เอาแล้ว 'บิ๊กโจ๊ก' โวยลั่นถูก สส. ป้ายสีกลางสภาฯ

4 เม.ย.2567 - พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติงานสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า กราบเรียน ประชาชนที่เคารพรักครับ

วันนี้ ผมได้ฟังการอภิปรายไม่วางใจ ของ สส. ท่านหนึ่ง ซึ่งอภิปรายในการประชุมสภาฯ ญัตติอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152

การอภิปรายของ สส.ท่านนี้ กระทบต่อการทำหน้าที่เพื่อประชาชนของผม โดยกล่าวอ้างว่า ผมอวดเบ่งอำนาจ เรียก ผู้กำกับ มาประชุมที่สโมสรตำรวจ จน ผู้กำกับตาย

ผมขอชี้แจงว่า ท่านเป็น สส. ท่านจะพูดอะไรในสภาฯ ท่านต้องดูข้อมูลให้รอบด้าน ไม่ใช่พูดเอามัน แน่นอนว่า ตอนนี้ตำรวจมีภาพลบมาก ผมไม่เถียง แต่ตำรวจที่ทำงานเพื่อประชาชน ก็มีมาก

ผมขอบอกให้ท่าน ทราบว่า สโมสรตำรวจ คือสถานที่ ที่ประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนแล้ว ไม่มีที่ไหนแก้ไขให้เขาได้ เขาก็เลยเข้ามาหาผม ที่สโมสรตำรวจ โดยที่ผมไม่ได้บังคับ และเมื่อเขาได้มาร้องทุกข์กับผม เขาก็กลับไปจากผมด้วยความสบายใจ เพราะผมได้ติดตามและแก้ปัญหาให้ จนพวกเขาได้รับความยุติธรรม ซึ่งวิธีการของผม เป็นการแก้ปัญหาเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ทุกคนที่มาสโมสรตำรวจ ล้วนกลับบ้านด้วยหัวใจที่อบอุ่น เต็มไปด้วยความหวัง ที่ได้รับความเป็นธรรม และยังกลับไปบอก ญาติพี่น้อง ทั้งหมู่บ้าน ว่า มีปัญหา ให้ไปหารองโจ๊กสิ คดีจบแน่ ได้ความเป็นธรรมแน่ คราวนี้ ก็เลยยกกันมาทั้งหมู่บ้าน เต็มสโมสรตำรวจทุกวัน ผมก็รับเองทุกวัน

ถามว่า ผมดูเองหมดทุกคดี ร่วมกับ ผู้กำกับโรงพัก เหนื่อยไหม เหนื่อยครับ แต่มันหายเหนื่อย ตอนที่ชาวบ้าน เขาได้รับความเป็นธรรม

ผมขอบอกก่อนนะครับว่า ในวันที่เราเดือดร้อน มีปัญหา ชาวบ้านเหล่านี้ เขาช่วยอะไรเราไม่ได้นะครับ เพราะชาวบ้านเหล่านี้ เขายังไม่มีเงินพอที่จะซื้อซิม ซื้อเน็ต โพสต์เชียร์เราเลย แต่ถามว่า ที่ผมทำให้ ที่ผมช่วย เพราะชาวบ้านเหล่านี้ เขาเอื้อมไม่ถึงความยุติธรรม เพราะเขาไม่มีเงิน ผมจึงต้องช่วย

ก่อนอื่น ท่านต้องเข้าใจการทำงาน การสอบสวนคดี การอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชน เสียก่อนนะครับ ท่านต้องมีความรู้ที่แท้จริงนะครับ ว่าเรื่องราวความเดือดร้อนของประชาชน อยู่ที่โรงพักทั้งหมด ทั้งประเทศเรามีโรงพักทั้งหมด 1484 โรงพัก ปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนคือ ประชาชนไปพบร้อยเวร ร้อยเวรไม่รับแจ้งความ ไม่รับคดี ไม่ทำคดีให้เสร็จเร็ว “กันจอมพลัง” เอาผู้เสียหายถูกข่มขืนมาพบ เอาเหยื่อมาพบ แม่ผู้เสียหายลูกถูกฆ่าไม่ได้รับความเป็นธรรมมาพบ “สายไหมต้องรอด” พาผู้เสียหายทุกรูปแบบมาพบ ประชาชน ไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งประเทศมาพบ ผม ผมรับทุกเรื่อง ด้วยตัวเอง เรียกว่า เป็น รอง ผบ.ตร. แต่ทำตัวเหมือนร้อยเวรสอบสวน

