กต.ยันสถานการณ์ชายแดนเมียนมาดีขึ้นหยุดยิง 48 ชม.แต่ยังไม่แน่นอน!

กต. เผยสถานการณ์ชายแดนเมียนมาดีขึ้น ไม่ยิง 48 ชม.แล้ว ผู้หนีภัยทยอยกลับแล้ว “นิกรเดช” ย้ำยังต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด รับสถานการณ์ไม่แน่นอน ยันไทยพร้อมเป็นตัวกลางเจรจา

24 เม.ย.2567 - ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา ว่า คณะกรรมการได้ติดตามสถานการณ์ความมั่นคง สังคม และเศรษฐกิจ ที่ประชุมรับทราบสถานการณ์ว่ามีความไม่แน่นอนสูง มีความผันผวน มีการขยายพื้นที่การสู้รบระหว่างฝ่ายต่อต้านและกองทัพเมียนมา ชายแดนไทยและเมืองเมียวดีเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่ฝ่ายต่อต้าน และกองทัพเมียนมาต้องการยึด โดยแนวโน้ม 48 ชั่วโมงที่ผ่านมาทุกอย่างดีขึ้น คนในพื้นที่ไม่ได้ยินเสียงปะทะ

“สภาความมั่นคงแห่งชาติร่วมกับหน่วยข่าวได้ประเมินสถานการณ์ไว้หลายสถานการณ์ รวมถึงสถานการณ์ที่จะมีผู้หนีภัยความไม่สงบเข้ามาฝั่งไทยมากขึ้น ผมขอย้ำท่าทีไทยว่า 1.ไทยยึดมั่นรักษาอธิปไตยของคนไทย รวมถึงการดูแลความปลอดภัยความมั่นคงของพี่น้องชาวไทย 2.ไทยไม่ให้ใช้ดินแดนในการดำเนินกิจกรรมต่อต้านรัฐบาลต่างประเทศไม่ว่าจะจากฝ่ายใด 3.ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมแก่ทุกฝ่ายโดยไม่เลือกปฏิบัติ” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว

นายนิกรเดช กล่าวต่อว่า สถานการณ์ปัจจุบันไม่ใช่การกระทบกระทั่งระหว่างไทย-เมียนมา และไทยไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาภายในของเมียนมา ไทยมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนว่าเราจะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่กลุ่มต่างๆ ที่เข้ามาสู่ประเทศไทย ทั้งกลุ่มพลเรือน ทหารที่ขอหนีภัย ซึ่งเรามีหลักสากลในการให้ความช่วยเหลือ ทั้งการปลดอาวุธ และการเปลี่ยนเครื่องแบบเป็นเครื่องแบบพลเรือน ส่งกลับประเทศเมื่อสถานการณ์สงบผ่านหลักการไม่ส่งผู้หนีภัยกลับไปสู่อันตราย ทั้งนี้การดำเนินการจะตั้งอยู่บนพื้นฐานสมดุล ความมั่นคง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และหลักสิทธิมนุษยชน

นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า ส่วนผลกระทบต่อไทยยังอยู่ในระดับที่ไม่รุนแรง มีผลกระทบทางการค้าชายแดน ซึ่งเป็นผลกระทบชั่วคราว คณะกรรมการจึงพิจารณาแนวปฏิบัติการบริหารจัดการผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ซึ่งจะมีการปรับให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันอยู่เสมอ โดยมีการเตรียมการ 4 ส่วน ประกอบด้วย 1.ภาวะปกติ 2.การดำเนินการกรณีที่ผู้หนีภัยเข้ามายังประเทศไทยแล้ว 3.การขอรับการสนับสนุนในภาพรวมจากองค์การระหว่างประเทศ 4.การประชาสัมพันธ์ให้สาธารชนทราบ นอกจากนี้คณะกรรมการยังมีแนวทางจัดตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณารายละเอียด จะประกอบด้วยผู้ประสานงานหลัก และหน่วยงานต่าง ๆ โดย สมช.จะเป็นผู้ดำเนินการในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการชุดนี้

นายนิกรเดช กล่าวด้วยว่า ตามที่ได้รับรายงานมานั้น ตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. ไม่มีการสู้รบในบริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 โดยผู้หนีภัยความไม่สงบที่มาอยู่ในฝั่งไทยสูงสุดคือ 3,000 กว่าคน แต่จนถึงตอนนี้ได้เดินทางกลับไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ โดยจำนวนที่ยังอยู่ในไทยตอนนี้ประมาณ 650 คน และคาดว่า มีแนวโน้มที่ผู้หนีภัยจะเดินทางกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับการค้าชายแดน นายนิกรเดช ระบุว่า ได้รับผลกระทบพอประมาณตั้งแต่เดือนมกรา-มีนาคม พบว่า ปริมาณการค้าในชายแดนลดลงประมาณไม่เกิน 20% แต่สิ่งที่สำคัญมากที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว้าการกระทรวงการต่างประเทศได้ลงพื้นที่คือ เรื่องขวัญกำลังใจของประชาชน ซึ่งท่านต้องการให้ประชาชนตามแนวชายแดนความสบายใจ และมีความมั่นใจในมาตรการที่รัฐบาลเริ่มดำเนินการอยู่

