'กุนซือสมองเพชร' ชงรัฐบาลเร่งทำ 10 เรื่อง ฝ่าวิกฤติปี 65

3 ม.ค. 2565 – นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ข้อเสนอต่อรัฐบาลในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2565

ในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่มีความปรารถนารถดีต่อประเทศชาติ ต่อพี่น้องประชาชน และต่อรัฐบาลซึ่งบริหารราชการแผ่นดินอยู่ในปัจจุบัน ก็ต้องออกความเห็นความเห็นในบางประการ เพื่อเสนอให้รัฐบาลพิจารณาในการนำพาชาติบ้านเมืองออกจากวิกฤตดังต่อไปนี้

1.เสนอให้รีบนำประเทศกลับคืนสู่เป็นปกติโดยเร็วที่สุด เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสก็เบาบางลงมากแล้ว และคนไทยก็รู้วิธีป้องกันรักษาตัวเองมากขึ้นแล้ว แม้ติดเชื้อก็รักษาหายได้โดยไว จึงควรยกเลิกประกาศฉุกเฉินคืนอำนาจแก่รัฐมนตรีทั้งหลาย เพื่อให้บ้านเมืองกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

2.เร่งคืนอำนาจเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และเมืองพัทยาให้เร็วที่สุด เพราะไม่มีประโยชน์ใดที่จะยื้อยุทธ์เอาไว้อีกแล้ว และส่งผลดีต่อการทำให้เพิ่มสภาพคล่องแก่ชาวกรุงเทพฯ และพัทยารวมกันไม่น้อยกว่า 5 หมื่นล้านบาท

3.ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการส่งออก และธนาคารกรุงไทย ออกพันธบัตรระยะ 20 ปีวงเงินรวม 1 ล้านล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3.5% เพื่อช่วยเหลือผู้มีเงินฝากไม่ให้ขาดทุนจากอัตราเงินเฟ้อ และนำเงินนี้ไปเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs, การค้าอสังหาริมทรัพย์ และการส่งออก เพื่อให้ภาคธุรกิจเหล่านี้ฟื้นตัวโดยเร็ว โดยคิดดอกเบี้ยเพียง 5% ซึ่งจะช่วยให้เกิดการจ้างงานทั่วประเทศ ถ้าไม่พอก็อัดเพิ่มเป็น 1.5 ล้านล้านบาทได้ตามที่เห็นสมควร

4.เร่งเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน จากหนองคาย เวียงจันทร์ และเข้าร่วมแผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงให้เร็วที่สุด เพื่อให้รองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมายังประเทศไทยได้ ทั้งทางบก และทางแม่น้ำโขง และเพื่อให้การขนส่งสินค้าภาคเกษตร และอุตสาหกรรมจากไทยไปจีน และทั่วโลกได้โดยสะดวกรวดเร็ว ลดการเสียเปรียบ และความเสียหายจากนั้นปรับการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน จากหนองคาย – อุดร – ขอนแก่น – โคราช – สระบุรี – กรุงเทพฯ ให้เป็นเดินรถได้เร็วที่สุด และเร่งเชื่อมจากกรุงเทพฯ ไปยังสุไหงโก-ลก – มาเลเซีย – สิงคโปร์ – บรูไน – อินโดนิเซีย เพื่อป้องกันความเสียเปรียบหากว่า จีน – กัมพูชา – มาเลเซีย จะเชื่อมต่อเส้นทางสายไหมจากสีหนุวิลล์ ไปยังสิงคโปร์ หรือมาเลเซียเสียก่อน

5.เร่งจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนด้านตะวันตก ด้านเหนือ ด้านอีสานเหนือ ด้านอีสานใต้ และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษโคราช สุราษฎร์ธานี และ 3 จังหวัดรอบทะเลสาบสงขลา เปิดรับการลงทุน 10 ล้านล้านบาทเข้าประเทศ

6.อนุญาตให้จังหวัดสำคัญสร้างรถไฟฟ้ารอบจังหวัด เพื่อระดมการลงทุนเข้าจังหวัดต่างๆ อย่างน้อย 30 จังหวัด เพื่อให้มีเงินลงทุนเข้าประเทศไม่น้อยกว่า 6 ล้านล้านบาท

7.ตั้งผู้แทนการค้าจำนวน 5 คน รับเป้าการค้าคนละ 3 แสนล้านบาทต่อปี เพื่อเจรจาทางการค้ากับต่างประเทศ เพิ่มยอดการค้า และส่งออกปีละ 25 ล้านล้านบาท

8.เร่งปรองดองภายในพรรคแกนนำของรัฐบาลทำให้การเมืองส่วนพรรคร่วมรัฐบาลมีเอกภาพ และเสถียรภาพ วางความขุ่นแค้นเคืองใจส่วนบุคคลลง ระดมคนดีมีฝีมือเข้ามาช่วยชาติบ้านเมืองในยามวิกฤต และเชิญผู้แทนพรรคการเมืองฝ่ายค้านเข้ามาร่วมแก้ปัญหาวิกฤตของบ้านเมือง และสร้างความปรองดองสามัคคีในหมู่ประชาชนภายในชาติ ตามแนวทางนโยบายฯ 66/2523

9.สร้างความสมดุลในกิจการวิเทศสัมพันธ์ ที่ไม่ตั้งตนเป็นศัตรูกับใคร และสร้างมิตรไมตรี ที่เอื้อผลประโยชน์ทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างกันอย่างเต็มอัตรา

10.ปฏิรูปการปกครอง และกฎหมายให้เป็นธรรมรัฐ และนิติรัฐ

ด้วย 10 ประการนี้ บ้านเมืองของเราก็จะฝ่าฟัน และผ่านพ้นวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดในปี 2565 ไปได้ และในวันหนึ่งเมื่อถึงคราววางอำนาจลงก็จะได้รับความยกย่องให้เป็นวีรบุรุษ และวีรชนของชาติ ดีกว่าปล่อยให้วันเวลาผ่านล่วงพ้นไปเปล่าๆ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลลุยขายฝันหนีบ่วงการเมือง แกนนำม็อบขยับจัดทัพเดินหน้าไล่

การแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 3 เดือนของ อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายใต้ชื่อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” ที่สตูดิโอ 4 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT)

'ภูมิธรรม' ห่วง 4 ลูกเรือไทย สั่งดูแลครอบครัว 'บัวแก้ว' นัดเจรจาเมียนมา 19 ธ.ค.

'ภูมิธรรม' ห่วงลูกเรือคนไทย 4 คน ที่ถูกคุมตัวอยู่จังหวัดเกาะสอง สั่งเร่งประสานช่วยเหลือครอบครัวใกล้ชิด ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ นัดหารือฝ่ายเมียนมา 19 ธ.ค.นี้

'ทักษิณ' ลั่นล้านเปอร์เซ็นต์ 'เกาะกูด' ของไทย ไม่บ้ายกให้กัมพูชา จ่อติวเข้ม สส. แจงปชช.

'ทักษิณ' ลั่นล้านเปอร์เซ็นต์ 'เกาะกูด' เป็นของไทย โต้เฟกนิวส์ใช้เอไอปล่อยข่าวมั่ว ชี้ใครจะบ้ายกให้ เตรียมติว สส. เพื่อไทย แจงประชาชนถึงที่มา MOU 44

รัฐบาลชวน 'ครู-นร.' ลงทะเบียน 'ซิมพร้อมเรียน' ใช้เน็ตฟรี

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้ร่วมมือกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)