ร้อยเวร 1 คน รับคดีแค่ 1 โรงพัก แต่ผมคนเดียว ยืนรับคดีชาวบ้าน ที่มาพบด้วยความเดือดร้อน จากทั้งประเทศ เพราะฉะนั้น อำนาจการสอบสวนคดีอยู่ที่โรงพักทั้งหมด ผมก็ต้องเรียก ผู้กำกับโรงพัก นั้น โรงพักนี้ มาพบ เพื่อตรวจสำนวน ดูว่า ทำไมทำคดีล่าช้า ติดตรงไหน บางครั้งไปติดเรื่องผลตรวจพิสูจน์ของกลาง ไปติดปัญหาเรื่องการประสานงานอัยการ ศาลบ้าง ผมก็ต้องลงไปช่วยลูกน้อง แก้ไขปัญหาเพื่อช่วยร้อยเวร ให้สามารถสรุปสำนวนการสอบสวนได้รวดเร็ว บางครั้ง ลูกน้อง ยศเล็ก เขาก็ประสานขอสอบสอบสวนพยานต่างกระทรวง ไม่ได้ ผมก็ต้องยกหูหา อธิบดี กรมนั้น กรมนี้ให้ เพราะเป็นเพื่อนกัน มันก็ทำให้การทำงานมันเร็วขึ้น ผมบอกร้อยเวรเลยว่า น้อง พรุ่งนี้ 10 โมงเช้าน้องไปสอบพยานเลย พี่ประสานอธิบดีไว้ให้แล้ว อีกทั้งผมก็ยังมีคณะพนักงานสอบสวนผมอยู่อีก 1 ชุดที่สโมสรตำรวจ ผมเอาอดีตผู้บังคับการสอบสวน ที่เกษียณ พร้อมคณะพนักงานสอบสวน มาช่วยงาน นั่งกรองสำนวน

ช่วยกลั่นกรองสำนวน ของผู้กำกับโรงพักต่างๆ ที่ชาวบ้านเขามาร้องเรียนให้รัดกุมมากขึ้น เพื่อเอาผู้ต้องหาไปให้ศาลลงโทษให้ได้ ไม่ใช่ว่าจับแล้วแถลงข่าวโชว์ แต่พอไปศาล ศาลยกฟ้องหมด ผู้ต้องหาหลุด สุดท้ายผู้ต้องหาเหล่านี้ก็กลับมาเล่นงานผู้เสียหายอีก อันนี้แหละเขาเรียกว่าการทำงาน ที่ รอง ผบ.ตร. ลงไปช่วยลูกน้องขับเคลื่อนงานสืบสวนสอบสวน โดยแท้จริง อย่างเป็นธรรม

แน่นอนครับ ลูกน้องผม ผู้กำกับคนไหน ขี้เกียจ โดนผมจี้งานก็จะไปบ่น แต่ผู้กำกับคนไหนขยัน ก็บอกว่าชอบ ดี นายโจ๊ก ลงมาเองเลย มีแบ๊ค ไปชนกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่แล้ว กล้าสั่งคดีแล้ว พอตอนสุดท้าย คดีส่งฟ้องได้หมด ผู้ต้องหาถูกลงโทษหมด ใครได้ประโยชน์ครับ ก็ประชาชนนั้นไงครับ แล้วสุดท้าย ผู้กำกับ ที่บ่นผม ก็ดีใจ เพราะชาวบ้านมาขอบคุณผู้กำกับที่สั่งคดี เอาผู้ต้องหาไปลงโทษได้ และผู้กำกับ ก็เลิกบ่น เพราะนายโจ๊กเร่ง จนสำนวนไม่ค้างเลย