เมื่อถามว่าในที่ประชุมได้มีการประเมินหรือไม่ว่าด่านพรมแดนแม่สอดจะเปิดได้เมื่อใด นายนิกรเดช กล่าวว่า ตอนนี้ขึ้นอยู่กับฝั่งเมียนมาว่าเจรจากันไปถึงไหน ตนทราบว่าทุกฝ่ายในเมียนมาก็เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเปิดช่องทางการเดินทางเพราะสะพานมิตรภาพแห่งที่สอง เป็นช่องทางการค้าชายแดนที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง ดังนั้น ที่ปิดก็เพราะมีความเสี่ยง และทางเจ้าหน้าที่ฝั่งเมียนมาไม่สามารถมาปฏิบัติหน้าที่ได้ ตนเชื่อว่าสะพานน่าจะเปิดได้ในเร็วๆนี้ เมื่อวานนี้รองนายกฯปานปรีย์ ก็ได้หารือกับสภาหอการค้าและภาคเอกชน ทุกฝ่ายก็มีความประสงค์เดียวกันว่าอยากจะให้การค้าชายแดนกลับมาสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

เมื่อถามว่าการไทยจะเป็นตัวกลางในการประสานตามที่นายปานปรีย์ได้ให้สัมภาษณ์ ทางกระทรวงได้ดำเนินการถึงขั้นตอนไหน และกรอบเวลา สถานที่จะเป็นอย่างไร นายนิกรเดช กล่าวว่า ไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้านของเมียนมา และสมาชิกของอาเซียน รวมถึงเป็นประเทศที่มีความสนิทสนมกับประเทศลาว ที่เป็นประธานอาเซียน เราได้สนับสนุนในทุกข้อริเริ่ม ซึ่งไทยได้เสนอให้มีการประชุมอาเซียนทอยก้า และอาเซียนทอยก้าพลัส เพื่อหาสันติภาพในเมียนมา โดยได้ส่งไปทุกประเทศแล้ว โดยเฉพาะลาว ซึ่งเป็นประธานอาเซียน ส่วนเกิดที่ไหนยังไม่มีข้อสรุป แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดที่ประเทศไทยก็ได้ หากมีการนัดจะรีบแจ้งให้ทราบ และขอย้ำว่าไทยพร้อมเป็นหนึ่งในผู้ที่จะทำให้เกิดการพูดจาในเมียนมา เบื้องต้นยังไม่ได้รับการติดต่อทั้งจากฝ่ายรัฐบาลเมียนมาและกลุ่มต่อต้าน

“ไม่ใช่แต่เฉพาะกับเรื่องเมียนมา แต่ไทยเป็น Advocate for Peace ดังนั้นย่อมเป็นเรื่องปกติมาก เมื่อเรื่องเกิดขึ้นประชิดชายแดนเพื่อนบ้านเรา เรายอมย้ำจุดยืนการเป็น Active promoter of peace การเป็นประเทศผู้ต้องการนำสันติสุขมาสู่ความขัดแย้ง สะท้อนออกมาในการที่ประเทศไทยแสดงความพร้อมตามที่ทุกท่านทราบ เป็นหนึ่งในคนที่เข้าไปช่วยให้เกิดการพูดจาระหว่างฝ่ายต่างๆในเมียนมา หากฝ่ายเมียนมาเห็นว่าเรามีความพร้อมก็จะไปช่วย” นายนิกรเดช กล่าว

ส่วนกรณีที่ทหารเมียนมากำลังปฏิบัติการยึดคืนพื้นที่จังหวัดเมียวดี นายนิกรเดช กล่าวว่า ทางการไทยติดตามข่าวตลอด ไม่ใช่แค่เฉพาะพื้นที่ชายแดนและกรุงเทพฯ เรามีสถานทูตและประชาคม ดังนั้น เรามีการติดตามข้อมูลอยู่ตลอดเวลาว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างไร ซึ่งสถานการณ์ค่อนข้างเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

“ผมย้ำอยู่เสมอว่าเราติดตามกันรายชั่วโมง รายวัน มีความเคลื่อนไหวของฝ่ายกองทัพเมียนมา ขณะเดียวกันก็มีความเคลื่อนไหวในฝ่ายต่อต้านด้วย ผมจึงขอไม่สามารถให้ข้อมูลที่ชัดเจนได้เพราะตัวผมเองก็ได้รับรายงานที่ปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา” นายนิกรเดช กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กต. แจง 2 ตัวประกันไทยเสียชีวิต จากเหตุปะทะในกาซา เรียกร้องปล่อยอีก 6 คนทันที

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารสนเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่ากระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟว่า

กต. เผยรัฐบาลเตรียมแถลงจุดยืน เหตุโจมตีโรงพยาบาลในฉนวนกาซา เสียชีวิตหลายร้อยคน

นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงความคืบหน้าสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลและภารกิจอพยพคนไทย ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์สำคัญโจมตีโรงพยาบาลที่ฉนวนกาซา

คนไทยในอิสราเอล แจ้งขอกลับเพิ่มเป็น 5,174 คน ก.แรงงานเยียวยาเบื้องต้นคนละ 1.5 หมื่นบาท

นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ นายนฤชัย นินนาท รองอธิบดีกรมการกงสุล และนายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ร่วมกันแถลงข่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยในประเทศอิสราเอล