื่องดังกล่าวไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาแต่อย่างใด ทั้งนี้ การใช้งบประมาณจากธนาคารธ.ก.ส. เป็นไปตามมาตรา 28 ของงบประมาณปี 2568 ซึ่งจะสามารถดำเนินการได้ในเดือนต.ค. ซึ่งถือว่ายังคงมีเวลาอยู่.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นิพนธ์' ซัดรัฐบาลแจกเงินหมื่น เฟส 2 หวังผลการเมือง ไม่ใช่กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย-อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอดีตนายก อบจ. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 2 ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีการแจกเงินสด 10,000 บาท ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนในระบบและยืนยันตัวตนแล้ว รวมกว่า 4 ล้านคน
ป้า 67 ป่วยหลายโรค หาบเร่ขายของเลี้ยงชีพ หวังได้เงินหมื่น เฟส 2 หวั่นตกหล่น บัตรคนจนก็ไม่มี
บุรีรัมย์ ป้า 67 ป่วยความดัน มีก้อนเนื้อที่คอ แต่ต้องหาบเร่ขายของเลี้ยงชีพและลูกพิการ หวังได้เงินหมื่น เฟสสอง มาแบ่งเบา
รัฐบาลเคาะแจกเงินหมื่น เฟส 2 ให้คนอายุ 60 ปีขึ้นไป ก่อนวันตรุษจีนปี 68
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่ 1/2567 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การคลัง
คกก.นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ นัดประชุมครั้งแรก 19 พ.ย. ถกแจกเงินดิจิทัลรอบใหม่
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยภายหลังหารือกับ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และหน่วยงานเศรษฐกิจว่า ในวงหารือได้เคาะวันประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