ผมขอบอกท่านนะว่า ถ้าท่านจะอภิปรายอะไร ท่านต้องลงพื้นที่ไปถามชาวบ้านดู ว่าชาวบ้านเขาพูดถึงผมอย่างไรไม่ใช่ไปเอาข้อมูลที่ใส่ร้ายป้ายสีกันในวงการตำรวจ แล้วมาพูดในสภาอันศักดิ์สิทธิ์ แห่งนี้

ท่านทราบไหมว่า ประชาชนที่เขาดูหน้าจอ เขาจะงงว่า อ้าวก็เขาไปสโมสรตำรวจ คดีของเขารวดเร็ว ได้ความเป็นธรรมชัดเจน รองโจ๊ก คือที่พึ่งของเขา รองโจ๊ก คือตัวแทนของความยุติธรรม ที่จับต้องได้ ท่านต้องลองไปถามชาวบ้านบ้าง ว่ามีชาวบ้านบ้านคนไหน เขากร่นด่าผม และข้อสำคัญ ผมไม่ได้ทำเพื่อคะแนนเสียง ผมทำเพื่อความเดือดร้อนของประชาชน ที่เขาเอื้อมไม่ถึงความยุติธรรม

ดังนั้น ก่อนที่ท่านจะพูดถึงเรื่องตำรวจ ความเป็นธรรม ท่านต้องสัมผัสแบบผมให้ได้ก่อนว่า เวลาชาวบ้านเขาเจอความยุติธรรม เขาดีใจจนน้ำตาไหลอย่างไร ผมแค่เป็นห่วง ว่าจะเจอแนวร่วมมุมกลับนะครับ

ว่างๆ นั่งคุย กับผู้การแมว อาจารย์ผมบ้าง ท่านจะได้เข้าใจมากยิ่งขึ้นว่า คนทำงานที่ติดดินแบบผม อยู่กับชาวบ้านอย่างไร ไม่ใช่มโนครับ อย่าให้ต้องระดมชาวบ้านมาลงคะแนนแข่งกันนะครับ ขอบคุณมากครับ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มาแล้ว! ศาลปกครอง ร่อนเอกสารชี้แจงปม 'บิ๊กโจ๊ก' ยังไม่มีคำพิพากษาใดๆ

ศาลปกครอง เผยแพร่เอกสารชี้แจง กรณีที่มีสื่อมวลชนนำเสนอผลการพิจารณาคดีของศาลปกครองสูงสุด ในคดีที่พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ยื่นฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน นั้น

ลุ้นองค์คณะฯอ่านคำพิพากษา ดับฝัน 'โจ๊ก-แมว9ชีวิต' กลับตร.

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา "บิ๊กโจ๊ก" - พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อตรวจสอบความชอบธรรมของคำสั่งให้ออกจากราชการ ซึ่งคดีนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ได้รับความสนใจ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจทางปกครองในระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ผบ.ตร. ไม่ขอก้าวล่วง ศาลปกครองสูงสุด ชี้ขาด 'บิ๊กโจ๊ก' ขอคุ้มครองชั่วคราว

พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลปกครองยกคำร้องคุ้มครองชั่วคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ว่า ตนขอให้ความเห็นแบบกว้าง ๆ

ศาลปกครองสูงสุด ปิดเงียบผลชี้ขาดคดีบิ๊กโจ๊ก สั่งเก็บหลักฐานฟันสื่อละเมิดอำนาจศาล

นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานการประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด

จบแล้วบิ๊กโจ๊ก! สะพัด ศาลปกครองสูงสุด ชี้คำสั่ง 'ให้ออกจากราชการ' ชอบด้วยกฎหมาย

ที่ศาลปกครองกลาง ถ.เเจ้งวัฒนะ มีการประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด โดยนายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานการประชุม